ทำเนียบรัฐบาล 30 มี.ค.-นายกฯ เผยลงพื้นที่ตลาดวานนี้ ให้กำลังใจและรับฟังความเดือดร้อนจากพ่อค้าแม่ค้า ยันรัฐบาลแก้ปัญหาเต็มที่ ขออย่ามองเป็นเรื่องหาเสียง
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการลงพื้นที่ตลาดทรัพย์สินพัฒนา (ตลาดสะพานขาว) ถนนหลานหลวง เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร วานนี้(29 มี.ค.) ว่า เมื่อมีเวลาก็อยากจะไปเยี่ยมให้กำลังใจกลุ่มพ่อค้าแม่ค้า โดยสอบถามว่าค้าขายเป็นอย่างไร ซึ่งบางร้านค้าบอกว่าถ้าขายไม่หมดก็จะแปรรูปไปทำเป็นอย่างอื่นหรือแจกจ่ายคนอื่น ซึ่งตนก็ชื่นใจและขอบคุณที่คิดได้แบบนี้ หลายคนสะท้อนว่ามีความลำบากและรายได้ลดลง การซื้อของต่าง ๆ จากที่เคยซื้อได้จำนวนมากก็ลดลงไปด้วย แต่ก็เข้าใจว่ามีสาเหตุเกิดจากอะไร
“ผมได้ให้กำลังใจและบอกว่าจะพยายามทำอย่างเต็มที่ ทราบว่าทุกคนเดือดร้อนไม่มีความสุข ในฐานะนายกรัฐมนตรีจะมีความสุขได้อย่างไร ที่ผ่านมาได้รับรายงานมาตลอดทุกวัน รู้ว่าทุกคนเดือดร้อน แต่สิ่งสำคัญคือจะแก้ปัญหาเหล่านี้ได้อย่างไร ที่จะไม่ส่งผลกระทบไปอย่างอื่นในระยะยาว ไม่ว่าจะเรื่องของงบประมาณ การเงินการคลัง เรื่องความพอเพียงและความพอใจของประชาชน ทั้งหมดต้องหารือร่วมกัน ซึ่งมีคณะทำงานหลายคณะ การจะมีมาตรการอะไรออกมา ต้องทำความเข้าใจว่าจะมีผลกระทบอย่างไรหากสถานการณ์ยืดยาวไปมากกว่านี้ ทั้งหมดไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ทำอย่างเต็มที่และขอขอบคุณประชาชนที่เข้าใจว่าปัญหาเกิดขึ้นจากอะไร” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในฐานะผู้นำรัฐบาลจะทำอย่างเต็มที่ที่จะแก้ปัญหานี้ให้ได้ ซึ่งอาจจะไม่ได้ 100% และไม่เป็นที่พอใจของทุกคนทุกภาคส่วน ซึ่งวิกฤติการณ์เหล่านี้ไม่เคยเกิดขึ้นพร้อมกัน แม้กระทั่งประเทศไทยก็ไม่เคยเจอ ทั้งสถานการณ์โควิด-19 และสถานการณ์การสู้รบ ที่ส่งผลกระทบกับห่วงโซ่ทุกมิติ ที่หลายประเทศมีความเชื่อมโยงกัน เรื่องนี้ต้องเข้าใจและให้ความเป็นธรรมกับรัฐบาลด้วย
“ไม่เคยนิ่งดูดายทุก ๆ งานและจะหาโอกาสเหมาะสมไปเยี่ยมเยือนในหลายพื้นที่ เพื่อไปพูดคุยและให้กำลังใจ ถึงแม้ว่าใครจะชอบหรือไม่ชอบก็ไม่ได้สนใจตรงนั้น ซึ่งการที่มีทั้งคนพอใจและไม่พอใจถือเป็นเรื่องธรรดา จะให้ใครรักเราทุกคนคงเป็นไปไม่ได้ แต่อยากให้เข้าใจว่าความตั้งใจของผมคืออะไร พยายามจะทำอย่างดีที่สุด” นายกรัฐมนตรี กล่าว
ส่วนที่บางคนมองว่าการลงพื้นที่อาจเป็นการโฆษณาแฝง หรือช่วยใครหาเสียงหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทำไมต้องมองไปถึงเรื่องการหาเสียง พร้อมย้อนถามว่า ตนไปหาเสียงให้ใคร และไปให้เครดิตกับผู้สมัครคนใดหรือไม่ หากมองเช่นนั้นก็ไม่ต้องทำอะไร ซึ่งการไปหรือไม่ไปลงพื้นที่ก็มักจะถูกต่อว่า
“วันนี้หลายโครงการที่อนุมัติไป ผมเน้นลงพื้นที่ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ของใครก็ตาม ถ้ามีความจำเป็นเร่งด่วนก็ทำให้ ไม่เลือกปฏิบัติ และนี่คือรัฐบาลของผม ไม่ใช่มองเป็นการหาเสียงไปหมด ขอให้แยกแยะให้ได้ ไม่เช่นนั้นก็ไม่เข้าใจกันไปและบิดเบือนกันไปมา ซึ่งจะทำให้แบ่งคนออกเป็นหลายฝ่าย และวันข้างหน้าจะอยู่กันอย่างไร ซึ่งในวันข้างหน้าใครจะอยู่ก็ยังไม่ทราบ แต่ผมต้องการให้ประเทศเกิดความรัก ความสามัคคีเท่านั้น” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประเทศไทยไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน ที่เวลาจะไปไหน ก็จะมีกลุ่มนั้นหรือกลุ่มนี้มาต่อต้าน และจะให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกหรือ ตนไม่อยากให้เกิดความขัดแย้ง การไปไหนก็ตาม ถ้าแจ้งล่วงหน้าก็จะมีเรื่องทุกครั้ง ตนจะหาโอกาสเอง ถ้าสามารถไปได้ก็จะไป และต้องรับฟังฝ่ายที่รับผิดชอบเรื่องการดูแลความปลอดภัยด้วย
“ยอมรับว่าเหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้น้อยลง ในอดีตมีมากกว่านี้ เพราะผมไม่ต้องการให้คนแต่ละฝ่ายมาตีกันหรือมาต่อว่ากันไปมา นี่ไม่ใช่ลักษณะของคนไทยและประเทศไทย ทำให้ประเทศหมดเสน่ห์ ความขัดแย้งให้อะไร บางคนก็หวังว่าจะชนะ และถ้าชนะ แต่มีความขัดแย้งจะได้ประโยชน์อะไร ถ้าชนะแล้วความสงบเรียบร้อยไม่เกิดขึ้น ผมก็มีหน้าที่ที่จะทำให้บ้านเมืองเกิดความสงบเรียบร้อย” นายกรัฐมนตรี กล่าว.-สำนักข่าวไทย