ทำเนียบรัฐบาล 20 มค-นายกฯ กำชับสายด่วนต้องพร้อมให้ข้อมูลประชาชน กำชับดูแลบุคลาการแพทย์และครอบครัวที่ติดเชื้อ ขณะ ศบค.ชุดใหญ่ปรับพื้นที่ใหม่ เปิดลงทะเบียน Test & Go 1 ก.พ.นี้
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ผ่านระบบการประชุมทางไกล ซึ่งที่ประชุมเห็นชอบปรับระดับพื้นที่สถานการณ์ทั่วราชอาณาจักรพื้นที่ควบคุม 44 จังหวัด พื้นที่เฝ้าระวังสูง 25 จังหวัด และพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว 8 จังหวัดตั้งแต่วันที่ 24 ม.ค. 65 พร้อมเปิดรับลงทะเบียน Thailand Pass สำหรับผู้เดินทางเข้าราชอาณาจักรในรูปแบบ Test and Go สำหรับคนไทยและต่างชาติ เริ่ม 1 ก.พ. 65 โดยไม่กำหนดประเทศต้นทาง เห็นชอบขยายระยะเวลาพ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินออกไปอีก 2 เดือนตั้งแต่ 1 ก.พ.- 31 มี.ค. 65
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะปรับการดำเนินกิจการ / กิจกรรมต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ที่รัฐบาลต้องดำเนินมาตรการด้านเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 จึงขอให้ทุกคนร่วมมือกันดำเนินการตามมาตรการต่าง ๆ ที่ปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ต่อไป
นายกรัฐมนตรี แสดงความห่วงใยต่อเทศกาลตรุษจีนที่กำลังจะมาถึง โดยกำชับทุกส่วนราชการต้องมีมาตรการเด็ดขาด รัดกุมขึ้น ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดชุดตรวจ สายตรวจเข้าตรวจบริเวณพื้นที่ที่จัดงานเซ่นไหว้ต่าง ๆ ว่าดำเนินการตามมาตรการทางสาธารณสุขครบถ้วนหรือไม่ หากไม่ครบจะต้องยุติ ปิดหรือยกเลิกการจัดงาน โดยให้ดำเนินการอย่างเข้มงวด รวมทั้งเรื่องการทำความสะอาดสถานที่ต่าง ๆ ที่จัดงาน ต้องทำความสะอาดพื้นที่ที่จะจัดงานให้เห็นอย่างชัดเจน เป็นรูปธรรมตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป รวมถึงต้องมีมาตรการเข้า-ออก การตรวจ ATK
“หากพบว่าไม่ปฏิบัติตามมาตรการของภาครัฐ เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่จะต้องรับผิดชอบ และหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบจะต้องได้รับโทษทางวินัย หากปล่อยปละละเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานประกอบการที่เปิดอย่างผิดกฎหมาย เล่นการพนัน ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ฝ่ายความมั่นคง รวมถึงหน่วยงานในสังกัดทุกกระทรวงที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องจะต้องรับผิดชอบ เพราะการรวมคนจำนวนมาก หรือการจัดงานที่รวมคนถือเป็นความเสี่ยงสูง ซึ่งเจ้าหน้าที่รัฐระดับปฏิบัติจะต้องมีความเข้าใจ ปฏิบัติหน้าที่อย่างเสียสละและอดทน” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการทำงานที่ผ่านมาว่า เน้นแนวปฏิบัติ วิธีการปฏิบัติ และการแก้ไขปัญหาทุกขั้นตอนไว้ล่วงหน้า การออกมาตรการใด ๆ อาจต้องปรับปรุง เปลี่ยนแปลง สิ่งสำคัญที่สุดต้องเตรียมแผนเผชิญเหตุไว้ล่วงหน้า ดังนั้น ทุกกระทรวงทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องดำเนินการตามแผนที่เตรียมไว้ การเปิดประเทศวันนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงสาธารณสุข การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กระทรวงมหาดไทย และ ศปก.ศบค. ต้องยกระดับการปฏิบัติการให้ครอบคลุมตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทางอย่างเคร่งครัด หากปล่อยปละละเลย ต้องถูกดำเนินการทางวินัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปล่อยให้เปิดสถานที่ท่องเที่ยวกลางคืนโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือกระทำผิดพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ
นายกรัฐมนตรี กำชับหน่วยงานต่าง ๆ ให้มีความพร้อมและประสิทธิภาพของสายด่วนในการรับแจ้ง ปรึกษาระบบการรักษาและการตรวจ ให้การประสานส่งต่อข้อมูลอย่างแน่นแฟ้น เพื่อลดความกังวลของประชาชนให้ได้มากที่สุด รวมถึงรณรงค์ชี้แจงทำความเข้าใจ เพื่อสร้างความร่วมมืออย่างจริงจังกับทุกภาคส่วน ตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง และปลายทางให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ให้มีความเสียสละ อดทน ร่วมมือกันทั้งภาครัฐ ภาคประชาชน และภาคธุรกิจเอกชนด้วย
“ขอบคุณทุกฝ่ายที่ให้ความร่วมมือและเข้าใจสถานการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และโควิด หลายสิ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประเทศไทย ยืนยันจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด และขอให้ดูแลเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทุกคนที่ได้รับผลกระทบติดเชื้อโดยให้เข้ารับการรักษาและดูแลครอบครัวของเขาด้วย เพราะทุกคนต้องทำงานอย่างเสียสละ จริงใจ สุจริตโดยไม่หวังผลตอบแทน ซึ่งเป็นสิ่งที่ข้าราชการทุกคนทั้งการเมืองและภาครัฐต้องทำอย่างเต็มที่ เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชนผู้เป็นที่รักยิ่งตลอดไป” นายกรัฐมนตรี กล่าว
สำหรับมติที่ประชุมศบค.วันนี้ 1. เห็นชอบการปรับระดับพื้นที่สถานการณ์ทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 24 มกราคม 2565 เป็นต้นไป ดังนี้ พื้นที่ควบคุม (สีส้ม) 44 จังหวัด พื้นที่เฝ้าระวังสูง (สีเหลือง) 25 จังหวัด และพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว 8 จังหวัด ไม่ขยายระยะเวลา WFH (Work From Home) ให้เป็นไปตามความเหมาะสม และการพิจารณาของหน่วยงาน ส่วนพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยวและพื้นที่เฝ้าระวังสูง ให้จำกัดเวลาบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหาร ไม่เกิน 23.00 น. และเป็นร้านอาหารที่ผ่าน SHA+ หรือ Thai Stop COVID 2 Plus และตามมาตรการ COVID Free Setting ปรับรูปแบบและลดวันกักตัวสำหรับผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูงกับผู้ติดเชื้อเป็นกักตัว 7 วันสังเกตอาการอีก 3 วัน ตรวจหาเชื้อด้วย ATK
2. เห็นชอบการปรับมาตรการป้องกันโรคสำหรับการเดินทางเข้าราชอาณาจักร เปิดรับลงทะเบียน Thailand Pass สำหรับผู้เดินทางเข้าราชอาณาจักรในรูปแบบ Test and Go สำหรับคนไทยและต่างชาติ เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. 65 โดยไม่กำหนดประเทศต้นทาง ปรับมาตรการควบคุมโรคสำหรับการเดินทางเข้าราชอาณาจักรเพิ่มเติมการรับลงทะเบียน Thailand Pass พื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว (Sandbox) ได้แก่ จ.ชลบุรี (อ.บางละมุง เมืองพัทยา อ.ศรีราชา อ.เกาะสีชัง อ.สัตหีบ เฉพาะตำบลนาจอมเทียน ตำบลบางเสร่) และ จ.ตราด (เกาะช้าง) ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. 65 เปิดให้เดินทางเชื่อมโยงในกลุ่มพื้นที่ จ.ภูเก็ต กระบี่ พังงา สุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า) ได้ในช่วง 7 วันแรก และ3. เห็นชอบขยายระยะเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วราชอาณาจักร ออกไปอีก 2 เดือนเป็นคราวที่ 16 (1 ก.พ. – 31 มี.ค.65).-สำนักข่าวไทย