สธ.ยังรับมือโอไมครอนไหว

ทำเนียบรัฐบาล 19 ม.ค.-ศบค.เผยไทยติดโควิดเพิ่ม 7,122 ราย ตาย 12 ราย ชี้ โอไมครอนทั่วโลกยังน่าห่วง ระบาดหนักแทนเดลตา โควิดระบาดจังหวัดนำร่องท่องเที่ยว แต่ยังอยู่ในเกณฑ์ที่รับมือไหว


พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.แถลงสถานการณ์โควิด-19 ประจำวัน ว่า ผู้ป่วยรายใหม่  7,122 ราย แบ่งเป็น โดยเป็นผู้ป่วยในประเทศ 6,935 ราย  ผู้ป่วยรายใหม่ตรวจพบระบบเฝ้าระวังและบริการ 6,846 ราย จากการค้นหาเชิงรุกในชุมชน 89 ราย จากเรือนจำ 15 ราย และผู้เดินทางมาจากต่างประเทศเข้าสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ 172 ราย  ทำให้มียอดผู้ป่วยยืนยันสะสม 2,344,933 ราย รักษาหายป่วยเพิ่ม 7,460 ราย รวมรักษาหายป่วยสะสม 2,241,363 ราย ผู้ป่วยรักษาอยู่  81,602 ราย พบผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอาการหนัก 511 ราย ใส่เครื่องช่วยหายใจ 113 ราย ทำให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 12 ราย รวมเสียชีวิตสะสม 21,968 ราย 

พญ.อภิสมัย กล่าวว่า สำหรับตัวเลขผู้ติดเชื้อทั่วโลก 335,286,854 ราย  เสียชีวิต 5,573,381ราย ขณะที่ตัวเลขการฉีดวัคซีนสะสมระหว่างวันที่ 28 ก.พ.2564 -18 ม.ค.2565  มีผู้รับวัคซีนเข็ม 1 วันนี้ 4,5031 ราย ฉีดสะสม 51,879,455 รายและเข็ม 2 วันนี้ 96,086 รายฉีดสะสม 47,733,153ราย  เข็ม 3 วันนี้  340,711 ราย ฉีดสะสม 10,697,873ราย  ทั้งหมด 110,310,481 โดส


พญ.อภิสมัย กล่าวว่า สถานการณ์การติดเชื้อทั่วโลกยังพุ่งสูงขึ้นและองค์การอนามัยโลกยังน่าเป็นห่วง ถ้าเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันเมื่อปี 2564 โดยเฉพาะสายพันธุ์โอไมครอนยังมีทิศทางที่สูงขึ้น ทั้งในโซนของยุโรปและสหรัฐอเมริกามีความเป็นห่วงว่าอัตราการแพร่ระบาด สายพันธุ์โอไมครอนในประเทศทดแทนสายพันธุ์เดลต้า ภายในเวลาต่ำกว่าหนึ่งเดือน ถือว่าการแพร่ระบาดรวดเร็ว

พญ.อภิสมัย กล่าวต่อว่า ถ้าดูทิศทางตัวเลขผู้ติดเชื้อทั้งประเทศ พบว่าตัวเลขที่รายงานผู้ติดเชื้อสูงจะอยู่ในกลุ่มจังหวัดพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว (สีฟ้า) ซึ่งหลายฝ่ายมีความเป็นห่วงว่าในช่วงหลังเทศกาลปีใหม่ ตัวเลขผู้ติดเชื้อในจังหวัดนำร่องท่องเที่ยวขยับขึ้น แต่ถ้าจะพิจารณาเรื่องการผ่อนคลายมาตรการกระทรวงสาธารณสุข และศูนย์ปฏิบัติการ ศบค.ชุดใหญ่ และศูนย์บริหารสถานการณ์ โควิด-19 (ศปก.ศบค.) คงไม่ได้ดูเฉพาะตัวเลขรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อ

“สิ่งสำคัญจะต้องดูเรื่องระบบสาธารณสุขในพื้นที่ สามารถรับมือได้อย่างเหมาะสม และมีประสิทธิภาพหรือไม่ รวมถึงจะต้องมีการลงพื้นที่ไปดูปัจจัยเสี่ยง และแก้ให้ตรงจุดฉะนั้นตัวเลขรายงานผู้ติดเชื้อเพียงอย่างเดียวคงไม่ใช่ปัจจัยที่จะพิจารณาว่าจะผ่อนคลายหรือไม่ผ่อนคลายคงต้องดูทิศทาง และดูหลายองค์ประกอบทุกมิติรวมกัน ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้ติดตามทิศทาง ซึ่งในขณะนี้ทิศทางยังทรงตัวไม่ได้สูงขึ้น ถึงขั้นที่จะรับมือไม่ไหว” พญ.อภิสมัย กล่าว.-สำนักข่าวไทย 


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก

Pope at Vatican on Feb 5, 2025 says have a strong cold

โป๊ปฟรันซิสพระอาการวิกฤต

วาติกัน 23 ก.พ.- พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรุดลงอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ฉบับล่าสุดเมื่อวันเสาร์ว่า พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาทรุดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และระบุเป็นครั้งแรกว่า พระอาการของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤตจากโรคระบบทางเดินหายใจคล้ายกับโรคหอบหืดในช่วงเช้าวันเสาร์ ทำให้ขณะนี้พระองค์จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเสริมและการถ่ายเลือด โดยรวมแล้วถือว่า พระอาการอยู่ในขั้นวิกฤตและยังไม่พ้นขีดอันตราย อย่างไรก็ดี พระองค์ยังทรงตื่นตัว และประทับนั่งบนเก้าอี้ตลอดวัน แม้ว่าทรงประชวรมากกว่าวันก่อนหน้านี้ก็ตาม พระสันตะปาปาฟรันซิส พระชนมายุ 88 พรรษา ทรงเข้ารับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังทรงมีพระอาการหายใจติดขัดต่อเนื่องหลายวัน และตรวจพบว่าปอดอักเสบทั้งสองข้าง ทรงร้องขอให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับพระอาการของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา สำนักวาติกันจึงออกแถลงการณ์ชี้แจงความคืบหน้าอาการประชวรของพระองค์ต่อเนื่องทุกวัน แต่แถลงการณ์ฉบับล่าสุดถือเป็นครั้งแรกที่มีเนื้อหาระบุชัดเจนว่า อาการประชวรของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤต ขณะที่แพทย์คาดการณ์ว่า พระองค์จะต้องประทับอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อยตลอดสัปดาห์หน้า ภารกิจต่อสาธารณชนทั้งหมดของพระสันตะปาปาจึงถูกยกเลิกตลอดสัปดาห์ ทั้งพิธีมิสซาประจำวันอาทิตย์ รวมถึงการสวดภาวนาแองเจลัส (Angelus) ตามปกติทุกสัปดาห์ด้วย.-815(814).-สำนักข่าวไทย