ทำเนียบรัฐบาล 24 มี.ค.-ศบค.ห่วงคลัสเตอร์บุคลากรทางการแพทย์ยังติดเชื้อสูง พิธีกรรมศาสนา อัตราครองเตียงที่สงขลายังสูง ย้ำต้องบูสเตอร์วัคซีนกลุ่มสูงอายุ-มีโรคประจำตัว
พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) แถลงสถานการณ์โควิด-19 ประจำวันว่า วันนี้ (24 มี.ค.) มาปฏิบัติหน้าที่แทน นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. ที่อยู่ระหว่างกักตัวรอผลตรวจ ATK เนื่องจากลงพื้นที่ต่อเนื่อง คาดว่าผลน่าจะเป็นลบ สำหรับสถานการณ์ทั่วโลก ตัวเลขการรายงานแต่ละประเทศเป็นทิศทางเดียวกัน ไม่เน้นการรายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่ แต่จะเน้นตัวเลขผู้ป่วยที่ต้องเข้าระบบบริการสาธารณสุขในประเทศ โดยตัวเลขของประเทศไทยวันนี้ ติดเชื้อใหม่ 27,024 ราย กำลังรักษา 240,349 ราย มีอาการปอดอักเสบ 1,553 ราย ใส่เครื่องช่วยหายใจ 583 ราย รายงานผู้เสียชีวิต 82 ราย โดยจากกราฟผู้ติดเชื้อยังไม่ได้เพิ่มขึ้นมาก
ผู้ช่วยโฆษก ศบค. กล่าวว่า สำหรับ 10 จังหวัดติดเชื้อสูงสุด ได้แก่ 1. กทม. 3,722 ราย 2. นครศรีธรรมราช 1,746 ราย 3. ชลบุรี 1,341 ราย 4. สมุทรปราการ 920 ราย 5. สงขลา 861 ราย 6. สมุทรสาคร 849 ราย 7. ร้อยเอ็ด 730 ราย 8. ระยอง 593 ราย 9. ราชบุรี 592 ราย และ 10. ฉะเชิงเทรา 574 ราย ส่วนคลัสเตอร์ ยอมรับว่ากังวลกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ ที่มีรายงานทั้ง รพ.ศิริราช รพ.กรุงเทพคริสเตียน รพ.พระราม 9 ขณะที่โรงเรียน สถานประกอบการ พบว่าน้อยลงชัดเจน ถือว่าผู้ประกอบการ ผู้จัดการโรงเรียน และประชาชน เข้าใจเรื่องมาตรการเข้มงวดในสถานศึกษา โรงงาน สถานประกอบการ ทำให้เห็นคลัสเตอร์น้อยลง ส่วนที่มีคลัสเตอร์ต่อเนื่อง คือ พิธีกรรมทางศาสนา เช่น มหาสารคาม กาฬสินธุ์ อุดรธานี
“ที่กระทรวงสาธาณสุขสนใจมาก คือ อัตราครองเตียง จาก 10 จังหวัดที่มีผู้ป่วยปอดอักเสบนอน รพ.มากที่สุด อัตราครองเตียงระดับ 2-3 ยังรองรับได้ และเพิ่มศักยภาพรองรับได้ แต่ที่ครองเตียงน่าเป็นห่วง คือ จ.สงขลา ครองเตียง 58.4% ถือว่าเกินครึ่ง ส่วน กทม. อยู่ที่ 32.3% นครศรีธรรมราช บุรีรัมย์ ยังค่อนข้างต่ำ แม้รายงานติดเชื้อไม่น้อย แต่ส่วนใหญ่ผู้ติดเชื้อแข็งแรง อายุน้อย จึงรับการรักษาที่บ้าน รพ.สนาม หรือ CI ได้” พญ.อภิสมัย กล่าว
ผู้ช่วยโฆษก ศบค.กล่าวว่า ผู้เสียชีวิต 82 ราย วันนี้ เป็นกลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสรุนแรงและเสียชีวิต คือ ผู้สูงอายุเกิน 60 ปี มีโรคประจำตัว อีกปัจจัยหนึ่งที่เน้นย้ำ คือ การรับวัคซีน วันนี้ใน 82 ราย มีอยู่ 46 ราย ที่ไม่ได้รับวัคซีนแม้แต่เข็มเดียว มี 6 ราย รับวัคซีน 1 เข็ม ไม่นานก็ติดเชื้อ มีอาการรุนแรงถึงเสียชีวิต ขณะที่มี 16 ราย รับไปแล้ว 2 เข็ม และอีก 6 ราย เพิ่งรับเข็มกระตุ้นเข็ม 3 แต่ยังนานไม่พอ จึงไม่มีภูมิคุ้มกันเพียงพอต่อสู้กับโรค และเป็นกลุ่มที่มีโรคประจำตัวทุกราย ดังนั้น กลุ่มเสี่ยงทั้งสูงอายุและมีโรคประจำตัว ต้องรณรงค์ให้พาไปรับวัคซีนเข็มกระตุ้น
พญ.อภิสมัย กล่าวว่า วานนี้ (23 มี.ค.) ฉีดวัคซีน 204,171 โดส สะสม 127,862,740 โดส เป็นเข็มสาม 22,655,745 ราย คิดเป็น 32.6% ซึ่งถือว่าไม่ค่อยขยับเท่าไหร่และยังต่ำอยู่ หากดูตามเขตสุขภาพ 12 เขตสุขภาพ การรับเข็ม 2 ครบแล้วตั้งแต่ 30 พ.ย.64 ซึ่งควรรับเข็ม 3 ได้แล้ว ทั้งนี้ พบว่า การรับเข็ม 3 ยังค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับเป้าหมาย เช่น เขตสุขภาพที่ 8 อุดรธานี สกลนคร นครพนม เลย หนองคาย หนองบัวลำภู และบึงกาฬ และเขตุสขภาพที่ 12 คือ สงขลา สตูล ตรัง พัทลุง ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ส่วน กทม.ที่ฉีดได้ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับเป้าหมาย
“สำหรับกลุ่มเสี่ยงอายุ 60 ปีขึ้นไป ทั้งประเทศเป้าหมายฉีดเข็มสอง 10 ล้านคน คิดเป็น 79% แต่การฉีดเข็ม 3 ยังอยู่ที่ 4.2 ล้านคน หรือ 33.6% ถือว่ายังน้อย ต้องรณรงค์ต่อเนื่อง ส่วนเด็กอายุ 5-11 ปี ที่เพิ่มเริ่มฉีดเข็มแรก บางส่วนรับเข็ม 2 แล้วแต่ยังน้อยอยู่ประมาณ 3 หมื่นราย คิดเป็น 0.6% ต้องรณรงค์ควบคู่กัน ขณะที่กลุ่ม 608 ที่มีโรคประจำตัว ได้แก่ โรคหลอดเลือดสมอง ไต หัวใจ เบาหวาน ความดัน ไขมัน โรคปอด หญิงตั้งครรภ์ ก็ฉีดเข็มกระตุ้นได้ไม่ต่างกัน คือ 30% ต้องรณรงค์ไปฉีดกระตุ้นเช่นกัน” ผู้ช่วยโฆษก ศบค. กล่าว.-สำนักข่าวไทย