ทำเนียบรัฐบาล 21 มิ.ย.- “วราวุธ” ระบุ แก้ รธน. ทางไหนก็มีทั้งข้อดี-ข้อเสีย ขอยึดตามเสียงข้างมากในสภาฯ และประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก ย้ำ ชทพ. ไม่แตะประเด็นแก้อำนาจ ส.ว.โหวตนายกฯ ชี้อาจสร้างความขัดแย้ง
นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงการแก้รัฐธรรมนูญว่าเป็นการทำเพื่อประโยชน์ของพรรคการเมืองเองว่า ไม่ว่าจะแก้ธรรมนูญจะออกมาเป็นแบบไหน ก็จะมีกลุ่มคนที่ได้ประโยชน์และกลุ่มคนที่เสียประโยชน์ ซึ่งคนที่เสียประโยชน์ก็มักออกมาระบุว่า อีกฝ่ายแก้ไขเพื่อประโยชน์ส่วนตน ขณะที่คนที่ได้ประโยชน์ ก็จะมีเหตุผล เช่น บัตรเลือกตั้งจากเป็นหนึ่งใบหรือสองใบ ต่างก็มีข้อดีและข้อด้อย ซึ่งอาจจะเกี่ยวข้องกับสถานการณ์หรือช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งของประเทศชาติ แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนคือจะมีผู้ที่ได้และผู้ที่เสียประโยชน์ จากการแก้กลไก ซึ่งเรื่องเหล่านี้น่าจะเป็นสิ่งที่เข้าใจได้ ซึ่งทางพรรคเองก็เข้าใจในข้อเท็จจริงนี้ แต่ที่สุดแล้วเมื่อเสียงส่วนใหญ่ของสภาฯมีการกำหนดออกมา พรรคก็ต้องเตรียมตัวกับการเลือกตั้งในอนาคต
ทั้งนี้ ในส่วนของพรรคชาติไทยพัฒนา ยึดแนวทางตามเสียงข้างมากของสภาฯ ว่าจะใช้บัตรเลือกตั้งหนึ่งใบหรือสองใบ โดยหลักสำคัญคือ ให้ประชาชนมีสิทธิ์ สามารถเลือกคนที่รัก พรรคที่ชอบได้ หากประชาชนได้รับประโยชน์มากกว่า ทางพรรคก็ยินดีจะสนับสนุน
ส่วนกรณีการปิดสวิตซ์อำนาจ ส.ว.ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีนั้น นายวราวุธ กล่าวว่า พรรคชาติไทยพัฒนาไม่ได้ลงนามในการตัดอำนาจ ส.ว.ในทุกร่างที่ได้มีการเสนอ เนื่องจากพรรคเห็นว่า เรื่องนี้เป็นประเด็นที่อ่อนไหวและ นำไปสู่ความขัดแย้งได้ เพราะปัจจุบันสังคมก็มีความขัดแย้งอยู่แล้ว โดยเฉพาะการแก้ไขต่างๆเหล่านี้ จะต้องได้รับเสียงสนับสนุนจาก ส.ว. ด้วย ดังนั้น หากมีการตั้งข้อกำหนด หรือกฎกติกา ที่จะไปตัดอำนาจของส.ว. ที่เปรียบเสมือนการตัดมือตัดเท้านั้น ก็ทำให้ไม่มั่นใจว่า ทางส.ว. จะให้ความร่วมมือในการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ ดังนั้นเรื่องใดที่จะเป็นประเด็นขัดแย้ง ทางพรรคจึงขอพักไว้ก่อน นอกจากนี้ อำนาจส.ว. ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีนั้น เป็นบทเฉพาะกาล ซึ่งหลังจากการเลือกตั้งครั้งหน้าก็จะหมดไปตามรัฐธรรมนูญ
ส่วนการลงคะแนนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น มองว่า สมาชิกควรลงคะแนนไปในทิศทางเดียวกัน แต่อย่างไรก็ตามจะต้องมีการประชุมและประสานงานภายในพรรคเพื่อกำหนดทิศทาง.-สำนักข่าวไทย