สภายืนยันหลักการเดิม “ร่าง พ.ร.บ.ประชามติ” ส่งรัฐบาลดำเนินการ

รัฐสภา 16 ก.ค.-สภายืนยันตามหลักการเดิม “ร่าง พ.ร.บ.ประชามติ” พร้อมส่งให้รัฐบาลดำเนินการ “จาตุรนต์” ชี้เป็นการปลดล็อกกติกาการออกเสียงประชามติให้เป็นเสียงข้างมากชั้นเดียว เพื่อเดินหน้าสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อไป ขณะที่โฆษกภูมิใจไทย มองกฎหมายฉบับนี้ยังก้ำกึ่ง

นายจาตุรนต์ ฉายแสง สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย กล่าวในฐานะผู้เสนอยกร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ซึ่งถูกยับยั้งไว้ตามมาตรา 37(3) ของรัฐธรรมนูญ ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล และประธาน ที่มีการเลื่อนระเบียบวาระ เพื่อให้ได้พิจารณาเรื่องนี้โดยเร็ว


เนื่องจากมีการยื่นเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ให้พิจารณาเกี่ยวกับการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ว่าจะต้องมีการทำประชามติจำนวนกี่ครั้ง เมื่อใดบ้าง ซึ่งก็มีข่าวว่า ศาลรัฐธรรมนูญคงจะใช้เวลาอีกไม่นาน จึงมีข้อยุติออกมา และหากมีข้อยุติว่าจะต้องทำ 3 ครั้ง จะหมายความว่า จะต้องทำก่อนที่จะมีการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ถ้าเรายังไม่มีพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติฉบับใหม่ทันเวลา ก็จะต้องทำประชามติตามกฎหมายที่มีอยู่ ซึ่งสร้างกันดีว่า กฎหมายที่มีอยู่นั้น จะเป็นอุปสรรคต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะมีกติการะบบเสียงข้างมากสองชั้น

อย่างไรก็ตาม การแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น เป็นนโยบายที่แทบทุกพรรคการเมืองใช้หาเสียง ซึ่งได้มีการเสนอญัตติเพื่อแก้ไขพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติจากทั้งคณะรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาชน เพื่อแก้ไขสาระสำคัญเปลี่ยนการทำประชามติเป็นเสียงข้างมากชั้นเดียว แม้ว่าเรื่องนี้ไม่ได้ทำให้การทำประชามติผ่านไปเดินง่ายหรือพิเศษอะไร แต่เป็นกติกาที่จะสร้างความชอบธรรมมากยิ่งขึ้น


แต่เมื่อศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้มีการกำหนดว่าการทำประชามติต้องใช้เสียงข้างมากกี่ชั้น ทำให้ต้องย้อนไปดูรัฐธรรมนูญตัวแม่ หรือฉบับปัจจุบันว่า ตอนทำประชามติใช้กติกาอย่างไร ซึ่งหากมีการทำประชามติอีกก็ไม่ควรใช้หลักเกณฑ์ที่ต่างกัน ไม่ควรทำให้ง่ายหรือยากขึ้น และการที่สภาเห็นชอบ 3 วาระของการเดินหน้าพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติที่ผ่านมาด้วยเสียงเอกฉันท์ สร้างความหวังว่า เรากำลังเดินหน้าโดยไม่ติดขัด แต่เมื่อถูกส่งไปที่วุฒิสภา กลับมีมติเสียงข้างมากพลิกกลับ ยืนยันให้ใช้เสียงข้างมากสองชั้น หากใช้หลักการนี้กับการทำประชามติเรื่องอื่นๆ การจะแก้ไขอะไรก็จะยากไปด้วย ทำให้ไม่สามารถใช้กลไกประชามติเป็นกลไกสำคัญที่จะทำให้เกิดการแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือพัฒนาบ้านเมืองตามความต้องการของประชาชนได้

ภายหลังการยับยั้งร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวจนพ้นเวลา 180 แล้ว จนถึงวันนี้ที่สภาต้องยืนยันร่างที่สภาได้เห็นชอบไป ดังนั้น ตนจึงขอให้ลงมติยืนหยัดตามที่สภาเคยให้ความเห็นชอบไปแล้ว เพื่อปลดล็อกกติกาการออกเสียงประชามติให้เป็นเสียงข้างมากชั้นเดียว และจะได้เดินหน้า สู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อไป

ด้านนางสาวแนน บุณย์ธิดา สมชัย สส.อุบลราชธานี และโฆษกพรรคภูมิใจไทย อภิปรายว่า พรรคภูมิใจไทยพูดชัดเจนตั้งแต่วาระแรก และในครั้งที่สอง วันนี้ถือเป็นครั้งที่สาม ที่เราจะพูดยืนยันอีกครั้งว่า กฎหมายฉบับนี้ ถ้าโดยชื่อว่าด้วยการออกเสียงประชามติพรรคภูมิใจไทยเห็นด้วย แต่เมื่อเราต้องมายืนยันเนื้อหาที่อยู่ข้างใน ซึ่งกฎหมายฉบับนี้คือการออกเสียงชั้นเดียว โดยไม่คำนึงถึงผู้ใช้สิทธิ เราจึงมีความกังวลว่า การออกเสียงประชามติที่จะใช้เสียจำนวนเท่าไหร่ก็ได้ของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งในการออกความคิดเห็น เพราะการออกเสียงประชามติไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของรัฐธรรมนูญ อย่างเดียว แต่ยังรวมถึงเรื่องที่สำคัญๆ หลายอย่างในประเทศของเรา ที่เราจะสามารถใช้การออกเสียงประชามติ เพื่อลงความเห็นของประชาชนทั้งประเทศได้


ด้วยเหตุนี้ พรรคภูมิใจไทยจึงไม่สามารถพูดว่า เราเห็นด้วยกับกฎหมายฉบับนี้ได้เต็มปาก ขอเราไม่ได้กังวลแค่การออกเสียงเรื่องรัฐธรรมนูญอย่างเดียว แต่เราต้องการให้ผู้ที่มีสิทธิ์เลือกตั้งหรือผู้ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนนั้น ได้มีชั้นกรองในการออกเสียง

หากในอนาคต ต้องมีการออกเสียงประชามติที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของประเทศ ถ้าเราใช้เสียงเพียงชั้นเดียว จะมั่นใจได้อย่างไรว่า จะมีผู้ออกมาใช้สิทธิ์ใช้เสียงเกินจำนวน ควรจะเป็นเสียงข้างมาก แต่ควรจะเป็นการออกเสียงครั้งแรกอย่างน้อยมีผู้ออกมาใช้สิทธิ์เกินครึ่งหนึ่ง แล้วการทำประชามติจะเป็นคำถามในลักษณะไหนก็ตาม ค่อยใช้เสียงข้างมากจากผู้ที่มาใช้สิทธิ์เกินครึ่งหนึ่ง แบบนี้จะปลอดภัยกว่าหรือไม่

ดังนั้น การที่ร่างกฎหมายฉบับนี้ ถูกนำกลับมาให้สภายืนยัน พรรคภูมิใจไทยต้องบอกว่า ไม่ถึงขั้นที่เราจะไม่เห็นด้วย เพราะเราเห็นด้วยในหัวการออกเสียงประชามติ เพียงแค่เนื้อในเราอยากให้มีแนวคิดที่รอบคอบมากกว่านี้ เป็นชั้นกรองเพื่อให้สามารถยืนยันกับประชาชน นี่คือเสียงข้างมากหรือเสียงส่วนใหญ่

“ดิฉันอาจพูดในนามของพรรคภูมิใจไทย ว่าเราคงจะบอกว่าเราเห็นด้วยก็ไม่ได้ เราจะบอกว่าเราไม่เห็นด้วยก็ไม่ได้ เพราะเราอยู่ตรงกลางความก้ำกึ่งของฉบับนี้ เราอยากให้พระราชบัญญัติประชามติผ่าน แต่อยากให้ผ่านด้วยความรอบคอบ ผ่านด้วยเนื้อหาที่กลั่นกรองและนับจำนวนคนผู้มาออกเสียงผู้มาใช้สิทธิ์ อย่างที่สามารถประกาศออกไปอย่างชัดเจนว่า นี้คือเสียงส่วนใหญ่ของผู้ที่มาลงคะแนนเกินครึ่งหนึ่ง ในการลงประชามติในเรื่องนั้นๆ”

จากนั้นที่ประชุมมีมติยืนยันร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ฉบับที่ … พ.ศ. … ด้วยคะแนน 375 :0 เสียง งดออกเสียง 80 เสียง ไม่ลงคะแนนเสียง 1 เสียง เป็นอันว่า ร่างพระราชบัญญัตฉบับนี้ ได้รับความเห็นชอบของรัฐสภา และให้ดำเนินการส่งให้รัฐบาลต่อไป.-312.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

ปิดล้อมกว่า 8 ชม. จับหนุ่มคลั่งควงปืนสงครามขู่ยิง ตร.

ศรีสะเกษ 17 ก.ย. – พ่อค้ายาเสพติดคลุ้มคลั่ง ควงปืนสงคราม AK-47 ขู่ยิงเจ้าหน้าที่ หลังถูกชุดปฏิบัติการ 238 พิทักษ์นครลำดวน สนธิกำลังตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง ปิดล้อมบ้านเป้าหมายพื้นที่ อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ เกลี้ยกล่อมนานกว่า 8 ชั่วโมง สุดท้ายทนแรงกดดันไม่ไหว ยอมวางอาวุธมอบตัวแต่โดยดี เจ้าหน้าที่พยายามใช้ยุทธวิธีเจรจาเกลี้ยกล่อมนายวีระศักดิ์ อายุ 35 ปี มีประวัติพัวพันการค้ายาเสพติด ครอบครองอาวุธสงคราม และยังเป็นบุคคลตามหมายจับของศาลจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งวิ่งเข้าไปหลบภายในบ้าน ต.หนองกุง อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ หลังตำรวจแสดงตัวเข้าตรวจค้น เพราะได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านว่าเป็นเครือข่ายค้ายาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่ มีพฤติกรรมอุกอาจ แต่นายวีระศักดิ์กลับวิ่งไปหยิบอาวุธปืนสงคราม AK-47 ออกมาขู่เจ้าหน้าที่ พร้อมตะโกนด้วยเสียงดุดันว่าถ้าเข้ามาจะยิง จากนั้นรีบหลบกลับเข้าไปในบ้าน เจ้าหน้าที่ต้องระดมกำลังทั้งตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง ปิดล้อมบริเวณโดยรอบอย่างแน่นหนา เพื่อป้องกันเหตุร้าย บรรยากาศตึงเครียด เจ้าหน้าที่พยายามใช้ยุทธวิธีเจรจาเกลี้ยกล่อม ทั้งให้พ่อแม่และญาติสื่อสารทางโทรศัพท์ หวังให้ผู้ต้องหายอมมอบตัวแต่ไม่เป็นผล เนื่องจากนายวีระศักดิ์ยังอยู่ในอาการคลุ้มคลั่งจากการเสพยาบ้า ถือปืนพร้อมยิงตลอดเวลา นานกว่า 8 ชั่วโมง […]

ช่องโดนเอาว์เจอ PMN-2 อีก 8 ทุ่น ทบ.ชี้เขมรยังละเมิดข้อตกลง

17 ก.ย.- ทบ. แจงตรวจพบ PMN-2 เพิ่มเติมอีก 8 ทุ่นบริเวณช่องโดนเอาว์ จ.ศรีสะเกษ ชี้กัมพูชายังคงละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ย้ำควรรับผิดชอบและร่วมแก้ไขปัญหาอย่างจริงใจ วันนี้ (17 ก.ย.68) ที่กองบัญชาการกองทัพบก พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่ากองทัพบกได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 ภายหลังจากที่กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 132 ฐานปฏิบัติการชนะศึก ได้ร่วมกับศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ (TMAC) ปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อเสริมภารกิจด้านความมั่นคงในพื้นที่ช่องโดนเอาว์ ฐานปฏิบัติการชนะศึก อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ วานนี้ (16 ก.ย.68) โดยได้ตรวจพบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลแบบ PMN-2 จำนวน 8 ลูก มีสภาพใหม่ ติดตั้งในลักษณะพร้อมทำงาน ซึ่งทางหน่วยได้ทำการเก็บกู้รื้อถอนและนำเก็บเพื่อรอการทำลายเป็นที่เรียบร้อย สำหรับการตรวจพบระเบิดดังกล่าว เป็นเครื่องยืนยันว่าฝ่ายกัมพูชายังคงมีความพยายามอย่างไม่ลดละในการใช้อาวุธต่อกำลังของฝ่ายไทย ซึ่งถือเป็นการละเมิดต่อข้อตกลงหยุดยิงอย่างชัดเจน และเป็นพฤติกรรมที่สวนทางกับข้อตกลงที่กัมพูชาได้ให้ไว้ในที่ประชุม GBC เมื่อวันที่ 10 ส.ค.68 ที่ผ่านมา ในเรื่องความร่วมมือที่จะดำเนินการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ซึ่งจากนี้กองทัพบกจะนำหลักฐานที่ได้ตรวจพบทั้งหมดในพื้นที่ รวบรวมนำส่งให้ส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อร้องเรียนตามกระบวนการในเวทีสากลต่างๆ ต่อไป รวมทั้งขอความร่วมมือกัมพูชา […]

ไทม์ไลน์เหตุเผชิญหน้า “บ้านหนองหญ้าแก้ว” เขมรป่วนไม่เลิก

17 ก.ย.- เปิดไทม์ไลน์เหตุเผชิญหน้า “บ้านหนองหญ้าแก้ว” เจ้าหน้าที่ใช้แก๊สน้ำตา-กระสุนยาง หลังชาวเขมรชุมนุมประท้วง ก่อความวุ่นวาย ล่าสุดสถานการณ์ทั่วไปอยู่ในความควบคุม แต่กลุ่มชาวกัมพูชายังคงปักหลักใกล้แนวชายแดน.-สำนักข่าวไทย

ทำเนียบฯ เตรียมพร้อมสถานที่รับนายกฯ-ครม.ใหม่

ทำเนียบ 17 ก.ย.- ทำเนียบรัฐบาล เตรียมพร้อมสถานที่รับนายกฯ-ครม.ใหม่ ถ่ายรูปติดบัตร ก่อนถวายสัตย์ปฏิญาณ ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาลได้จัดเตรียมสถานที่สำหรับถ่ายรูปติดบัตรประจำตัวของคณะรัฐมนตรี ก่อนเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอน และยังมีการตัดแต่งต้นไม้ บริเวณโดยรอบทำเนียบรัฐบาล และตัดหญ้าด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อเตรียมพื้นที่สำหรับการถ่ายรูปหมู่คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ตั้งแต่เมื่อวานนี้ (16 ก.ย.) นอกจากนี้ ยังมีความเคลื่อนไหวที่ตึกบัญชาการ 1 ซึ่งเป็นห้องทำงานของรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่ช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา และวันนี้มีการส่งทีมงานเข้ามาดูห้องทำงานภายในตึกบัญชาการ 1 ด้วย สำหรับตำแหน่งว่าที่รองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลอนุทิน มีชื่อทั้งหมด 7 คน ได้แก่ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม, นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข, นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี และนายโสภณ​ ​ซา​รัมย์​ รอง​นายก​รัฐมนตรี​ ขณะที่ตำแหน่งว่าที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี […]