รัฐสภา 16 ก.ค.-สภายืนยันตามหลักการเดิม “ร่าง พ.ร.บ.ประชามติ” พร้อมส่งให้รัฐบาลดำเนินการ “จาตุรนต์” ชี้เป็นการปลดล็อกกติกาการออกเสียงประชามติให้เป็นเสียงข้างมากชั้นเดียว เพื่อเดินหน้าสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อไป ขณะที่โฆษกภูมิใจไทย มองกฎหมายฉบับนี้ยังก้ำกึ่ง
นายจาตุรนต์ ฉายแสง สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย กล่าวในฐานะผู้เสนอยกร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ซึ่งถูกยับยั้งไว้ตามมาตรา 37(3) ของรัฐธรรมนูญ ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล และประธาน ที่มีการเลื่อนระเบียบวาระ เพื่อให้ได้พิจารณาเรื่องนี้โดยเร็ว
เนื่องจากมีการยื่นเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ให้พิจารณาเกี่ยวกับการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ว่าจะต้องมีการทำประชามติจำนวนกี่ครั้ง เมื่อใดบ้าง ซึ่งก็มีข่าวว่า ศาลรัฐธรรมนูญคงจะใช้เวลาอีกไม่นาน จึงมีข้อยุติออกมา และหากมีข้อยุติว่าจะต้องทำ 3 ครั้ง จะหมายความว่า จะต้องทำก่อนที่จะมีการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ถ้าเรายังไม่มีพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติฉบับใหม่ทันเวลา ก็จะต้องทำประชามติตามกฎหมายที่มีอยู่ ซึ่งสร้างกันดีว่า กฎหมายที่มีอยู่นั้น จะเป็นอุปสรรคต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะมีกติการะบบเสียงข้างมากสองชั้น
อย่างไรก็ตาม การแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น เป็นนโยบายที่แทบทุกพรรคการเมืองใช้หาเสียง ซึ่งได้มีการเสนอญัตติเพื่อแก้ไขพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติจากทั้งคณะรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาชน เพื่อแก้ไขสาระสำคัญเปลี่ยนการทำประชามติเป็นเสียงข้างมากชั้นเดียว แม้ว่าเรื่องนี้ไม่ได้ทำให้การทำประชามติผ่านไปเดินง่ายหรือพิเศษอะไร แต่เป็นกติกาที่จะสร้างความชอบธรรมมากยิ่งขึ้น
แต่เมื่อศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้มีการกำหนดว่าการทำประชามติต้องใช้เสียงข้างมากกี่ชั้น ทำให้ต้องย้อนไปดูรัฐธรรมนูญตัวแม่ หรือฉบับปัจจุบันว่า ตอนทำประชามติใช้กติกาอย่างไร ซึ่งหากมีการทำประชามติอีกก็ไม่ควรใช้หลักเกณฑ์ที่ต่างกัน ไม่ควรทำให้ง่ายหรือยากขึ้น และการที่สภาเห็นชอบ 3 วาระของการเดินหน้าพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติที่ผ่านมาด้วยเสียงเอกฉันท์ สร้างความหวังว่า เรากำลังเดินหน้าโดยไม่ติดขัด แต่เมื่อถูกส่งไปที่วุฒิสภา กลับมีมติเสียงข้างมากพลิกกลับ ยืนยันให้ใช้เสียงข้างมากสองชั้น หากใช้หลักการนี้กับการทำประชามติเรื่องอื่นๆ การจะแก้ไขอะไรก็จะยากไปด้วย ทำให้ไม่สามารถใช้กลไกประชามติเป็นกลไกสำคัญที่จะทำให้เกิดการแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือพัฒนาบ้านเมืองตามความต้องการของประชาชนได้
ภายหลังการยับยั้งร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวจนพ้นเวลา 180 แล้ว จนถึงวันนี้ที่สภาต้องยืนยันร่างที่สภาได้เห็นชอบไป ดังนั้น ตนจึงขอให้ลงมติยืนหยัดตามที่สภาเคยให้ความเห็นชอบไปแล้ว เพื่อปลดล็อกกติกาการออกเสียงประชามติให้เป็นเสียงข้างมากชั้นเดียว และจะได้เดินหน้า สู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อไป
ด้านนางสาวแนน บุณย์ธิดา สมชัย สส.อุบลราชธานี และโฆษกพรรคภูมิใจไทย อภิปรายว่า พรรคภูมิใจไทยพูดชัดเจนตั้งแต่วาระแรก และในครั้งที่สอง วันนี้ถือเป็นครั้งที่สาม ที่เราจะพูดยืนยันอีกครั้งว่า กฎหมายฉบับนี้ ถ้าโดยชื่อว่าด้วยการออกเสียงประชามติพรรคภูมิใจไทยเห็นด้วย แต่เมื่อเราต้องมายืนยันเนื้อหาที่อยู่ข้างใน ซึ่งกฎหมายฉบับนี้คือการออกเสียงชั้นเดียว โดยไม่คำนึงถึงผู้ใช้สิทธิ เราจึงมีความกังวลว่า การออกเสียงประชามติที่จะใช้เสียจำนวนเท่าไหร่ก็ได้ของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งในการออกความคิดเห็น เพราะการออกเสียงประชามติไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของรัฐธรรมนูญ อย่างเดียว แต่ยังรวมถึงเรื่องที่สำคัญๆ หลายอย่างในประเทศของเรา ที่เราจะสามารถใช้การออกเสียงประชามติ เพื่อลงความเห็นของประชาชนทั้งประเทศได้
ด้วยเหตุนี้ พรรคภูมิใจไทยจึงไม่สามารถพูดว่า เราเห็นด้วยกับกฎหมายฉบับนี้ได้เต็มปาก ขอเราไม่ได้กังวลแค่การออกเสียงเรื่องรัฐธรรมนูญอย่างเดียว แต่เราต้องการให้ผู้ที่มีสิทธิ์เลือกตั้งหรือผู้ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนนั้น ได้มีชั้นกรองในการออกเสียง
หากในอนาคต ต้องมีการออกเสียงประชามติที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของประเทศ ถ้าเราใช้เสียงเพียงชั้นเดียว จะมั่นใจได้อย่างไรว่า จะมีผู้ออกมาใช้สิทธิ์ใช้เสียงเกินจำนวน ควรจะเป็นเสียงข้างมาก แต่ควรจะเป็นการออกเสียงครั้งแรกอย่างน้อยมีผู้ออกมาใช้สิทธิ์เกินครึ่งหนึ่ง แล้วการทำประชามติจะเป็นคำถามในลักษณะไหนก็ตาม ค่อยใช้เสียงข้างมากจากผู้ที่มาใช้สิทธิ์เกินครึ่งหนึ่ง แบบนี้จะปลอดภัยกว่าหรือไม่
ดังนั้น การที่ร่างกฎหมายฉบับนี้ ถูกนำกลับมาให้สภายืนยัน พรรคภูมิใจไทยต้องบอกว่า ไม่ถึงขั้นที่เราจะไม่เห็นด้วย เพราะเราเห็นด้วยในหัวการออกเสียงประชามติ เพียงแค่เนื้อในเราอยากให้มีแนวคิดที่รอบคอบมากกว่านี้ เป็นชั้นกรองเพื่อให้สามารถยืนยันกับประชาชน นี่คือเสียงข้างมากหรือเสียงส่วนใหญ่
“ดิฉันอาจพูดในนามของพรรคภูมิใจไทย ว่าเราคงจะบอกว่าเราเห็นด้วยก็ไม่ได้ เราจะบอกว่าเราไม่เห็นด้วยก็ไม่ได้ เพราะเราอยู่ตรงกลางความก้ำกึ่งของฉบับนี้ เราอยากให้พระราชบัญญัติประชามติผ่าน แต่อยากให้ผ่านด้วยความรอบคอบ ผ่านด้วยเนื้อหาที่กลั่นกรองและนับจำนวนคนผู้มาออกเสียงผู้มาใช้สิทธิ์ อย่างที่สามารถประกาศออกไปอย่างชัดเจนว่า นี้คือเสียงส่วนใหญ่ของผู้ที่มาลงคะแนนเกินครึ่งหนึ่ง ในการลงประชามติในเรื่องนั้นๆ”
จากนั้นที่ประชุมมีมติยืนยันร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ฉบับที่ … พ.ศ. … ด้วยคะแนน 375 :0 เสียง งดออกเสียง 80 เสียง ไม่ลงคะแนนเสียง 1 เสียง เป็นอันว่า ร่างพระราชบัญญัตฉบับนี้ ได้รับความเห็นชอบของรัฐสภา และให้ดำเนินการส่งให้รัฐบาลต่อไป.-312.-สำนักข่าวไทย