“ณัฏฐพล “มั่นใจ ตั้งคนสนิทเป็นเลขาฯ สกสค. ตามระเบียบ

รัฐสภา 18 ก.พ.-“ณัฏฐพล “มั่นใจ ตั้งคนสนิทเป็นเลขาฯ สกสค. เป็นไปตามระเบียบ – กฎหมาย โยนถาม “ดิสกุล” หากสงสัย ลั่นตั้งข้าราชการการเมือง ไม่ใช่มีอำนาจเหนือ ข้าราชการประจำ แต่เป็นการบูรณาการการศึกษา ยันไม่สามารถหาผลประโยชน์ได้ เหตุขาดทุนต่อเนื่องสะสม 7 พันล้าน


นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ชี้แจงถึงกรณีข้อกล่าวหา แต่งตั้งพวกพ้องเป็นเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษาหรือ สกสค. โดยระบุว่า กระทรวงศึกษาธิการแตกต่างจากกระทรวงอื่นๆ มีผู้ดำรงตำแหน่งเทียบเท่าปลัดกระทรวง หรือ C11 โดยเหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นในปี 2546 สมัยนายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งถือเป็นการกระจายอำนาจในกระทรวงศึกษาธิการ โดยแบ่งเป็น การศึกษาขั้นพื้นฐาน หน่วยงานอาชีวะ สภาการศึกษา และการอุดมศึกษา ซึ่งจากการแบ่งออกเป็น 4 หน่วยงานและมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ซึ่งหน่วยงานไม่มีความเป็นเอกภาพในภาคกระทรวงศึกษาธิการ ไม่สามารถเชื่อมโยงการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และตนขอยืนยันว่าใน4 หน่วนงาน และสำนักปลัด มีความเป็นเอกภาพในส่วนของผู้บริหารระดับสูง ซึ่งต้องเลิกรับข้อมูลจากผู้ที่ไม่ได้ประโยชน์แต่รับผลประโยชน์ตรงนี้ไม่ได้แล้ว

ทั้งนี้นายณัฏฐพล อธิบายถึงองค์การค้าในสังกัด สกสค. ว่ามีการโอนทรัพย์สินมาอยู่ในสกสค. โดยหากเทียบราคาตลาดในทรัพย์สินก็มีหลายพันล้าน แต่ขณะเดียวกันองค์การค้าก็มีการขาดทุนอย่างต่อเนื่อง และวันนี้มีการขาดทุนทั้งสิ้น 7 พันล้าน ซึ่งพ.ร.บ.การศึกษา 2542 ทำให้มีการเปิดเสรีในการพิมพ์หนังสือ ทำให้สกสค.มีการขาดทุนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะมีความเกี่ยวโยงกับผู้ที่อภิปรายได้กล่าวถึง และกล่าวว่าจะปล่อยให้องค์การค้านั้นขาดทุนอย่างต่อเนื่องไม่ได้ จึงต้องมีการปรับทิศทางการดำเนินการขององค์กร จะเห็นชัดเจนว่าบุคลากรที่อยู่ในองค์การค้ามีมากเกินปริมาณของงาน มีการปรับโครงสร้างองค์กร ซึ่งสามารถลดค่าใช้จ่ายเหลือเพียง 97 ล้านบาท โดยองค์การค้าได้ชำระเงินคืนให้ สกสค.ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2563 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2564 จำนวน 493 ล้านบาทเศษ ซึ่งสะท้อนให้เห็นการจัดการองค์กรดีขึ้น โดยหากปล่อยเอาไว้จะขาดทุนกว่าหมื่นล้านในอีก 4 ปีข้างหน้า พร้อมกับอธิบายว่าการแก้ไขปัญหาองค์การค้าสกสค. เป็นผลงานของ นายธนพร สมศรี จึงมีความเหมะสมในการขับเคลื่อนองค์การค้าและสกสค.


ส่วนที่บอกว่ามีการประกาศสรรหาเลขาฯคุรุสภาฯและการสรรหา สกสค. ต้องประกาศในราชกิจจานุเบกษาหรือไม่นั้นตนได้พยายามที่จะกฤษฎีกา และกฤษฎีกามีหนังสือตอบกลับมา ไม่ต้องประกาศในราชการเนื่องจากเป็นการปฏิบัติตามประกาศของคสช. ไม่ใช่ตามพ.ร.บ.ครูและบุคลากรทางการศึกษา เช่นเดียวกับ การสรรหาเลขาฯสกสค.ไม่ต่างกับเลขาฯคุรุสภา ส่วนประเด็นอื่นที่เกี่ยวข้องกับนายธนพรสมศรี เป็นรองเลขาสกสค. ส่วนกระบวนการไปเป็นรองเลขามีการพูดคุยกันอย่างไร ขอให้ไปถามนายดิศกุล เกษมสวัสดิ์ อดีตเลขาสกสค.

ส่วนเรื่องผลประโยชน์หรือข้อทุจริตในการบริหารจัดการสกสค.จะส่งเรื่องไปยังศาลยุติธรรม หรือกระบวนการยุติธรรมอะไรตนก็ยินดีเพราะตนมั่นใจว่ากระบวนการสรรหาทั้งหมดอยู่ในระเบียบ กฎหมาย ส่วนจะโยงว่ามีวันนี้เพราะครูให้หรืออะไร ก็บอกชัดเจนอยู่ในเอกสารที่อภิปรายพ่อแม่ญาติพี่น้องเขาเป็นครู แล้วเกี่ยวอะไรกับตน พร้อมถามกลับว่าวันนี้ต้องการบริหารจัดการสกสค เพื่อให้เงินทั้งหมดกลับมาอยู่ในมือของครู

ส่วนเรื่องการทุจริตต่างๆใน สกสค. ก็ยังติดตามกันอยู่ ซึ่งทั้งหมดเกิดขึ้นก่อนปี 2557 พร้อมขอให้ตรวจสอบวันนี้ว่ามีกระบวนการทุจริตนำเงินครูและบุคลากรทางการศึกษาในช่วงปีครึ่งที่ผ่านมาหรือไม่ หากหาได้ตนยินดีที่จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แต่ตนยืนยันว่าไม่มี เพราะต้องการให้กระทรวงศึกษาธิการ มีความโปร่งใสในการทำงานสามารถขับเคลื่อนกระทรวงศึกษาธิการ และกำลังใจของบุคลากรทางการศึกษา วันนี้ก็มีการแก้ไขปัญหาเรื่องหนี้ครู ไม่เกี่ยวกับสกสค ยืนยันว่าหาทางออกไม่ได้อย่างแน่นอน เพียงแต่รอกระบวนการในช่วงโควิด เนื่องจากผู้ได้รับประโยชน์จากการทำหน้าที่ของสถาบันการเงินต่างๆ


ส่วนที่มีกล่าวอ้างว่าตนนั้นสร้างเครือข่ายทางการเมือง ไม่นึกถึงพวกพ้อง ไม่นึกถึงพรรคการเมือง แล้วตนจะนึกถึงพวกพ้องนักการเมืองได้อย่างไร ตนต้องนึกถึงครูและบุคลากรทางการศึกษา ซึ่งที่คนที่ได้รับการแต่งตั้งนั้นต้องไปดูแล ยืนยันว่าตนไม่ได้สั่งการอะไรที่ผิดระเบียบ กระบวนการทั้งหมดไม่ได้เป็นการสั่งการเพื่อให้คนใดคนหนึ่ง ให้รัฐมนตรีช่วย หรือข้าราชการทางการเมืองใด มีอำนาจหน้าที่เหมือนข้าราชการประจำ แต่คือแผนการบูรณาการการศึกษา

จากนั้นฝ่ายค้านก็ลงประท้วงว่ารัฐมนตรีตอบไม่ตรงประเด็นอภิปรายไม่ไว้วางใจ จนทำให้นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ต้องออกมาปรามว่าต้องให้โอกาสรัฐมนตรีได้ชี้แจงจะตรงประเด็นหรือไม่ก็ไม่เป็นไรเพราะไม่ใช่กระทู้ถาม และทางหนึ่งก็เป็นเรื่องดี หากรัฐมนตรีตอบไม่ได้ สมาชิกก็จะได้รับฟังในการลงมติ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดขณะลาดตระเวน สูญเสียขาอีก 1 นาย

12 ส.ค.- ทหารพรานเหยียบทุ่นระเบิด ขณะลาดตระเวนพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม หลังรั้วลวดหนามฝั่งไทย คาดทหารเขมรล่าถอยแล้วฝังทุ่นระเบิดไว้ เมื่อเวลา 09.10 น. รายงานข่าวจากกองทัพพื้นที่สองเปิดเผยว่า ได้เกิดเหตุทหารพราน 2610 เหยียบกับระเบิดขณะทำการลาดตระเวนบริเวณฐานจุ๊บตาโมก ฝั่งตะวันตกของปราสาทตาเมือนธม ซึ่งอยู่ในแนวรั้วลวดหนามของฝั่งประเทศไทย บริเวณพิกัด R51 มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 นาย ทราบชื่อ ส.อ.ธีรพล เพียขันที กรุ๊ปเลือด AB ได้รับบาดเจ็บขาซ้ายขาด ขณะนี้กำลังนำส่งโรงพยาบาล ทั้งนี้ คาดว่าหลังจากเหตุปะทะกันทางทหารกัมพูชาได้ล่าถอยและฝั่งทุ่นระเบิดไว้ก่อนออกนอกพื้นที่เขตประเทศไทย -สำนักข่าวไทย

“แพทองธาร” ปัดตอบกระแสข่าวชิงลาออก บอกสื่อ “คิดถึงนะคะ”

สนามหลวง 12 ส.ค.- “แพทองธาร” ยิ้ม ปัดตอบกระแสข่าวชิงลาออก ก่อนศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน บอกสื่อฯ “คิดถึงนะคะ” ภายหลังนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมคู่สมรส ร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 ส.ค.2568 ณ ท้องสนามหลวง ทันทีที่พบผู้สื่อข่าว นางสาวแพทองธาร หันมาพูดเพียงสั้น ๆ ว่า “คิดถึงนะ” ผู้สื่อข่าวจึงพยายามสอบถามเรื่องกระแสข่าวการลาออกจากตำแหน่ง ก่อนศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำตัดสิน คดีคลิปเสียงสนทนากับ สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ซึ่งนางสาวแพทองธาร ยิ้มและไม่ตอบคำถาม ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ หรือสุดท้ายจะอยู่ รวมถึงขอให้ยืนยันว่าจะลาออกหรือไม่ ซึ่งนางสาวแพทองธาร ไม่ได้ตอบคำถาม และเดินทางขึ้นรถทันที.-315 -สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” นำทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในวันแม่แห่งชาติ

สนามหลวง 12 ส.ค.- “ภูมิธรรม” เป็นประธานพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา “พระพันปีหลวง” 12 สิงหาคม 2568 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และพิธีทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2568 โดยมีประธานองคมนตรีและภริยา คณะองคมนตรีและภริยา ประธานรัฐสภา ประธานศาลฎีกา ประธานองค์กรตามรัฐธรรมนูญ หน่วยราชการในพระองค์ คณะรัฐมนตรีพร้อมคู่สมรส เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ผู้บัญชาการเหล่าทัพและภริยา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและภริยา ปลัดกระทรวงทุกกระทรวง และผู้แทนภาคเอกชน ร่วมพิธี โดยเมื่อนายภูมิธรรม เดินทางถึงปะรำพิธีท้องสนามหลวง สมเด็จพระราชาคณะ พระราชาคณะ จำนวน 10 รูป ขึ้นนั่งอาสน์สงฆ์ นายภูมิธรรม จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย ถวายคำนับและถวายธูปเทียนแพหน้าพระฉายาลักษณ์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เจ้าหน้าที่อาราธนาศีล สมเด็จพระราชาคณะ พระราชาคณะ จำนวน […]

เตือนทั่วไทยฝนตกต่อเนื่อง ‘ตะวันออก’ หนักสุด

กทม. 12 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยฝนตกต่อเนื่อง เตือนภาคตะวันออกรับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ ประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1 – 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น “โพดุล” (PODUL) บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก คาดว่าจะเคลื่อนผ่านเกาะไต้หวัน และเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณด้านตะวันออกของประเทศจีนในช่วงวันที่ 13 – 14 ส.ค. โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย – สำนักข่าวไทย