รัฐสภา 25 มิ.ย.-“มนพร” ถามภูมิใจไทย ค้านหรือแค้น ติงยื่นซักฟอกไม่เหมาะสม เพิ่งออกจากรัฐบาลยังไม่ทันทำหน้าที่ฝ่ายค้าน เย้ย! มี 69 เสียง ไปคุยกับ ปชน. 140 เสียงก่อน
นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะที่ปรึกษาวิปรัฐบาล กล่าวถึงกรณีที่พรรคภูมิใจไทย ประกาศพร้อมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลทันที ในวันที่เปิดสมัยประชุมสภา 3 มิถุนายนนี้ว่า การประกาศดังกล่าวล่วงหน้า ตั้งแต่วันที่สภายังไม่มีการเปิดประชุมสภา ทั้งที่ที่ผ่านมาก็ร่วมบริหารงานกันมา 2 ปี ตนเองก็งงเช่นกันว่า การขอยื่นดังกล่าว มีความเหมาะสมกับช่วงเวลานี้หรือไม่ เพราะขณะนี้ ก็ยังมีคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ พิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 อยู่ และการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็จะต้องใช้เสียง สส. 1 ใน 5 ของจำนวน สส.ที่มีอยู่ หรือ 99 เสียง แต่พรรคภูมิใจไทยมีเพียง 69 คน ดังนั้น จึงขอโอกาสให้รัฐบาลได้ทำงานก่อน หรือหากพรรคภูมิใจจะอภิปรายรัฐบาลปัจจุบัน ก็อาจจะมีคำถามจากสังคมว่า ในขณะที่ พรรคภูมิใจไทยบริหารกระทรวงมหาดไทย, กระทรวงการอุดมศึกษาฯ, กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงแรงงาน พรรคภูมิใจไทยได้ทำอะไรไว้ ตนเองจึงมองว่า ยังไม่มีความเหมาะสมที่จะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่ก็ถือเป็นสิทธิของพรรคภูมิใจไทย และยืนยันว่า รัฐบาลพร้อมชี้แจง
นางมนพร ยังแนะนำให้พรรคภูมิใจไทยไปประชุมกันร่วมกับฝ่ายค้านก่อน เพราะพรรคร่วมฝ่ายค้าน ที่นำโดยพรรคประชาชน ที่มี สส.กว่า 140 คน แต่พรรคภูมิใจไทยมี สส.เพียง 69 คน ก็ยังไม่มีการแถลงใด ๆ โดยผู้นำฝ่ายค้านฯ
ส่วนประเมินพรรคประชาชนจะสนับสนุนการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้หรือไม่นั้น นางมนพร ปฏิเสธให้ความเห็น แต่ผู้นำฝ่ายค้านฯ ในขณะนี้ เป็น สส.จากพรรคประชาชน ไม่ใช่พรรคภูมิใจไทย
นางมนพร ยังปฏิเสธที่จะประเมินการทำหน้าที่ฝ่ายค้านของพรรคภูมิใจไทย เพราะให้เกียรติทุกพรรค แต่ก็มองการเคลื่อนไหวของพรรคภูมิใจไทยขณะนี้ ก็ไม่มั่นใจว่า พรรคภูมิใจไทย จะเป็นฝ่ายค้าน หรือฝ่ายค้านกันแน่ เพราะยังไม่ได้ทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ใด ๆ เพราะเพิ่งก้าวขาออกจากพรรคร่วมรัฐบาล และตัดสินใจยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจในเวลานี้ ซึ่งไม่ใช่ช่วงเวลาที่เหมาะสม
นางมนพร ยังกล่าวถึงการพิจารณาร่างกฎหมายที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร จะพิจารณาหลังการเปิดสมัยประชุมสภา สมัยสามัญประจำปี ครั้งที่ 1 ประจำปี 2568 ว่า ในสมัยประชุมนี้ เดิมวาระของสภาจะพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการประกอบสถานบันเทิงครบวงจร หรือ เอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ ที่รัฐบาลกำลังรับฟังความเห็นของประชาชน และสร้างความเข้าใจในร่างกฎหมายเกี่ยวกับกาสิโน ที่มีเพียง 10% ของพื้นที่ และยังคงต้องใช้เวลาอีก ดังนั้น จึงเห็นควรเลื่อนร่างกฎหมายฉบับนี้ออกไปก่อน โดยจะพิจารณาร่างพระราชบัญญัติสังคมสันติสุข หรือร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ที่พรรคร่วมรัฐบาล และพรรคร่วมฝ่ายค้านร่วมกันเสนอ เป็นเรื่องแรก รวมถึงยังมีร่างกฎหมายอื่น ๆ ที่คณะกรรมาธิการกำลังพิจารณาแล้วเสร็จ เช่น ชุดร่างกฎหมายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย โดยจะเร่งรัดให้กรรมาธิการฯ พิจารณาให้แล้วเสร็จ เพื่อนำเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรให้ประชาชนได้ใช้รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ซึ่งคาดว่า สภาผู้แทนราษฎร จะพิจารณาแล้วเสร็จ และส่งให้วุฒิสภาพิจารณาให้แล้วเสร็จในช่วงเดือนกันยายนนี้ คาดว่า ในเดือนตุลาคมนี้ จะมีผลบังคับใช้
ส่วนเสียงของพรรคร่วมรัฐบาลจะยังมีเสถียรภาพหรือไม่ หลังจำนวน สส.เหลือใกล้เคียงกับฝ่ายค้านนั้น นางมนพร ยอมรับว่า ทุกคนมีความห่วใยในเรื่อนี้ แต่จากการพูดคุยกับพรรคร่วมแล้ว ถ้า สส.รู้จักกาทำหน้าที่ เข้าร่วมประชุมทุกครั้ง ก็เชื่อมั่นว่า กฎหมายทุกฉบับจะผ่านไปได้ด้วยดี
ส่วนกังวลต่อเสียงของวุฒิสภาที่จะตีกลับชุดร่างกฎหมายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เพราะพรรคภูมิใจไทยถอนตัวพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่นั้น นางมนพร เห็นว่า การเสนอร่างกฎหมายสำคัญ ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน ไม่ได้ยึดแค่พรรคภูมิใจไทย แต่หลายพรรคฯ ก็เห็นด้วยรวมถึงพรรคประชาชน เพราะหากนโยบายนี้สำเร็จ ประชาชนก็จะได้ใช้รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย หาก สว.คิดเรื่องมิติการเมือง ก็ขอให้คำนึงถึงประชาชน และในทางกลับกันหากกฎหมายนี้ ไม่ถูกตีกลับ ก็จะไม่เป็นการตอกย้ำว่า สว.เป็นคนของพรรคการเมืองใดการเมืองหนึ่ง จึงขอให้แสดงตนและคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง.-312.-สำนักข่าวไทย