ส.ว.เห็นชอบกฎหมาย กสทช. ไฟเขียวล้มกระดานสรรหากรรมการ

รัฐสภา 15 ก.พ.- ที่ประชุมวุฒิสภา เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.กสทช. ด้วยเสียง 194 ต่อ 3 ไฟเขียวล้มกระบวนการสรรหาบอร์ด กสทช. และให้สรรหากรรมการชุดใหม่ ภายใน 15 วัน นับตั้งแต่ประกาศบังคับใช้


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมวุฒิสภา วันนี้ (15 ก.พ.) นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่ …) พ.ศ. … ซึ่งเป็นฉบับที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว ในวาระสองและวาระสาม

พลเอก อนันตพร กาญจนรัตน์ ประธาน กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงวิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่…) พ.ศ. … (ร่าง พ.ร.บ.กสทช.) ได้กล่าวถึงสรุปผลการพิจารณาของ กมธ.วิสามัญ ว่า การแก้ไขร่าง พ.ร.บ.กสทช.ครั้งนี้ ตามร่างของคณะรัฐมนตรี (ครม.) และร่างของสภาผู้แทนราษฎร ได้มีการชี้แจงเหตุผลว่า เนื่องจากกระบวนการสรรหากรรมการ กสทช. ตามกฎหมายปัจจุบัน ได้เกิดสภาพปัญหาในทางปฏิบัติบางประการ ทำให้การสรรหาและการคัดเลือกบุคคลมีข้อติดขัดไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมายที่ต้องการให้ผู้ได้รับการคัดเลือกเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถและมีประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติหน้าที่ ประกอบกับได้มีข้อร้องเรียนเป็นจำนวนมากเกี่ยวกับคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ได้รับการคัดเลือกให้ดำรงตำแหน่งกรรมการ กสทช. จึงเป็นที่มาและเหตุผลสำคัญในการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมาย กสทช. ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการสรรหาและคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งกรรมการ กสทช. อันเป็นการแก้ไขข้อขัดข้องในการสรรหาและคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งดังกล่าว


โดยร่าง พ.ร.บ.กสทช. ฉบับนี้ มีจำนวนทั้งสิ้น 11 มาตราหลัก และ 6 มาตราย่อย โดยสาระสำคัญของร่างกฎหมายฉบับนี้ คือ 1.มีการแก้ไขเพิ่มเติมองค์ประกอบของคณะกรรมการ กสทช. 2.แก้ไขเพิ่มเติมลักษณะต้องห้ามของกรรมการกสทช. กรณีเคยได้รับโทษจำคุก โดยคำพิพากษาให้ถึงที่สุดให้จำคุก  3.ปรับปรุงอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการสรรหา ในการกำหนดรายละเอียดเกี่ยวกับความรู้ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ของผู้มีสิทธิ์สมัครเข้ารับการสรรหา และการกำหนดให้คณะกรรมการสรรหามีหน้าที่และอำนาจในการพิจารณาและวินิจฉัยเกี่ยวกับคุณสมบัติ หรือลักษณะต้องห้ามของผู้สมัครเข้ารับการสรรหาหรือผู้ได้รับลการคัดเลือกเพื่อแต่งตั้งเป็นกรรมการ กสทช. 4.ปรับปรุงลักษณะของผู้มีสิทธิสมัครเข้ารับการสรรหาเพื่อเป็นกรรมการกสทช. และ 5.ปรับปรุงกระบวนการสรรหาคัดเลือก และแต่งตั้งกรรมการ กสทช. โดยในการปรับปรุงกระบวนการนี้ พบว่า กระบวนการกรรมการกสทช. ในปัจจุบัน กำหนดให้คณะกรรมการสรรหา คัดเลือกบุคคลในแต่ละด้าน ด้านละ 2 คน แล้วส่งเรื่องให้วุฒิสภาพิจารณาให้เหลือ 1 คน โดยไม่ได้กำหนดจำนวนคะแนนเสียงที่จะถือว่าได้รับการคัดเลือกในการพิจารณาของวุฒิสภาไว้ ดังนั้นหากผู้สมัครคนใดได้รับเสียงข้างมาก ถึงแม้จะเป็นเพียง 1 เสียงก็ถือว่าบุคคลนั้นได้รับการคัดเลือกจากวุฒิสภา ตัวกฎหมายจึงได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมกระบวนการสรรหาจากเดิม กรรมการสรรหา คัดเลือกมาจำนวนด้านละ 2 คน เปลี่ยนเป็นจัดหามาให้พอดีกับด้านคือ ด้านละ 1 คน จำนวน 7 ด้าน และเมื่อกรรมการสรรหา ดำเนินการคัดเลือกบุคคลใดแล้วให้เสนอรายชื่อต่อวุฒิสภา เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ โดยผู้ได้รับเลือกต้องได้รับความเห็นชอบจากวุฒิสภา ด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกที่มีอยู่ของวุฒิสภา

ทั้งนี้มีสมาชิกวุฒิสภาส่วนหนึ่ง สงวนคำแปรญัตติไว้ในมาตรา 3 แก้ไขมาตรา 6 ขอให้ทบทวนคุณสมบัติของกรรมการ กสทช. มีความรอบด้านมากขึ้น เพราะหากกำหนดไว้เพียงแต่ ด้านวิศวกรรม กฎหมาย เศรษฐศาสตร์ การคุ้มครองผู้บริโภค และด้านการส่งเสริมสิทธิเสรีภาพของประชาชน เป็นการระบุเจาะจงมากเกินไป ควรจะต้องเพิ่มด้านการศึกษา วัฒนธรรม และด้านการพัฒนาสังคม เพื่อให้การบริหารของ กสทช. มีทิศทางที่หลากหลายครอบคลุมกับบริบททางสังคม อย่างไรก็ตาม กรรมาธิการได้ยืนยันว่าการกำหนดคุณสมบัติของกรรมการ กสทช. มีความครบถ้วนสมบูรณแล้วและเชื่อว่ากรรมการฯ ที่ได้รับเลือกมีความรู้ความสามารถเกินกว่าที่กำหนดไว้ในแต่ละด้านอยู่แล้ว

นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ สมาชิกวุฒิสภา ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการแก้ไขลักษณะเฉพาะของผู้มีสิทธิสมัครเป็นกรรมการ กสทช. ไว้ในมาตรา 5 ใช้ข้อความแทนมาตรา 14/2 (3) ต้องเคยเป็นทหารหรือตำรวจที่มียศตั้งแต่พันเอก นาวาเอก นาวาอากาศเอก หรือพันตำรวจเอก ขึ้นไป ซึ่งถือว่าไม่ใช่ตำแหน่งระดับบริหาร พร้อมทักท้วงว่าการกำหนดตำแหน่งดังกล่าวไว้มีความแตกต่างอย่างไรเมื่อเทียบกับผู้เคยตำแหน่งรองอธิบดีที่เคยเป็นผู้บริหารมาก่อน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมวุฒิสภามีมติไม่เห็นชอบ มาตรา 5 (3) ตามที่คณะกมธ. แก้ไข โดยให้กลับไปใช้ตามที่สภาผู้แทนราษฎรเสนอ ซึ่งบัญญัติไว้ว่า ผู้มีสิทธิสมัครรับการสรรหาเพื่อเป็นกรรมการ กสทช. มีคุณลักษณะอย่างหนึ่งอย่างใด (3) เป็นหรือเคยเป็นนายทหารหรือนายตำรวจที่มียศตั้งแต่พลตรี พลเรือตรี พลอากาศตรี หรือพลตำรวจตรี 

นอกจากนี้ ที่ประชุมวุฒิสภายังได้พิจารณา มาตรา 10 ว่าด้วยการดำรงตำแหน่งของกรรมการ กสทช. โดย พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ ส.ว. ในฐานะประธานกมธ. ชี้แจงตอนหนึ่งว่า สาเหตุที่ทางกมธ.แก้ไข ให้บุคคลที่อยู่ระหว่างการสรรหาเป็นกรรมการ กสทช. เมื่อได้แต่งตั้งเป็นกรรมการแล้วสามารถดำรงตำแหน่งได้ 3 ปี ซึ่งแตกต่างจากร่างที่สภาฯส่งมา โดยกำหนดให้เลือกกรรมการชุดใหม่ ภายใน 15 วัน หลังร่างพ.ร.บ.นี้ประกาศบังคับใช้ ก็เพื่อให้ความเป็นธรรมกับบุคคลที่อยู่ระหว่างการสรรหาเป็น กสทช. ซึ่งมาตามกฎหมายกสทช. ฉบับเดิม ทั้งนี้ คาดว่าร่างกฎหมายที่กำลังพิจารณาอยู่นี้จะเสร็จก่อนการสรรหา ทำให้กระบวนการสรรหานั้นต้องยกเลิก หรือคว่ำไปโดยอัตโนมัตินับจากวันที่ร่าง พ.ร.บ.กสทช. ฉบับใหม่บังคับใช้ เพราะคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามนั้นแตกต่างกัน ทั้งนี้กมธ.ฯ ได้ปรับแก้เพื่อสร้างจุดสมดุลมากที่สุดของร่างกฎหมายระหว่างที่เสนอมาโดยคณะรัฐมนตรี (ครม.) และที่ร่างกฎหมายรับมาจากสภาผู้แทนราษฎร

ด้าน นางสุวรรณี สิริเวชชะพันธ์ รองประธานกมธ. ในฐานะกมธ.เสียงข้างน้อย กล่าวว่า สาเหตุที่เห็นด้วยกับร่างของสภาฯ เพราะมีการกำหนดไว้ว่าหากเป็นกรรมการ กสทช.ไม่ถึง 3 ปี สามารถกลับมาสมัครใหม่ได้

กระทั่งเวลา 15.00 น. นายศุภชัย สมเจริญ รองประธานวุฒิสภา คนที่สอง เป็นประธานในที่ประชุมขณะนั้น สั่งให้ที่ประชุมลงมติ มาตรา 10 ผลปรากฏว่า ที่ประชุมไม่เห็นชอบกับที่คณะกรรมาธิการแก้ไข ด้วยเสียง 158 ต่อ 42 งดออกเสียง 12 ไม่ลงคะแนน 1 เสียง ด้วยเหตุนี้ทำให้ต้องกลับไปใช้มาตรา 10 ตามที่สภาฯเสนอมา ซึ่งกำหนดให้มีการสรรหากรรมการชุดใหม่ ภายใน 15 วัน นับตั้งแต่มีการประกาศบังคับใช้ ดังนั้น กระบวนการการสรรหาบุคคลเป็นกรรมการ กสทช. ในขณะนี้ต้องล้มเลิกไปโดยอัตโนมัติ

ทั้งนี้ในวาระที่สาม ที่ประชุมเห็นด้วยกับร่างกฎหมายทั้งฉบับ ด้วยเสียง 194 ต่อ 3 งดออกเสียง 15 ไม่ลงคะแนน 1 เสียง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มือมีดทำร้าย “เป๊ก ผลิตโชค” ขอโทษ อ้างป้องกันตัว

กรุงเทพฯ 3 ส.ค. – มือมีดทำร้าย “เป๊ก ผลิตโชค” ยืนยันไม่ได้ตั้งใจเอามีดฟัน อ้างไม่ใช่คู่กรณี แต่เห็นคนทะเลาะกัน เลยเข้าไปห้าม แต่ “เป๊ก” ปรี่เข้าหา จึงชักมีดพกขึ้นมาป้องกันตัว อยากขอโทษ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นช่วง 01.30 น. พนักงานสอบสวน สน.หัวหมาก รับแจ้งเหตุมีคนถูกมีดฟันบาดเจ็บในปั๊มน้ำมันซอยรามคำแหง 76 เขตบางกะปิ เมื่อเข้าไปตรวจสอบพร้อมกับสายตรวจและอาสากู้ภัย พบคนเจ็บคือ เป๊ก-ผลิตโชค อายนบุตร อายุ 40 ปี ดารานักร้องชื่อดัง ถูกมีดฟันใต้คางเป็นแผลฉกรรจ์ ทำให้ต้องเร่งปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนพาตัวส่งโรงพยาบาล ขณะที่ผู้ก่อเหตุคือ นายชุติเทพ อายุ 21 ปี ไม่ได้หนีไปไหน ยืนรอมอบตัวกับตำรวจ พร้อมอาวุธมีดยาว 20 เซนติเมตร ที่ใช้ฟันเป๊ก ผลิตโชค ตำรวจจึงคุมตัวไปสอบปากคำที่โรงพัก เบื้องต้นนายชุติเทพ ให้การอ้างขับรถไปรับแฟนออกจากที่ทำงานเพื่อกลับบ้าน แต่ขณะแวะปั๊มน้ำมันจุดเกิดเหตุ เห็นมีคนกำลังทะเลาะกัน คล้ายมีอาการมึนเมา อยู่ท้ายรถกระบะ ตนเองจึงเข้าไปช่วยเคลียร์ […]

ทบ.แจงไม่มีคำสั่งอพยพชาวสุรินทร์ ปัดข่าวลือเตรียมโจมตีกัมพูชา

กองทัพบก 3 ส.ค. – โฆษกกองทัพบก แจงไม่มีคำสั่งอพยพชาวสุรินทร์ ปัดข่าวลือเตรียมโจมตีกัมพูชา กองทัพบก ออกมาปฏิเสธข่าวลือที่แพร่สะพัดบนโซเชียลมีเดีย หลังมีการอ้างว่า “สมเด็จฮุนเซน” อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา แชร์โพสต์ของโฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ระบุว่า กองทัพบกไทยสั่งอพยพชาวจังหวัดสุรินทร์ภายในคืนนี้ เพื่อเตรียมเปิดฉากโจมตีกัมพูชา ก่อนการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ยืนยันว่า ข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง ปัจจุบันในพื้นที่ไม่ได้มีการสั่งอพยพด่วนชาวสุรินทร์อย่างที่ระบุไว้ตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด ที่ผ่านมา การนำเสนอข้อมูลของโฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ไม่มีความน่าเชื่อถือเพียงพอ ขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสารจากแหล่งข่าวทางการ และไม่หลงเชื่อหรือแชร์ข้อมูลเท็จที่อาจสร้างความตื่นตระหนกในสังคม ทั้งนี้ กองทัพบกยังคงเคารพข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด แต่ก็ได้เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ไม่คาดคิดจากการกระทำของฝ่ายกัมพูชาที่มีแนวโน้มละเมิดข้อตกลงหยุดยิงบ่อยครั้ง รวมถึงพบว่ามีการเพิ่มเติมกำลังพลและยุทโธปกรณ์เข้ามาในพื้นที่. – สำนักข่าวไทย

พระราชทานเพลิงศพ 7 ผู้วายชนม์ เหตุปะทะไทย-กัมพูชา

3 ส.ค. – พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ ในการพระราชทานเพลิงศพผู้วายชนม์ 7 ราย จากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา วันนี้ ครอบครัวและญาติทำพิธีฌาปนกิจผู้เสียชีวิต 7 ราย จากเหตุกัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือนของไทยใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ท่ามกลางบรรยากาศโศกเศร้า เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานพิธี เชิญกล่องเพลิงพระราชทาน ผ้าไตรพระราชทาน และช่อดอกไม้จันทน์พระราชทาน มายังศาลาพุทธคุณ วัดมหาพุทธาราม พระอารามหลวง ต.เมืองเหนือ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ เพื่อประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพผู้เสียชีวิตจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จากนั้นมีการอ่านหมายรับสั่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ ในการพระราชทานเพลิงศพผู้วายชนม์ 7 ราย ได้แก่ นางสาวรุ่งรัศ, เด็กหญิงทักษพร, เด็กชายพงศภัค, เด็กชายกิตติศักดิ์, นางสาวสาวิตรี, นางอรุณรัตน์ และนายสมศรี โดยมี 5 ราย เสียชีวิตจากเหตุกัมพูชายิงจรวด BM-21 ใส่ร้านสะดวกซื้อ ภายในปั๊มน้ำมัน อ.กันทรลักษ์ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา ส่วนอีก […]

คนร้ายยิง M16 ถล่มกำนัน ต.นาวง ดับคากระบะ

ตรัง 3 ส.ค. – ตำรวจ สภ.ห้วยยอด พร้อมชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ตรวจสอบรถกระบะกำนัน ต.นาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง หลังถูกคนร้ายใช้อาวุธปืน M16 ยิงถล่ม เสียชีวิตหน้าบ้านพัก เบื้องต้นตำรวจตั้งปมขัดแย้งส่วนตัว มุ่งเอาชีวิตเป็นหลัก คืบหน้าเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืน M16 ยิงถล่มรถกระบะนายบัณฑิต กำนันตำบลนาวง และประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้าน อ.ห้วยยอด จ.ตรัง เสียชีวิตหน้าบ้านพักเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา ล่าสุด ตำรวจ สภ.ห้วยยอด ประสานพิสูจน์หลักฐาน พร้อมชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดศรีตรัง เข้าตรวจสอบรถกระบะของผู้เสียชีวิต พบถูกกระสุนปืน M16 ยิงใส่รถรวม 15 นัด เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตั้งประเด็นขัดแย้งส่วนตัว มุ่งเอาชีวิตเป็นหลัก เนื่องจากสภาพศพกระสุนปืนเข้าที่อวัยวะสำคัญ ทั้งศีรษะและลำตัวฝั่งขวาหลายนัด แต่ยังไม่ตัดประเด็นอื่นๆ ที่อาจเกี่ยวข้องทิ้ง ทั้ง รื่องพิพาทผลประโยชน์สวนปาล์มน้ำมันในพื้นที่วังวิเศษ หรือความเชื่อมโยงกับคดีลอบสังหาร “ทนายเหว่า” ซึ่งอยู่ระหว่างสืบสวนเชิงลึก และอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน เพื่อออกหมายจับ ผู้เกี่ยวข้องต่อไป.-สำนักข่าวไทย