กรุงเทพฯ 23 ส.ค.- “องอาจ คล้ามไพบูลย์” ไม่เห็นด้วยที่อนุกรรมาธิการงบประมาณฯ ผ่านงบประมาณจัดซื้อเรือดำน้ำของกองทัพเรือ จี้ทบทวน เพื่อนำงบประมาณไปใช้แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปากท้องของประชาชน
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค และประธาน ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีคณะอนุกรรมาธิการครุภัณฑ์ ไอซีที รัฐวิสาหกิจ และทุนหมุนเวียนในคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ.2564 มีมติเสียงข้างมาก 5 ต่อ 4 ผ่านงบฯ จัดซื้อเรือดำน้ำของกองทัพเรือ 2 ลำ วงเงิน 22,500 ล้านบาทว่า ไม่เห็นด้วยที่จะใช้เงินจำนวนมากไปซื้อเรือดำน้ำในขณะที่บ้านเมืองกำลังมีปัญหาเรื่องโควิด-19 ที่สร้างผลกระทบกับเศรษฐกิจปากท้องของประชาชนจำนวนมาก
นายองอาจ กล่าวว่า เราควรยอมรับความจริงว่า ขณะนี้เศรษฐกิจฝืดเคือง คนหาเช้ากินค่ำมีชีวิตอยู่ด้วยความยากลำบาก ชักหน้าไม่ถึงหลัง คนจำนวนมากวิตกกังวลเรื่องเศรษฐกิจปากท้อง ไม่รู้ว่าอนาคตข้างหน้าอะไรจะเกิดขึ้น ตราบใดที่สถานการณ์โควิด-19 ยังต้องอยู่กับเราไปอย่างไม่มีกำหนดแน่นอน ว่าจะคลี่คลายเมื่อไหร่ ขณะที่ในประเทศไทยก็ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะมีวัคซีนใช้ได้เมื่อไหร่ รวมถึงอาจมีโควิด-19 ระบาดรอบสอง ซึ่งจะก่อให้เกิดผลกระทบกับเศรษฐกิจปากท้องของประชาชนมากขึ้นไปอีก การใช้จ่ายเงินทุกบาททุกสตางค์ของภาครัฐ จึงควรใช้เพื่อประโยชน์สูงสุดในการรองรับสถานการณ์เศรษฐกิจ สังคมที่ไม่ปกติอยู่ในปัจจุบัน
รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ถึงแม้กองทัพเรือจะอ้างว่าการมีเรือดำน้ำเป็นความจำเป็นทางด้านความมั่นคง แต่ในขณะที่บ้านเมืองยังมีปัญหาโควิด-19 ซึ่งส่งผลให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ สังคม ซ้ำเติมประเทศชาติและประชาชนอยู่แบบนี้ ควรนำงบประมาณไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชนจะดีกว่า จนกว่าสถานการณ์บ้านเมืองจะคลี่คลายเข้าสู่สภาวะปกติค่อยพิจารณากันใหม่ได้
ส่วนที่มีความกังวลว่าจะกระทบต่อความสัมพันธ์ที่ดีกับจีนนั้น นายองอาจ กล่าวว่า ไม่น่าจะกังวลแต่อย่างใด เพราะจีนก็ทราบดีว่าไทยได้รับผลกระทบวิกฤติเศรษฐกิจจากโควิด-19 อย่างไร จีนน่าจะเข้าใจและเห็นใจประเทศไทยมากกว่า จึงขอเรียกร้องให้ทบทวนชะลอการซื้อเรือดำน้ำ 2 ลำ วงเงิน 22,500 ล้านบาทออกไปก่อน เพื่อนำงบประมาณไปใช้จ่ายแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปากท้องของประชาชนที่กำลังประสบปัญหาอย่างมากอยู่ขณะนี้.-สำนักข่าวไทย