กทม. 2 พ.ค.-เจ้าหน้าที่กู้ซากตึก สตง.ถล่ม เปิดโซนบริเวณใต้ดินและเข้าถึงบริเวณปล่องลิฟต์ได้แล้ว พบร่างผู้เสียชีวิตเพิ่มรวม 74 ราย คาดปิดภารกิจค้นหา-รื้อถอน ภายในเดือนนี้
นายสุริยชัย รวิวรรณ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร (สปภ.) แถลงข่าวความคืบหน้าเหตุการณ์อาคาร สตง. ถล่ม เขตจตุจักร ว่า เจ้าหน้าที่พบร่างผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 13 ราย และชิ้นส่วนร่างกายบางส่วน พร้อมกับพบร่างอีก 2 รายที่อยู่ระหว่างรอการยืนยันอัตลักษณ์บุคคลจากนิติเวช
ส่วนการทำงานการเร่งค้นหาผู้สูญหายอย่างต่อเนื่อง ค้นหาอยู่ในโซน D2 ซึ่งเชื่อมต่อกับโซน C และเป็นทางเชื่อมไปยังอาคารด้านหลังและลานจอดรถ โดยยังไม่สามารถเข้าถึงชั้นใต้ดินได้ทั้งหมด คาดว่าบริเวณทางเดินชั้น 3 ซึ่งมีความสูงประมาณ 4 เมตร อาจมีความลึกลงไปอีก 2-3 เมตร และเชื่อว่าอาจพบผู้เสียชีวิตเพิ่มเติมในบริเวณนี้
ล่าสุดสามารถเปิดโซนบริเวณใต้ดินและเข้าถึงบริเวณปล่องลิฟต์ได้แล้ว และเร่งค้นหาผู้สูญหาย โดยเฉพาะ (จากภาพเปรียบเทียบ) ช่วงทางเชื่อมระหว่างอาคาร ชั้น 3 กับอาคารที่ถล่มลง บริเวณโซน C และอาคาร B ซึ่งเป็นทิศทางหลบหนีของผู้ประสบเหตุ โดยเชื่อว่าบางรายอาจติดค้างอยู่บริเวณบันได ในขณะที่บางส่วนอาจหนีออกมาทันและกระจายตัวอยู่บริเวณโถงด้านหน้าและขอบอาคาร และข้อมูลจากผู้รับเหมาที่ยืนยันว่ามีเจ้าหน้าที่ทำงานอยู่ในบริเวณโซน D ก่อนเกิดเหตุสอดคล้องกับการพบร่างผู้เสียชีวิตเมื่อวานนี้ในจุดที่สูงจากชั้นใต้ดินไม่เกิน 1 เมตร
ขณะที่วันนี้ พฐ.และตำรวจบางซื่อ ได้เข้าเก็บเสาปูนอาคาร และผนังช่องลิฟต์ เหล็ก บริเวณช่องตัวอาคารลิฟต์ ที่คาดว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้ตึกถล่ม
ส่วนที่ดีเอสไอและพนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ ต้องการเก็บหลักฐานบริเวณปล่องปล่องลิฟต์ ซึ่งถือว่ามีรายละเอียดสำคัญมากกว่าตรงจุดอื่น ทางเจ้าหน้าที่จะมีการกั้นพื้นที่ดังกล่าวไว้ เพื่อให้เข้าตรวจสอบ จะยังไม่รื้อถอน
ส่วนข้อมูลจากกองอำนวยการร่วม ระบุว่าขณะนี้มีผู้ประสบเหตุรวม 103 ราย แบ่งเป็นผู้เสียชีวิต 74 ราย บาดเจ็บ 9 ราย และสูญหาย 20 ราย ซึ่งยังอยู่ระหว่างการติดตามและยืนยันตัวตน
แม้จะสามารถระบุตัวผู้ประสบเหตุได้ครบ 103 รายแล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดพื้นที่เข้าค้นหาได้ครบทุกโซน จึงต้องดำเนินการต่อเนื่องเพื่อความรอบคอบ และตรวจสอบว่ามีผู้สูญหายเพิ่มเติมจากยอดที่แจ้งไว้หรือไม่ โดยต้องรอการยืนยันจากพนักงานสอบสวนอีกครั้ง
ส่วนการการค้นหาและรื้อถอนซากอาคารได้แล้วเสร็จภายในเดือนพฤษภาคมนี้ หากยืนยันว่าไม่มีผู้ประสบภัยตกค้างในพื้นที่ ก็จะเสนอรายงานต่อผู้อำนวยการเขตจตุจักร เพื่อพิจารณายกเลิกการประกาศเขตบรรเทาสาธารณภัย และคืนพื้นที่ให้กับเจ้าของอาคาร.-416.-สำนักข่าวไทย