ระเบิดศึกฟุตบอลเยาวชน 8 คน “GLO CUP 2025” เฟ้นเด็กไทย 7 ภาคทั่วประเทศ ลุ้นเก็บตัวที่ประเทศญี่ปุ่น 6 เดือน

2 พ.ค.68-สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล (GLO) ร่วมกับมูลนิธิพัฒนาฟุตบอลไทย ร่วมยืนยันความพร้อมจัดการแข่งขันฟุตบอลเยาวชน 8 คน ชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย “GLO CUP 2025 THAILAND CHAMPIONSHIP” รุ่นอายุไม่เกิน 13 ปี และ รุ่นอายุไม่เกิน 15 ปี เงินรางวัลรวมกว่า 1 ล้านบาท พร้อมมอบโอกาสพิเศษให้เด็กไทย ต่อยอดพัฒนาด้วยการไปเก็บตัวฝึกซ้อมที่ประเทศญี่ปุ่น ตามแนวทาง Japan Way กับ สโมสร “อวิสป้า ฟุกุโอกะ” ทีมชั้นนำของเจลีก (J league) ที่ประเทศญี่ปุ่น เป็นเวลา 6 เดือน  


ฟุตบอลเยาวชน GLO CUP 2025 เป็นการแข่งขันฟุตบอล 8 คน รุ่นอายุไม่เกิน 13 ปี และ รุ่นอายุไม่เกิน 15 ปี ครอบคลุมทั้ง 7 ภูมิภาคทั่วประเทศรวม 672 ทีม เพื่อสร้างโอกาสให้กับสังคม ทั้งยังเป็นการนำรูปแบบและกติกาการแข่งขันที่เหมาะสมกับการพัฒนาฟุตบอลไทยแบบยั่งยืน รวมถึงพัฒนาศักยภาพของเยาวชนไทยในแบบที่ถูกต้อง

สำหรับรูปแบบการแข่งขันนั้นจะแบ่งออกเป็น 7 ภาค เปิดรับสมัครระหว่างวันที่ 3-19 พฤษภาคม 2568 รอบภาค ภาคละ 48 ทีม คัดหาตัวแทนภาคเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศประเทศไทยรวม 32 ทีม ในแต่ละรุ่น นอกจากนี้ยังมีการเฟ้นหา GLO STAR นักฟุตบอลฝีเท้าดีที่มีแววในการพัฒนาต่อยอดจำนวน 30 คน  (รุ่นละ 15 คน) เพื่อเข้าแคมป์เก็บตัวระหว่างวันที่ 29 กันยายนถึง 13 ตุลาคม พ.ศ. 2568 และคัดหา 6 คนสุดท้ายคว้าโอกาสพิเศษเดินทางไปร่วมฝึกซ้อมฟุตบอล และฝึกด้านระเบียบวินัยซึ่งเป็นรากฐานของการเป็น นักฟุตบอลอาชีพ กับ อวิสปา ฟุกุโอกะ สโมสรระดับเจลีก 1 ลีกสูงสุดของญี่ปุ่น เป็นเวลา 6 เดือน  


โดยมีมูลนิธิพัฒนาฟุตบอลไทย นำโดย “เดอะ ตุ๊ก” ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน ตำนานกองหน้าไทยตลอดกาล และตำนานทีมชาติไทย พร้อมทีมงานอีกมากมาย มาร่วมคัดเลือกอย่างมีมาตรฐาน เป็นธรรม และเคร่งครัดตามเกณฑ์พิจารณา ทั้งยังมีโอกาสกระทบไหล่ซุปเปอร์สตาร์วงการฟุตบอลไทยอย่าง เจ-ชนาธิป สรงกระสินธิ์ และ มุ้ย- ธีรศิลป์ แดงดา ที่พร้อมให้คำแนะนำในฐานะรุ่นพี่ที่เคยไปสร้างชื่อในเวทีเจลีกมาก่อนหน้า

นายลวรรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวว่า นอกจากภารกิจในการนำส่งรายได้เข้ารัฐ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลยังให้ความสำคัญต่อการดูแลสังคม โดยเฉพาะการให้โอกาส และการสร้างอนาคตให้กับเด็กไทย ซึ่งจะเป็นกำลังหลักของประเทศชาติต่อไปในอนาคต โดยการจัดแข่งขัน GLO CUP 2025 จะจัดขึ้นทั่วทั้ง 7 ภูมิภาค คาดว่าจะมีผู้เข้าแข่งขันทั้งผู้เล่น และผู้ฝึกสอนกว่า 15,000 คน เป็นการส่งเสริมเยาวชนให้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ หันมาออกกำลังกาย และห่างไกลจากการพนัน และมากกว่านั้น คือ การมอบโอกาสและพัฒนาสุดยอดนักเตะไทยแห่งอนาคตคนใหม่

“ปัจจุบันปัญหาที่เกี่ยวข้องกับเด็ก และเยาวชน นั้นยังเป็นปัญหาสำคัญที่ต้องเร่งแก้ไขโดยเฉพาะการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการพนัน และ ยาเสพติด ดังนั้น การให้เด็กและเยาวชนได้ใช้เวลาว่างในการออกกำลังกาย ทำให้สุขภาพแข็งแรง และสามารถลดเวลาการเข้าถึงอบายมุขต่าง ๆ ได้ โดยฟุตบอลเป็นกีฬาที่ยอดนิยมที่เด็กให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก GLO CUP 2025 จึงเป็นเวทีให้เด็กเยาวชนทั่วประเทศได้ใช้ในการแสดงความสามารถ”


นอกจากนี้ ฟุตบอล GLO CUP 2025 เป็นการแข่งขันฟุตบอลระดับประเทศ ที่ทุกคนมีโอกาสพัฒนาตัวเองต่อยอดเพื่อเป็นนักฟุตบอลอาชีพและเป็นกำลังสำคัญของชาติในอนาคต โดยจะส่งเยาวชนที่มีความสามารถผ่านการคัดเลือกจากผู้เชี่ยวชาญซึ่งเป็นระดับตำนานทีมชาติไทยอย่าง “เดอะ ตุ๊ก” ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน พร้อมทีมงานที่มีเกณฑ์การคัดเลือกอย่างเคร่งครัดเพื่อ ไปเก็บตัวฝึกซ้อมที่ประเทศญี่ปุ่น เป็นเวลา 6 เดือน ตามแนวทาง Japan Way ในระดับเยาวชน U13 และ U15 กับสโมสรชั้นนำของเจลีกอย่าง อวิสปา ฟุกุโอกะ ที่ถือเป็นแหล่งผลิตนักฟุตบอลคุณภาพของญี่ปุ่นสู่เวทียุโรป และมีอะคาเดมีที่ได้รับคําชมจากเจลีกว่ามีแนวทางการพัฒนาที่เยี่ยม ซึ่งถือเป็นโอกาสสำคัญที่หาได้ยาก

“ในรายการนี้เรายังได้รุ่นพี่นักฟุตบอลดังระดับทีมชาติไทยอย่าง  เจ-ชนาธิป สรงกระสินธิ์ และ  มุ้ย- ธีรศิลป์ แดงดา ที่จะให้คำแนะนำเยาวชนของเราในฐานะรุ่นพี่ที่เคยไปสร้างชื่อในเวทีเจลีกของญี่ปุ่นมาก่อนหน้านี้ ซึ่งถือเป็นการเตรียมความพร้อมที่ดีก่อนเด็กที่ได้รับการคัดเลือกจะเดินทางไปพบกับประสบการณ์จริงด้วยตัวเอง”

ด้าน “เดอะตุ๊ก” ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน ประธานมูลนิธิพัฒนาฟุตบอลไทยและกรรมการสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ในฐานะประธานจัดการแข่งขัน GLO Cup 2025 กล่าวถึงการแข่งขันครั้งนี้ว่า  GLO Cup 2025 จะเป็นสิ่งที่ช่วยผลักดันการพัฒนาเด็กไทย และจะเป็นการช่วยเฟ้นหาเด็กฝีเท้าดีใหม่ ๆ เข้าสู่ทีมชาติชุดยู 17 ชิงแชมป์โลก ซึ่งจะมีการจัดแข่งขันทุกปี ซึ่งทางมูลนิธิพัฒนาฟุตบอลไทย ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ภายใต้แนวคิดทำอย่างไรให้ฟุตบอลไทยพัฒนา ซึ่งมูลนิธิพัฒนาฟุตบอลไทยต้องการจะจัดการแข่งขันในรูปแบบใหม่ เพราะเด็กไทยจะต้องปลูกฝังให้มีวิธีคิดในการเล่น  

“อย่างในรุ่น 13 ปี เราพยายามปลูกฝังให้เริ่มเล่นจากฟุตบอล 8 คน ที่ตั้งเกมจากแดนหลัง เพราะว่าทั้งในญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ มีความนิยมกันมาก เพราะถือว่าให้เด็กได้มีโอกาสได้สัมผัสได้บอลได้มากขึ้น เป็นการโชว์ทักษะมากขึ้น แต่เรามีการเพิ่มวิธีการ Build Up จากแดนหลัง คือ ผู้รักษาประตู บอลออกจากเท้า จะต้องส่งให้กองหลัง Build Up ขึ้นมา ห้ามเตะเกินครึ่งสนาม แล้วอย่างที่สอง คือ เรื่องของการเข้าทำประตู เราให้โหม่งได้ แต่เป็นลักษณะโหม่งย้อน ห้ามโหม่งทำประตู เพราะว่าเราอยากให้ผู้เล่นแถวสองเข้าไปซัพพอร์ต เพราะว่าผู้เล่นบ้านเรา การซัพพอร์ตช่วยเหลือซึ่งกันและกันค่อนข้างมีปัญหา ในเรื่องของการสร้างสรรค์เกมรุก เลยเป็นกุศโลบายในการที่จะวางกฎระเบียบ เพื่อให้เด็กได้มีวิธีคิดมากขึ้น มีประโยชน์ในการเล่นมากขึ้น”

ส่วนรุ่น 15 ปี จะเป็นฟุตบอล 8 คนเหมือนกัน แต่ว่าจะมีการ Build Up จากแดนหลัง เพราะเราต้องการให้เป็นบอลเท้าสู่เท้า เล่นด้วยความรวดเร็ว แต่สามารถโหม่งทำประตูได้ จะได้มีวิธีการเล่นใหม่ๆ ที่นอกกรอบ  มีวิธีการเล่นที่ทันสมัยขึ้น เลยให้การสนับสนุนขึ้นมา”

ซึ่ง โรงเรียนที่เข้ามาแข่งขัน จะได้ทุนการศึกษาทุกโรงเรียนด้วย รวมทั้งค่าเดินทาง ในรอบสุดท้าย และจะคัดเด็กอายุ 13 ปี 3 คน รุ่นอายุ 15 ปี 3 คน ไปทำการฝึกซ้อมที่ ประเทศญี่ปุ่น โดย สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล จะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด และถ้าเด็กสามารถต่อยอดได้ พัฒนาได้ มีสโมสรให้ความสนใจ ทางสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล และมูลนิธิพัฒนาฟุตบอลไทยจะพูดคุยกับสโมสรที่สนใจเรื่องโอกาสในการเซ็นสัญญา รวมถึงเรื่องการศึกษาที่จะต้องไปจัดการที่นั่นด้วย ควบคู่กับการประเมินผลงานผลงานของเด็กด้วยในการเก็บตัวว่า พอไปอยู่ต่างประเทศแล้ว ผลงานเป็นแบบไหนอย่างไร”

“นอกจากนี้ โรงเรียนที่เด็กผ่านเข้าไปฝึกซ้อมที่ญี่ปุ่น ก็จะมีการมอบเงินทุนการศึกษาให้กับโรงเรียนนั้นๆ ด้วยที่สามารถพัฒนาเด็กได้ดี และแน่นอนว่าเด็กๆในกลุ่มนี้ที่เรามุ่งมั่นในการพัฒนาเขาจะกลายเป็นกำลังสำคัญของทีมชาติไทยในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อฟีฟ่าได้ตัดสินใจขยายการจัดแข่งขันฟุตบอลเยาวชน

ชิงแชมป์โลก รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี (FIFA U-17 World Cup) ให้ครอบคลุม 48 ทีมและจัดขึ้นเป็นประจําทุกปีแทนที่จะเป็นทุกสองปี ทำให้เรามีเป้าหมายที่จะต้องพาทีมชาติไทยเข้าร่วมทัวร์นาเมนต์นี้ให้ได้”

สำหรับฟุตบอล GLO CUP 2025 ยังมีเงินสนับสนุนและเงินรางวัลให้แต่ละทีมรวมแล้วกว่า 1,000,000 บาท แบ่งเป็น 

1. ทีมรอบภาค 24 ทีม (2 รุ่น) รุ่นอายุไม่เกิน 13 ปี และรุ่นอายุไม่เกิน 15 ปี

เงินบำรุงทีม ทีมละ 5,000 บาท

2. ทีมที่ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย (2 รุ่น)

เงินบำรุงทีม ทีมละ 10,000 บาท

3. ทีมรอบสุดท้าย (2 รุ่น)

– ทีมชนะเลิศ จำนวน 300,000 บาท                                               

– รองชนะเลิศอันดับที่ 1 จำนวน 100,000 บาท                           

– รองชนะเลิศอันดับที่ 2 จำนวน 50,000 บาท      

– รองชนะเลิศอันดับที่ 3 จำนวน 20,000 บาท 

สำหรับ การแข่งขันฟุตบอลเยาวชน 8 คน ชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย “GLO CUP 2025 THAILAND CHAMPIONSHIP” ประจำปี 2568 รุ่นอายุไม่เกิน 13 ปี และ รุ่นอายุไม่เกิน 15 ปี เปิดรับสมัครระหว่าง วันที่ 3-19 พฤษภาคม 2568 โดยสามารถติดต่อดาวน์โหลดใบสมัครได้ที่ glocup.com/register หรือติดตามข้อมูลข่าวสารได้ทาง Facebook Fanpage สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล หรือสอบถามรายละเอียด  โทร. 088-617-5678

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มือมีดทำร้าย “เป๊ก ผลิตโชค” ขอโทษ อ้างป้องกันตัว

กรุงเทพฯ 3 ส.ค. – มือมีดทำร้าย “เป๊ก ผลิตโชค” ยืนยันไม่ได้ตั้งใจเอามีดฟัน อ้างไม่ใช่คู่กรณี แต่เห็นคนทะเลาะกัน เลยเข้าไปห้าม แต่ “เป๊ก” ปรี่เข้าหา จึงชักมีดพกขึ้นมาป้องกันตัว อยากขอโทษ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นช่วง 01.30 น. พนักงานสอบสวน สน.หัวหมาก รับแจ้งเหตุมีคนถูกมีดฟันบาดเจ็บในปั๊มน้ำมันซอยรามคำแหง 76 เขตบางกะปิ เมื่อเข้าไปตรวจสอบพร้อมกับสายตรวจและอาสากู้ภัย พบคนเจ็บคือ เป๊ก-ผลิตโชค อายนบุตร อายุ 40 ปี ดารานักร้องชื่อดัง ถูกมีดฟันใต้คางเป็นแผลฉกรรจ์ ทำให้ต้องเร่งปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนพาตัวส่งโรงพยาบาล ขณะที่ผู้ก่อเหตุคือ นายชุติเทพ อายุ 21 ปี ไม่ได้หนีไปไหน ยืนรอมอบตัวกับตำรวจ พร้อมอาวุธมีดยาว 20 เซนติเมตร ที่ใช้ฟันเป๊ก ผลิตโชค ตำรวจจึงคุมตัวไปสอบปากคำที่โรงพัก เบื้องต้นนายชุติเทพ ให้การอ้างขับรถไปรับแฟนออกจากที่ทำงานเพื่อกลับบ้าน แต่ขณะแวะปั๊มน้ำมันจุดเกิดเหตุ เห็นมีคนกำลังทะเลาะกัน คล้ายมีอาการมึนเมา อยู่ท้ายรถกระบะ ตนเองจึงเข้าไปช่วยเคลียร์ […]

ทบ.แจงไม่มีคำสั่งอพยพชาวสุรินทร์ ปัดข่าวลือเตรียมโจมตีกัมพูชา

กองทัพบก 3 ส.ค. – โฆษกกองทัพบก แจงไม่มีคำสั่งอพยพชาวสุรินทร์ ปัดข่าวลือเตรียมโจมตีกัมพูชา กองทัพบก ออกมาปฏิเสธข่าวลือที่แพร่สะพัดบนโซเชียลมีเดีย หลังมีการอ้างว่า “สมเด็จฮุนเซน” อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา แชร์โพสต์ของโฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ระบุว่า กองทัพบกไทยสั่งอพยพชาวจังหวัดสุรินทร์ภายในคืนนี้ เพื่อเตรียมเปิดฉากโจมตีกัมพูชา ก่อนการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ยืนยันว่า ข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง ปัจจุบันในพื้นที่ไม่ได้มีการสั่งอพยพด่วนชาวสุรินทร์อย่างที่ระบุไว้ตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด ที่ผ่านมา การนำเสนอข้อมูลของโฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ไม่มีความน่าเชื่อถือเพียงพอ ขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสารจากแหล่งข่าวทางการ และไม่หลงเชื่อหรือแชร์ข้อมูลเท็จที่อาจสร้างความตื่นตระหนกในสังคม ทั้งนี้ กองทัพบกยังคงเคารพข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด แต่ก็ได้เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ไม่คาดคิดจากการกระทำของฝ่ายกัมพูชาที่มีแนวโน้มละเมิดข้อตกลงหยุดยิงบ่อยครั้ง รวมถึงพบว่ามีการเพิ่มเติมกำลังพลและยุทโธปกรณ์เข้ามาในพื้นที่. – สำนักข่าวไทย

พระราชทานเพลิงศพ 7 ผู้วายชนม์ เหตุปะทะไทย-กัมพูชา

3 ส.ค. – พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ ในการพระราชทานเพลิงศพผู้วายชนม์ 7 ราย จากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา วันนี้ ครอบครัวและญาติทำพิธีฌาปนกิจผู้เสียชีวิต 7 ราย จากเหตุกัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือนของไทยใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ท่ามกลางบรรยากาศโศกเศร้า เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานพิธี เชิญกล่องเพลิงพระราชทาน ผ้าไตรพระราชทาน และช่อดอกไม้จันทน์พระราชทาน มายังศาลาพุทธคุณ วัดมหาพุทธาราม พระอารามหลวง ต.เมืองเหนือ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ เพื่อประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพผู้เสียชีวิตจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จากนั้นมีการอ่านหมายรับสั่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ ในการพระราชทานเพลิงศพผู้วายชนม์ 7 ราย ได้แก่ นางสาวรุ่งรัศ, เด็กหญิงทักษพร, เด็กชายพงศภัค, เด็กชายกิตติศักดิ์, นางสาวสาวิตรี, นางอรุณรัตน์ และนายสมศรี โดยมี 5 ราย เสียชีวิตจากเหตุกัมพูชายิงจรวด BM-21 ใส่ร้านสะดวกซื้อ ภายในปั๊มน้ำมัน อ.กันทรลักษ์ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา ส่วนอีก […]

คนร้ายยิง M16 ถล่มกำนัน ต.นาวง ดับคากระบะ

ตรัง 3 ส.ค. – ตำรวจ สภ.ห้วยยอด พร้อมชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ตรวจสอบรถกระบะกำนัน ต.นาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง หลังถูกคนร้ายใช้อาวุธปืน M16 ยิงถล่ม เสียชีวิตหน้าบ้านพัก เบื้องต้นตำรวจตั้งปมขัดแย้งส่วนตัว มุ่งเอาชีวิตเป็นหลัก คืบหน้าเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืน M16 ยิงถล่มรถกระบะนายบัณฑิต กำนันตำบลนาวง และประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้าน อ.ห้วยยอด จ.ตรัง เสียชีวิตหน้าบ้านพักเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา ล่าสุด ตำรวจ สภ.ห้วยยอด ประสานพิสูจน์หลักฐาน พร้อมชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดศรีตรัง เข้าตรวจสอบรถกระบะของผู้เสียชีวิต พบถูกกระสุนปืน M16 ยิงใส่รถรวม 15 นัด เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตั้งประเด็นขัดแย้งส่วนตัว มุ่งเอาชีวิตเป็นหลัก เนื่องจากสภาพศพกระสุนปืนเข้าที่อวัยวะสำคัญ ทั้งศีรษะและลำตัวฝั่งขวาหลายนัด แต่ยังไม่ตัดประเด็นอื่นๆ ที่อาจเกี่ยวข้องทิ้ง ทั้ง รื่องพิพาทผลประโยชน์สวนปาล์มน้ำมันในพื้นที่วังวิเศษ หรือความเชื่อมโยงกับคดีลอบสังหาร “ทนายเหว่า” ซึ่งอยู่ระหว่างสืบสวนเชิงลึก และอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน เพื่อออกหมายจับ ผู้เกี่ยวข้องต่อไป.-สำนักข่าวไทย