“เพื่อไทย” ขู่วอร์กเอาท์ หากสภาฯ โหวตไม่ส่งรายงานปรองดอง

รัฐสภา 13 ส.ค.- เพื่อไทย ขู่ วอร์กเอาท์ ไม่ร่วมสังคกรรม หากสภาฯโหวตไม่ส่งรายงานปรองดองให้รัฐ ชี้สภาควรโดนยุบทิ้ง อยู่ไปก็เปลือง แค่ปัญหาชาติยังไม่รับ ขณะที่สภาไฟดับ ช่วงฝนถล่มกรุง

ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณารายงาน เรื่อง แนวทางการสร้างความปรองดอง สมานฉันท์ของคนในชาติ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่าฝ่ายนิติบัญญัติต้องหาทางออกให้ประเทศในโอกาสนี้ หากเห็นว่ารายงานฉบับนี้ ส่งไปยังรัฐบาลแล้วไม่มีประโยชน์ ขณะที่ 9 ข้อที่เป็นข้อสังเกตุ และเป็นข้อเสนอให้รัฐบาล หรือคนที่มีอำนาจรับไปทำหรือควรจะทำ ถ้าหากกรรมาธิการมีมติไม่ส่งรายงาน ฝ่ายค้านทั้งหมดจะไม่ขอร่วมเป็นสภาฯให้ถูกตราหน้าว่าปัญหาประเทศชาติมีขนาดนี้ยังไม่แก้ ไม่หาทางออก กลับปล่อยให้เกิดความแตกแยก พร้อมขอร้องว่าอย่าเห็นแก่บางเรื่อง แต่ควรเห็นแก่ประโยชน์กับประเทศชาติ ดังนั้นต้องส่งรายงาน ทั้งนี้ข้อเสนอแนะนั้นเป็นสิ่งที่ควรทำ ไม่ใช่บังคับให้ทำ

“หากสภาฯ มีท่าทีจะโหวตไม่รับรายงาน พวกผมจะวอร์กเอาท์ และไม่ขอร่วมสังคกรรม ไม่ร่วมโหวตด้วย และจะบอกกับประชาชนคนไทยว่า สภาฯแห่งนี้ ณ วินาทีนี้ควรโดนยุบ ไม่ต้องรอไปถึง 9 เดือน 10 เดือน ยุบทิ้งไปเลย ผมท้าให้ยุบไปเลย ไม่ต้องให้อยู่ อยู่ไปก็เปลืองไม่มีประโยชน์ใดๆ แค่ปัญหาประเทศชาติคุณยังไม่รับ แล้วจะอยู่ไปทำไม ผมมองว่ารายงานนี้ต้องส่งให้รัฐบาลรับทราบว่า สภาฯเป็นห่วง ทั้งนี้ฝ่ายค้านจะยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 17 ส.ค.นี้ เพื่อปลดล็อกปัญหาต่างๆ เพื่อไม่ให้ลูกหลานเกิดความเสียหาย”นพ.ชลน่านกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างที่สภาผู้แทนราษฎร พิจารณารายงาน ดังกล่าวนั้น ซึ่งเป็นช่วงเย็นเป็นการอภิปรายของ นายฐิตินันท์ แสงนาค ส.ส.ขอนแก่น พรรคภูมิใจไทยปรากฎว่าไฟภายในห้องประชุมสภาฯ และพื้นที่โดยรอบดับลง เกือบ 1 นาที สร้างความตื่นตระหนกให้กับส.ส.ในสภาฯ ทำให้นายฐิตินันท์ พูดขึ้นว่า “ตนไม่ใช่ส.ส.ที่น้ำไหลไฟดับนะครับ” ทำให้บรรยากาศผ่อนคลายและไฟฟ้ากลับมาส่องสว่างอีกครั้ง โดยใช้ไฟสำรอง ทำให้การอภิปรายของส.ส. ได้ดำเนินต่อไป ก่อนที่นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาคนที่หนึ่งทำหน้าที่เป็นประธานการประชุมจะแจ้งให้ที่ประชุมทราบว่าขณะนี้ไฟยังดับอยู่และอากาศในห้องประชุมก็ไม่ค่อยมีแล้วจึงขอปิดการประชุมเวลา 17.38 น. แล้วให้มาประชุมต่อในวันพรุ่งนี้(14 ส.ค.)

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าช่วงที่สภาฯ ไฟดับตรงกับช่วงที่มีฝนตกลงมาอย่างหนักทั่วพื้นที่กรุงเทพมหานคร