“สุวัจน์” ไม่ปิดทางร่วมเพื่อไทย ยึดประโยชน์ประเทศ

กรุงเทพฯ 9 ก.พ.- “สุวัจน์” ไม่ปิดทางร่วมเพื่อไทย ชี้การตัดสินใจก็ต้องอยู่ในแนวทางที่จะทำประโยชน์ให้ประเทศ


นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนา และอดีตรองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปีนี้ตนเองอายุ 70 ปี อยู่กับการเมืองมา 38 ปี เห็นว่าวันนี้บ้านเมืองสะอาดขึ้นเยอะ ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ เรื่องภายในภายนอก ตนเองก็อยากใช้ประสบการณ์การเมืองที่มีสามสิบกว่าปีให้เป็นประโยชน์กับเศรษฐกิจ การเมือง อยากเห็นเศรษฐกิจไทยดี

ผู้สื่อข่าวถามว่า อยากได้ตำแหน่งใดเป็นของขวัญหรือไม่ นายสุวัจน์ตอบว่า ตนเป็นมาเยอะแล้ว คิดว่าอยู่ในสถานภาพอะไรก็ได้ ตำแหน่งอะไรก็ได้
อย่างไรก็ดี ฐานะที่ผ่านการเมือง ผ่านเรื่องเศรษฐกิจมาเยอะ ตนยินดีให้คำแนะนำโดยเฉพาะด้านประสบการณ์การทำงาน พร้อมบอกปัจจุบันนักการเมืองรุ่นใหม่เยอะ ถ้ารวมกันได้ก็จะดี


เมื่อถามถึงเรื่องจุดแข็ง-จุดอ่อนของรัฐบาลชุดนี้ นายสุวัจน์ บอกว่า จุดแข็งของรัฐบาลชุดนี้คือเสถียรภาพที่มีถึง 320 เสียง เกินกึ่งหนึ่งของสภา และขอไม่เรียกจุดอ่อนจุด เรียกเป็นจุดที่ยังไม่แข็งที่ต้องร่วมมือแก้ปัญหาคือ เรื่องเศรษฐกิจที่ต้องเร่งเครื่อง ต้องเร่งดำเนินการ เพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจต่างๆของประเทศ นายกฯ ได้กำชับเรื่องมาตรการเศรษฐกิจต่างๆ รวมถึงบทบาทของไทยในต่างประเทศ เป็นเรื่องดีที่เราจะได้ตั้งรับ ส่วนตัวคิดว่านายกฯ ทำงานได้ดี อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นคนรุ่นใหม่ ทันสมัย คิดว่าประสบการณ์ในตำแหน่งนายกฯ จะทำให้สามารถแก้ปัญหาได้ และขอเป็นกำลังใจในฐานะนักการเมืองหลายสมัย หากมีสิ่งใดที่ช่วยสนับสนุนนายกฯได้ ก็ยินดี

ส่วนเรื่องฝ่ายค้านจะยื่นซักฟอก ตนเองยังไม่รู้ว่าฝ่ายค้านจะยื่นเรื่องอะไร และใครบ้าง แต่เชื่อมั่นมั่นว่ารัฐบาลจะสามารถผ่านไปได้ ด้วยเสถียรภาพและความสัมพันธ์ที่ดีจองพรรคร่วม แต่รัฐบาลต้องทำการบ้านต้องชี้แจงให้ ประชาชนเข้าใจ

ส่วนที่ถามว่าพรรคร่วมรัฐบาลมีตบจูบ มีหวานกัน ยอมรับว่ามีบ้าง แต่เป็นเรื่องเล็กน้องที่เคลียร์กันไม่ใช่ปัญหาที่จะมากระทบเสถียรภาพ ผู้สื่อข่าวถามต่อว่ามีโอกาสจะรวมกับเพื่อไทยหรือไม่ นายสุวัจน์ตอบว่า ปีนี้ตนเองก็อายุ 70 แล้วก็เคาท์ดาวน์แล้ว เวลาก็เหลือน้อย ดังนั้นการตัดสินใจต้องยึดประโยชน์สูงสุด ตอนนี้ปัญหาประเทศชาติเยอะมาก ก็ต้องร่วมมือแก้ไขปัญหา และการตัดสินใจก็ต้องอยู่ในแนวทางที่จะทำประโยชน์ให้ประเทศชาติได้ .-517-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชนวัวตัดหน้ารถ

ฝูงวัววิ่งตัดหน้าเก๋ง คนขับเบรกไม่ทัน พุ่งชนตาย 4 ตัว

สาวขับรถจากสุรินทร์มากรุงเทพฯ ระหว่างทางเจอวัวเป็นสิบตัววิ่งข้ามถนน ตัดหน้าระยะกระชั้นชิด เบรกไม่ทัน ชนวัยตายคาที่ 4 ตัว รถพังยับ แต่คนขับและผู้โดยสารปลอดภัย ส่วนเจ้าของวัวยังล่องหน

นายกฯ หย่าศึก! “2 รมต.” โต้เดือดกลาง ครม.ปมส่งออกทุเรียนไปจีน

“พิชัย – นฤมล” โต้เดือดกลาง ครม.ปมส่งออกทุเรียนไปจีน ด้าน “นายกฯ แพทองธาร” รีบหย่าศึกให้ไปตกลงนอกรอบ ก่อนรายงาน ครม.ใหม่

ตำรวจพกโพยเข้าสอบ

ผบ.ตร. สั่งฟัน “พ.ต.อ.” พกโพยเข้าสอบตุลาการศาลปกครองชั้นต้น

ผบ.ตร.สั่งดำเนินการเด็ดขาด รอง ผบก.อก.ภ.8 หลังถูกตรวจพบโพยทุจริตการสอบตุลาการประจำศาลปกครองชั้นต้น ให้ต้นสังกัดตั้งสอบวินัยร้ายแรง ฐานเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง

ข่าวแนะนำ

ทนายมาดามเมนี่

ทนายความ “มาดามเมนี่” พบตำรวจกองปราบ ให้ปากคำเพิ่ม

ทนายความ “มาดามเมนี่” พบตำรวจกองปราบ นำหลักฐานให้ปากคำเพิ่มเติม กรณีนักแสดงสาว “ดิว อริสรา” ยืมทรัพย์สินมูลค่ากว่า 62 ล้านบาท แล้วนำไปจำนำโดยไม่ได้รับอนุญาต

คณะผู้แทนไทยเยี่ยมชาวอุยกูร์ สำรวจความเป็นอยู่หลังส่งกลับจีน

คณะผู้แทนไทย เดินสายเยี่ยมชาวอุยกูร์ สำรวจความเป็นอยู่ หลังส่งกลับจีน “ทวี” มั่นใจเห็นภาษากาย สีหน้า แววตา รัฐบาลนี้ตัดสินใจถูกต้องตามหลักสากล บนพื้นฐาน ถูกกฎหมาย ถูกจริยธรรม ชี้ทำคนตายแล้วเกิดใหม่ ขอเอาความจริงพิสูจน์ หลังประเทศใหญ่กดดันไทย

นักธุรกิจสาวประกาศตามหาทรัพย์สินแบรนด์เนม ดาราสาวยืมไม่คืน

มหากาพย์ดารานางร้ายยืมทรัพย์สินแบรนด์เนมของนักธุรกิจสาว มูลค่ารวม 62 ล้านบาท แล้วไม่คืน นักธุรกิจสาวเผยเป็นบทเรียนราคาแพงจากการไว้ใจคนผิด รู้ซึ้งคำว่าเอ็นดูเขา เอ็นเราขาดกระจุย พร้อมประกาศตามหาทรัพย์สินคืน