“โรม” แนะ “ทักษิณ” ควรปล่อยมือให้ลูกพิสูจน์ฝีมือโชว์วิสัยทัศน์

รัฐสภา 27 พ.ค.-“โรม” สงสัย “อิ๊งค์” เป็นอะไร ทำไมคุยกับพ่อ แต่ไม่บอกประชาชน แนะ “ทักษิณ” ควรปล่อยมือให้ลูกพิสูจน์ฝีมือโชว์วิสัยทัศน์ ออกจากใต้เงาตัวเอง มองทำแบบนี้เพื่อเลี่ยงข้อกฎหมายกรณีครอบงำหรือไม่ ชี้ “อันวาร์” ชมเป็นเรื่องปกติ เหตุคงไม่ด่ากันกลางเวทีระหว่างประเทศ มองรัฐบาลปัญหารุมเร้า แต่ยังดันเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เหตุอยากให้ใครบางคนได้เงินเข้ากระเป๋า

นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ทางการเมืองขณะนี้ ท่ามกลางกระแสข่าวว่านายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะหนีออกนอกประเทศ ก่อนที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนัดไต่สวน คดีชั้น 14 วันที่ 13 มิ.ย.ที่จะถึงนี้ และการที่นายทักษิณ จะมีการขึ้นกล่าวปาฐกถาที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) วันนี้ ว่า เรื่องนี้คงต้องแยกกัน


สำหรับการปาฐกถาของนายทักษิณ ที่ ป.ป.ส.นั้น จริงๆ แล้วบทบาทนี้ ควรจะเป็นของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งเราต้องยอมรับว่า ในวันนี้ปัญหายาเสพติดหนัก เป็นเรื่องที่ไม่มีใครเถียงได้ แต่สิ่งสำคัญคือ เราเองอยากเห็นว่า นโยบายการแก้ปัญหายาเสพติดนี้ นางสาวแพทองธารมีความคิดอย่างไร

ดังนั้น การที่อยู่ๆ นายทักษิณได้รับเชิญ ไม่ว่าจะจากพันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม หรือใคร แต่ทำไมเราถึงไม่ค่อยเห็นนางสาวแพทองธารแสดงความคิดเห็น หรือมีการแสดงออกซึ่งวิสัยทัศน์เช่นนี้เลย เวทีนี้ควรจะให้นางสาวแพทองธารแสดงออกหรือไม่


เนื่องจากการที่จะให้นายทักษิณมาพูดให้ประชาชนฟัง โดยหยิบยกสงครามยาเสพติด ที่เคยทำตอนที่เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น นั่นไม่ใช่โมเดลที่ดี เพราะเราเห็นแล้วว่า เกิดอะไรขึ้นกับอดีตประธานาธิบดีของประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งเคยถูกออกหมายจับ และปัจจุบันถูกคุมขังอยู่ ตนจึงมองว่า การที่นายทักษิณจะมาโชว์วิจัยทัศน์นั้น จึงไม่แน่ใจว่า หากนำเรื่องการฆ่าคนจำนวนมากในยุคสงครามยาเสพติด คงไม่ใช่ตัวอย่างที่ดีแน่ๆ ในวันที่นางสาวแพทองธาร ซึ่งเป็นบุตรสาวของนายทักษิณขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว หากให้โอกาสนี้เป็นนางสาวแพทองธารได้แสดงวิสัยทัศน์ น่าจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งประชาชน และนางสาวแพทองธารที่ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีเอง

เพราะการที่บิดาของตนเองยังคงทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จะเป็นเหมือนที่หลายคนวิพากษ์วิจารณ์ว่า เป็นการด้อยค่านางสาวแพทองธาร ทำให้ นางสาวแพทองธารไม่อยู่ในสภาวะที่ประชาชนคิดว่า นี่คือนายกรัฐมนตรีของเขาหรือไม่ ตนจึงคิดว่านายทักษิณควรหัดปล่อยมือบ้าง หัดปล่อยให้ลูกสาวตัวเองขึ้นมาพิสูจนฝีมือบ้าง ไม่ใช่ทำนู่นทำนี่แทนลูกสาว ราวกับว่าลูกสาวเป็นนอมินีของตนเอง

ส่วนข้ออ้างว่า นายกรัฐมนตรีติดภารกิจ จึงไม่สามารถมาปาฐกถาเรื่องนี้ได้นั้น นายรังสิมันต์ ร้อง โอ๊ย ก่อนกล่าวว่า ก่อนจะจัดงานก็คุยกันได้ว่า วันไหนว่าง เรื่องติดภารกิจไม่ได้เป็นสาระสำคัญ หากนางสาวแพทองธาร ต้องการไปแสดงวิสัยทัศน์ ก็สามารถทำได้อยู่แล้ว เป็นเรื่องที่คุยกันได้ แต่นี่ไม่ใช่แค่เรื่องนี้เรื่องแรก เราอยากรู้ว่า ตกลงแล้วนางสาวแพทองธาร มีความคิด แนวทาง วิสัยทัศน์ในการทำเรื่องต่างๆ อย่างไร เพราะวันนี้เราแทบจะไม่ได้เห็น ไม่ได้ยินเลย เรามารู้จากปากนายทักษิณ ซึ่งก็มักจะเริ่มว่านางสาวแพทองธาร เล่าให้ฟัง หรือมีโอกาสคุยกับนางสาวแพทองธาร แต่เราไม่เคยได้ยินจากปากนายกรัฐมนตรีเลย


นายรังสิมันต์ จึงได้ตั้งข้อสงสัยว่า นายกรัฐมนตรี เป็นอะไร ทำไมเรื่องที่คุยกับพ่อ ไม่มาพูดให้ประชาชนฟังบ้าง ตนมองว่า เป็นเรื่องที่แปลกประหลาด อาจเป็นแค่วิธีการที่นายทักษิณใช้แบบนี้ เพื่อที่หลบเลี่ยงไม่ให้ใครไปดำเนินการตามกฎหมาย ว่านายทักษิณครอบงำนางสาวแพทองธาร แต่ก็เป็นเรื่องที่เรารู้กันดีว่า นางสาวแพทองธาร ไม่ได้มีวิสัยทัศน์เลย ในการบริหารประเทศ และเรื่องยาเสพติด ที่เป็นเรื่องสำคัญเรื่องใหญ่ จึงหวังว่า เราคงไม่ได้ไปใช้แนวทาง ในการฆ่าคนจำนวนมากอย่างที่เคยทำมาในอดีตอีกแล้ว ควรเปิดโอกาสให้รุ่นลูก หรือนางสาวแพทองธารออกจากใต้เงาของบิดาตัวเอง เพื่อแสดงวิสัยทัศน์ให้สังคมได้เห็นดีกว่าหรือไม่

นายรังสิมันต์ อยากจะฝากไปถึงทุกคนว่า ต้นตอของยาเสพติดมาจากกลุ่มว้า ซึ่งไม่ได้มีแค่ปัญหายาเสพติด แต่ยังมีปัญหาเรื่องอื่นๆ อีก รวมถึงกรณีปล่อยให้ทุนจีนเทาเข้าไปทำเหมือง จนส่งผลต่อแม่น้ำกก ตลอดจนเมื่อเกิดภัยพิบัติต่าง ๆ ก็มีสาเหตุมาจากตรงนี้เช่นเดียวกัน เพราะว้าเป็นผู้ผลิตยาเสพติดรายใหญ่ โดยไม่มีใครเข้าไปจับกุม หรือดำเนินการ เรารู้ว่ากลุ่มว้านี้ ไม่ต่างอะไรกับอาชญากรรมข้ามชาติ ไม่ต่างอะไรกับกลุ่มก่อการร้าย

และนี่คือโอกาสที่นางสาวแพทองธารจะได้แสดงภาวะผู้นำในการปราบปราม และจัดการกับกลุ่มนี้ แม้กระทั่งการเดินทางไปประชุมอาเซียน ก็ควรเป็นวาระสำคัญ หารือทวิภาคี เพื่อจัดการ ขอแรงสนับสนุน ในการจัดการกับกลุ่มเหล่านี้ด้วย ยังมีหลายเวทีหลายโอกาสที่นางสาวแพทองธารจะได้แสดงวิสัยทัศน์ ตนจึงไม่อยากให้พันตำรวจเอกทวีไปด้อยค่า หรือไปอ้างเหตุต่างๆ จนสุดท้าย นางสาวแพทองธารไม่เหลือพื้นที่ในการแสดงวิสัยทัศน์ให้ประชาชนเห็นเลย การทำหน้าที่ในฐานะนายกรัฐมนตรีคืออะไร ทำไมถึงมีพื้นที่ให้นายทักษิณ แต่ไม่มีพื้นที่ให้นายกรัฐมนตรี ตนมองว่า มันประหลาด

สำหรับกรณีที่นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีประเทศมาเลเซีย ชมนายทักษิณกลางเวทีอาเซียนนั้น นายรังสิมันต์ มองว่า จะยิ่งตอกย้ำในเรื่องนี้หรือไม่นั้น มองว่า ในเวทีระหว่างประเทศ เขาไม่ด่ากันตรงๆ อยู่แล้ว ก็ต้องชมกันเป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งนายทักษิณก็เป็นที่ปรึกษาของนายอันวาร์ มีการชมกันอยู่ตลอดเวลา ไม่ได้เป็นสารัตถะอะไร ที่เราจะควรนำมาใส่ใจ

เพราะตนมองว่า สิ่งที่รัฐบาลนี้ ต้องการมากที่สุด คือคำชมและความเชื่อมั่นจากประชาชน เพราะวันนี้เราเจอภัยหลายรูปแบบ และประเทศไทยก็เจอความท้าทายในหลากหลายมิติ สิ่งที่เราต้องการเห็นคือ เมื่อไหร่รัฐบาลนี้ จะแก้ไขปัญหาเหล่านั้นได้ คุยกันให้ชัด เอาวันเวลาที่มีความคืบหน้ามาแสดงให้ประชาชนเห็นเลย จะแฟร์มากกว่า

ส่วนกรณีคดีจำนำข้าวของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และผลคำตัดสินคดีชั้น 14 ของนายทักษิณนั้น หากจะให้ตนประเมินถึงแนวโน้ม ก็ต้องยอมรับว่า มีแนวโน้มแย่ ถ้าจะพูดให้ชัดคือ แม้แต่ข้าราชการจำนวนมาก ที่มาเล่าให้ตนฟัง เขาก็รู้สึกว่าไม่ใช่แค่ประชาชนทั่วไปที่ตั้งคำถาม หรือกังวลว่ารัฐบาลนี้ จะมีความไม่แน่นอน หรือขาดเสถียรภาพทางการเมืองเท่านั้น เพราะข้าราชการ หรือคนทำงานเอง ก็รู้สึกแบบเดียวกัน

เนื่องจากสุดท้าย เรื่องเก่าๆ ที่เคยเกิดขึ้นมานานแล้ว วันนี้เริ่มทำให้รัฐบาลนี้ เจอกับแรงกดดันในหลายรูปแบบ และบางเรื่องก็ต้องยอมรับว่า อาจจะเป็นนิติสงคราม ที่เกิดขึ้นโดยหนึ่งในปัจจัยนั้น คือการรัฐประหารปี 57 ขณะที่บางเรื่องก็เป็นเรื่องที่ท่านทำตัวเอง เช่น กรณี ชั้น 14

ดังนั้น ต้องยอมรับว่า ทั้งเรื่องที่ทำตัวเอง และเรื่องที่อาจไม่ได้รับความยุติธรรม มันกำลังประดังเข้ามาในรัฐบาลนี้ ตนคิดว่าดูแล้วก็น่าเป็นห่วงเหมือนกันว่า การเมืองจะเกิดอะไรขึ้น แต่ตนก็มองคล้ายกับหลายคนว่า การเมืองวันนี้ขาดความแน่นอน และการที่จะบรรลุนโยบายต่างๆ เป็นไปได้ยาก

ส่วนเรื่องการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 ในวาระแรก ที่หลายคนมองว่า อาจจะนำไปสู่การยุบสภา มองว่าจะเกิดขึ้นเร็วกว่านั้นหรือไม่ นายรังสิมันต์ ระบุว่า ไม่ได้มองไปถึงว่า รัฐบาลจะยุบสภาโดยใช้เหตุผลเรื่องงบประมาณ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น คือสนิมกินรัฐบาลอย่างหนัก เป็นบทพิสูจน์ว่า รัฐบาลนี้บริหารไม่มีประสิทธิภาพทางนโยบาย และการบริหารงานภายใน ทำให้การที่รัฐบาลจะดำรงชีพต่อไปก็ยากขึ้นทุกที การมีนายทักษิณในประเทศไทยไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น อาจจะแย่ลงด้วยซ้ำ อะไรก็เกิดขึ้นได้ ด้วยเหตุผลอะไร ก็เกิดขึ้นได้หมด

นายรังสิมันต์ ชี้ว่า อีกเรื่องที่ต้องจับตามองของรัฐบาล ที่จะทำให้สถานการณ์บ้านเมืองเกิดปัญหามากยิ่งขึ้น คือเรื่องกาสิโน เนื่องจากในเดือนกรกฎาคมนี้ เมื่อเปิดสมัยประชุมมา จะเช็คบิลเป็นวาระแรก เพราะในช่วงที่มีการปิดสมัยประชุมสภา รัฐบาลไม่ได้ทำความเข้าใจกับประชาชนมากขึ้น ไม่มีการทำให้โปร่งใส หรือการจัดการปัญหาทุนสีเทา

นายรังสิมันต์ ยกตัวอย่าง กรณีออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์สํานักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม จะมีการรับประกันหรือไม่ ว่าจะไม่เกิดกรณีนี้อีก หากฝีไม่แตก ถ้าไม่รู้ว่าเรามีอาการป่วยอะไร ดังนั้น ปัญหาที่รัฐบาลกำลังเจอเยอะมาก โดยที่รัฐบาลไม่สามารถบริหารจัดการได้ หากรัฐบาลต้องผลักดันเรื่องกาสิโน ก็อาจทำให้สถานการณ์ภาพรวมของประเทศ อยู่ในอาการที่เลวร้ายลงไปอีก ทำให้ประชาชนตั้งคำถามว่า ไม่เห็นหรือว่าเรากำลังเจอกับปัญหาเรื่องอื่นๆ แต่ทำไมรัฐบาลต้องการผลักดันกาสิโน อยากให้ประเทศมีเงินเข้ากระเป๋ามากขึ้น หรืออยากให้ใครบางคนในรัฐบาลมีเงินเข้ากระเป๋า เพื่อเตรียมพร้อมสู่การเลือกตั้งในรอบต่อไป

เนื่องจากความเลวร้ายที่หมายถึงนั้น คงไม่อาจคาดคะเนไปถึงจุดของการให้มวลชนออกมา เพราะในสถานการณ์นี้ สิ่งที่ดีที่สุด คือรัฐบาลควรฟังเสียงของสังคมและประชาชน เอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ไม่ใช่เรื่องพรรคเพื่อไทยเท่านั้น แต่พรรคร่วมรัฐบาลทำกันเป็นสัญญาณออกมาเป็นระยะว่า ไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ บางครั้งอย่ามองแค่ว่า การยกมือโหวตในสภาแล้วจบ หากใครที่ไม่มีความชอบธรรมในเชิงเนื้อหาหรือคุณภาพ ก็ทำให้ประชาชนไม่เห็นด้วยในสิ่งที่รัฐบาลทำ หากประชาชนไม่เห็นด้วยมากๆ ก็จะเกิดวิกฤติศรัทธา จะผลักดันอะไรก็ยากขึ้น ทำให้โอกาสที่รัฐบาลสำเร็จ เป็นไปไม่ได้

สำหรับกรณีปรากฏภาพระหว่างนายจตุพร พรหมพันธุ์ คณะหลอมรวมประชาชน และนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กอดกัน จะเกิดเหตุการณ์ทางการเมืองหรือไม่นั้น นายรังสิมันต์ ขอไม่คาดเดา เพราะจะยิ่งทำให้การไปประเมินเลวร้ายลง เราคือฝ่ายค้านไม่ได้เห็นด้วยกับการทำงานของรัฐบาลในหลายเรื่อง แต่เราอยากเห็นการเมืองที่มีเสถียรภาพ และมองว่าการเมืองที่มีเสถียรภาพมันดีกับประชาชน ควรใช้กลไกที่เป็นปกติ อยากเห็นรัฐบาลรับฟังเสียงประชาชน แต่ไม่อยากคาดคะเนว่า อะไรจะเกิดขึ้น.-312.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบแล้ว! โจรบุกเดี่ยวชิงทอง 163 บาท กลางห้างย่านบางบ่อ

สมุทรปราการ 20 ส.ค. – หนีไม่รอด รวบโจรสวมชุดไรเดอร์ บุกเดี่ยวชิงทองกลางห้างดัง จ.สมุทรปราการ กวาดทอง 163 บาท พบของกลางบางส่วนซุกตู้ลำโพงในบ้าน จากกรณีคนร้ายแต่งตัวคล้ายไรเดอร์ สวมหมวกกันน็อกเต็มใบ สะพายกระเป๋าข้าง บุกเข้าไปในร้านทอง พร้อมใช้อาวุธปืนข่มขู่พนักงาน ก่อนกระโดดข้ามตู้หน้าร้าน กวาดสร้อยคอและสร้อยข้อมือทองคำ น้ำหนักรวม 163 บาท เป็นทองคำรูปพรรณประเภทสร้อยข้อมือ หนัก 5 บาท ประมาณ 5 เส้น น้ำหนัก 25 บาท, น้ำหนัก 3 บาท ประมาณ 30 เส้น น้ำหนักรวม 90 บาท, หนัก 2 บาท ประมาณ 24 เส้น น้ำหนักรวม 48 บาท (รวมสร้อยข้อมือ 79 เส้น) ก่อนวิ่งขึ้นรถ จยย.ที่จอดอยู่ด้านหน้า […]

หลักฐานชัด! ทหารกัมพูชาลอบวางทุ่น PMN-2 ภูมะเขือ

19 ส.ค.- กองทัพเรือพบหลักฐานสำคัญ ยืนยันทหารกัมพูชาลักลอบใช้ทุ่นระเบิด PMN-2 บริเวณภูมะเขือ เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2568 ชุดเก็บกู้กวาดล้างที่ 1 หน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมกองทัพเรือ (นปท.ทร.) ซึ่งสนับสนุนการปฏิบัติงานเก็บกู้และกวาดล้างทุ่นระเบิดในพื้นที่ภูมะเขือ จังหวัดศรีสะเกษ ร้อย ร.132 พัน.13 (ฐานเหนือเมฆ) ตรวจพบโทรศัพท์มือถือของทหารกัมพูชาที่ทิ้งไว้ในพื้นที่ดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบภายในเครื่อง พบคลิปวิดีโอและภาพถ่ายที่แสดงให้เห็นชัดเจนว่า ทหารกัมพูชากำลังถือทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 พร้อมทั้งมีการบันทึกเสียงเป็นภาษาเขมร คาดว่าเป็นการสาธิตวิธีการใช้งาน ก่อนนำไปลักลอบฝังในพื้นที่ชายแดนไทย หลักฐานจากโทรศัพท์ยังระบุวันเวลาที่ถ่ายภาพและวิดีโอไว้อย่างชัดเจน จึงนับเป็นพยานหลักฐานสำคัญที่ยืนยันพฤติกรรมการละเมิดข้อตกลง และการใช้ทุ่นระเบิด ซึ่งขัดต่ออนุสัญญาระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ นปท.ทร. ได้แสดงถึงความรอบคอบและไหวพริบในการตรวจสอบหลักฐานทันที ก่อนส่งมอบให้หน่วยกองทัพบกในพื้นที่ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป. – สำนักข่าวไทย

“ทศพล” รุดมอบมาลัย “ภูมิธรรม” หลัง ครม.ชงนั่งผู้ว่าฯ เชียงใหม่

กองบินตำรวจ 20 ส.ค.-“ภูมิธรรม” เตรียมแถลงจับยาเสพติดลอตใหญ่ “ทศพล” รุดมอบมาลัย หลัง ครม.ชงนั่งผู้ว่าฯ เชียงใหม่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเวลา 8.00 น. ที่กองบินตำรวจ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เดินทางมาขึ้นเครื่อง เพื่อไปแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดล็อตใหญ่ ที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พลตํารวจโท ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร อธิบดีกรมการปกครอง นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ เลขานุการ รมว.มหาดไทย ร่วมเดินทางด้วย ทั้งนี้เมื่อนายภูมิธรรมเดินทางมาถึง นายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ตรวจราชการ กระทรวงมหาดไทย ที่ ครม. มีมติเมื่อ 19 ส.ค. แต่งตั้งให้ไปดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้นำพวงมาลัยมามอบให้นายภูมิธรรมและปลัดกระทรวงมหาดไทย และร่วมเดินทางกับคณะด้วย โดยมีสีหน้ายิ้มแย้ม อย่างไรก็ตามก่อนเดินทางเลขาธิการ ป.ป.ส. ได้รายงานสถานการณ์ยาเสพติดให้นายภูมิธรรมรับทราบ.-319.-สำนักข่าวไทย

มท.ชง ครม.แต่งตั้งโยกย้ายบิ๊กลอต 25 ตำแหน่ง

กทม.19ส.ค.-มท.ชง ครม.แต่งตั้งโยกย้ายบิ๊กลอต 25 ตำแหน่ง ผู้ว่าฯ หนองบัวลำพู ผงาดขึ้นอธิบดี พช. โยก “สยาม” นั่งพ่อเมืองปากน้ำ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำแหน่งบริหารระดับสูงให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 25 ตำแหน่ง อาทิ นายสยาม ศิริมงคล อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เป็นผู้ว่าฯ สมุทรปราการ นายจุมพฎ วรรณฉัตรสิริ ผู้ว่าฯ บึงกาฬ เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายชูชีพ พงษ์ไชย ผู้ว่าฯ ตาก เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายสุรศักดิ์ อักษรกุล ผู้ว่าฯ หนองบัวลำภู เป็นอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นายนริศ นิรามัยวงศ์ ผู้ว่าฯ สมุทรสาคร เป็นผู้ว่าฯ ชลบุรี นายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ว่าฯ เชียงใหม่ ว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าฯ […]

ข่าวแนะนำ

EOD เก็บกู้ทำลายระเบิด M33 กลางบ้าน

ตรัง 20 ส.ค.- คนร้ายลอบขว้างระเบิด M33 ใส่บ้านในพื้นที่ ต.โพรงจระเข้ อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง ระเบิดทำงาน 1 ลูก อีก 1 ลูกไม่ทำงาน เจ้าหน้าที่ EOD เข้าเก็บกู้ทำลายเสียงดังสนั่น เร่งสืบสวนหาตัวคนร้าย-สอบปมเหตุ เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด EOD จังหวัดตรัง ได้ทำการเก็บกู้และทำลายระเบิด M33 ที่ยังไม่ทำงาน ระหว่างทำลายเกิดเสียงดังสนั่นสะเทือนไปทั่วบริเวณ ยางรถยนต์ที่ใช้เป็นอุปกรณ์ป้องกันแรงระเบิดปลิวลอยขึ้นฟ้า ควันฟุ้งกระจายไปทั่ว สร้างความแตกตื่นให้กับชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียง  โดยเหตุการณ์นี้ เกิดขึ้นในพื้นที่บ้านยูงงาม ต.โพรงจระเข้ อ.ย่านตาขาว เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งเหตุคนร้ายลอบขว้างระเบิดเข้าใส่บ้านหลังหนึ่ง ต.โพรงจระเข้ อ.ย่านตาขาว จึงนำกำลังเข้าตรวจสอบ เจ้าของบ้านเล่าว่าช่วงเกิดเหตุคนในบ้านกำลังนอนหลับ ได้ยินเสียงดังคล้ายระเบิด 1 ครั้ง แต่ไม่กล้าออกมาดู กระทั่งเช้าพบหลุมระเบิดขนาดกว้างราว 2 ฟุต ลึก 1 ฟุต อยู่ข้างบ้าน จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ จากการตรวจสอบ เจ้าหน้าที่ทราบว่าบ้านหลังนี้เคยถูกลอบยิงมาแล้วหลายครั้ง จนเจ้าของบ้านต้องสร้างกำแพงสูงเพื่อป้องกัน แต่ล่าสุดกลับถูกลอบขว้างระเบิดแบบลูกเกลี้ยง […]

ทำแผนโจรชิงทอง 123 บาท สารภาพเป็นหนี้นอกระบบ

สมุทรปราการ 20 ส.ค.- โจรชิงทองกลางห้างดังสมุทรปราการ 123 บาท ทำแผนรับสารภาพกู้เงินมาลงทุนร้านซ่อมรถ เสียดอกรายวันแต่หมุนเงินไม่ทัน จึงก่อเหตุ  กรณีนายวีรวัฒน์ อายุ 31 ปี บุกเดี่ยวควงปืนก่อเหตุชิงทองรูปพรรณน้ำหนัก 123 บาท มูลค่ากว่า 6 ล้านบาท ที่ร้านทองภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ  ก่อนจะอาศัยความชำนาญในพื้นที่หลบหนีเส้นทางที่ไร้กล้องวงจรปิด โดยเหตุเกิดช่วงเย็นวันที่ 14 ส.ค. ที่ผ่านมา ต่อมา ชุดสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ พบว่าผู้ต้องหานำรถจักรยานยนต์ที่ใช้หลบหนีไปทิ้งบ่อปลาแห่งหนึ่งในซอยวัดคอลาด แล้วหลบหนีต่อไป จึงไล่เรียงเบาะแสจนพบหลบซ่อนตัวอยู่ในบ้านพัก เมื่อวาน (19 ส.ค.) จึงนำหมายค้นบ้านนายวีรวัฒน์ พร้อมแสดงตัวเข้าจับกุม พร้อมกับของกลางทองรูปพรรณซุกซ่อนไว้ในตู้ลำโพงหน้าบ้าน และใส่ในถุงพลาสติกฝังดินใต้ต้นไม้ข้างบ้าน รวมตรวจยึดทองคืนได้ประมาณ 90 บาท ยังเหลือทองคำอีก 33 บาท อยู่ระหว่างสอบขยายผล  ผู้ต้องหาสารภาพว่า ก่อเหตุเพราะเป็นหนี้นอกระบบจากการกู้ยืมมาลงทุนร้านซ่อมรถและต้องเสียดอกเบี้ยเดือนละไม่ต่ำกว่า 50,000 บาท จึงหมุนเงินไม่ทัน จากนั้นคิดวางแผนในการก่อเหตุ ประมาณ 1 […]

บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ ดึงงบฯ 2.6 หมื่นล้าน กลับงบกลางฉุกเฉิน

ทำเนียบฯ 20 ส.ค.-บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ ดึงงบค้างท่อ 2.6 หมื่นล้าน กลับงบกลางฉุกเฉิน เน้นเศรษฐกิจชายแดน รองรับผลกระทบภาษี “ทรัมป์” และเหตุจำเป็น นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ (บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ) หลังจากรัฐบาลจัดสรรงบกระตุ้นเศรษฐกิจรอบแรก 1.15 แสนล้านบาท รอบสอง 1.8 หมื่นล้านบาท เพื่อจัดสรรเงินให้กับกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย 10,000 ล้านบาท และกองทุนเงินให้กู้ยืมเงินเพื่อการศึกษา (กยศ.) 8,488 ล้านบาท นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การจัดสรรให้กับหน่วยงานต่างๆ ในรอบแรกพบว่า มีหน่วยงานจัดซื้อจัดจ้างไม่ทัน จึงดึงงบกระตุ้นเศรษฐกิจที่เหลือค้างท่อ 2.6 หมื่นล้านบาท กลับเข้ามาอยู่ในงบกลางสำรองฉุกเฉิน เพื่อนำมาพิจารณาใช้ในเรื่องจำเป็น เช่น การฟื้นเศรษฐกิจแดนไทย-กัมพูชา การใช้งบรองรับผลกระทบจากภาษีนำเข้าสหรัฐร้อยละ 19 ในบางรายการ หากส่วนราชการใดต้องการใช้งบดังกล่าว ต้องจัดซื้อจัดจ้างให้แล้วเสร็จภายใน 30 ก.ย.นี้ โดยสำนักงบประมาณจะพิจารณาในการจัดสรรงบให้ สำหรับผลกระทบจากภาษีศุลกากรสหรัฐ ยอมรับว่า รายย่อยที่ได้รับผลกระทบ […]