มาเลเซีย 26 พ.ค.- นายกรัฐมนตรี หารือทวิภาคี ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ กระชับความร่วมมือ การค้า-การลงทุน-ความมั่นคงทางอาหาร-พลังงาน-ท่องเที่ยว-การปราบอาชญากรรมข้ามชาติ ขณะที่ไทย พร้อมสนับสนุนบทบาทประธานอาเซียนของฟิลิปปินส์ ในปี 69
วันนี้ (26 พ.ค. 2568) เวลา 14.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ตรงกับเวลา 13.30 น. ในประเทศไทย ณ ห้อง 406 ชั้น 4 ศูนย์ประชุม Kuala Lumpur Convention Center (KLCC) ประเทศมาเลเซีย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หารือทวิภาคีกับนายแฟร์ดีนันด์ โรมูอัลเดซ มาร์โคส จูเนียร์ (H.E. Mr. Ferdinand Romualdez Marcos Jr.) ประธานาธิบดีสาธารณรัฐฟิลิปปินส์
โดยนายกรัฐมนตรี ยินดีที่ได้พบประธานาธิบดีฟิลิปปินส์อีกครั้ง ในฐานะพันธมิตรที่ใกล้ชิด ซึ่งไทยพร้อมสนับสนุนการทำหน้าที่ประธานอาเซียนของฟิลิปปินส์ในปีหน้า ซึ่งประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ กล่าวย้ำคำเชิญนายกรัฐมนตรีเยือนฟิลิปปินส์อย่างเป็นทางการอีกครั้ง
โอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือในประเด็นความร่วมมือทวิภาคีระหว่างกันด้านการค้าและการลงทุน ไทย-ฟิลิปปินส์ ต้องการเพิ่มปริมาณการค้าให้มีมูลค่าสูงขึ้น โดยในปี 2567 ฟิลิปปินส์เป็นคู่ค้ารายใหญ่อันดับ 5 ของไทยในอาเซียน ด้วยมูลค่ากว่า 1.1หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยนายกรัฐมนตรี ยินดีที่ได้ทราบว่า มีภาคเอกชนไทยหลายรายได้ให้ความสนใจเข้าไปลงทุนในฟิลิปปินส์ อาทิ บริษัท Shera ผู้ผลิตวัสดุก่อสร้างไฟเบอร์ซีเมนต์ของไทย ได้ตั้งโรงงานในฟิลิปปินส์และจะเริ่มการผลิตในช่วงปลายปีนี้
ขณะที่ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ กล่าวชื่นชมความร่วมมือไทย-ฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นประโยชน์ทั้งการส่งเสริมความแข็งแกร่งของอาเซียน และความสัมพันธ์ทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะภาคเอกชนยังมีบทบาทผลักดันการค้าระหว่างสองประเทศ ฟิลิปปินส์พร้อมต้อนรับการลงทุนของภาคเอกชนไทยในฟิลิปปินส์
ความมั่นคงทางอาหาร ไทยมีความสามารถด้านการเกษตรและประสงค์ส่งออกผลผลิตทางการเกษตรของไทยไปยังฟิลิปปินส์มากขึ้น โดยเสนอให้รัฐมนตรีพาณิชย์ของทั้งสองประเทศศึกษาความเป็นไปได้ในการค้าข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (G to G) พร้อมผลักดันให้สองประเทศเริ่มดำเนินการตามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ความร่วมมือด้านการขยายตลาดส่งออกสินค้าเกษตรและสินค้าอุปโภคบริโภค ระหว่างองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ Food Terminal Incorporated (FTI) สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ที่ได้ลงนามกันไปแล้ว
ความมั่นคงทางพลังงาน ไทยสนใจที่จะเพิ่มการทำงานร่วมกับฟิลิปปินส์ด้านพลังงานสะอาดและพลังงานหมุนเวียน ซึ่งภาคเอกชนไทยเข้าไปลงทุนในโครงการพลังงานหมุนเวียนในฟิลิปปินส์ รวมทั้งความร่วมมือด้านเทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น AI รวมทั้งความร่วมมือด้านการศึกษา ซึ่งฟิลิปปินส์เองมีความเข้มแข็งในอุตสาหกรรมการศึกษาและพร้อมที่จะให้ความสนับสนุนไทยในการส่งเสริมการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ
ขณะที่การท่องเที่ยว ไทย-ฟิลิปปินส์ ร่วมมือด้านการท่องเที่ยวที่มีศักยภาพร่วมกัน อาทิ การทำการตลาดร่วมกัน รวมไปถึงฟิลิปปินส์ต้องการเรียนรู้ประสบการณ์และทักษะด้านการท่องเที่ยวจากไทยด้วย
ส่วนความร่วมมือด้านการปราบปรามขบวนการหลอกลวงออนไลน์ พบว่ามีทั้งคนไทยและฟิลิปปินส์เข้าไปเกี่ยวข้องกับขบวนการหลอกลวงออนไลน์ในประเทศเพื่อนบ้าน โอกาสนี้ ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ขอบคุณที่ไทยช่วยอำนวยความสะดวกชาวฟิลิปปินส์ในเมียวดี กลับประเทศผ่านทางไทยด้วย
ช่วงท้าย นายกรัฐมนตรีและประธานาธิบดีสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ยังได้หารือถึงสถานการณ์การค้าโลกที่มีความท้าทายและไม่แน่นอนจากการขึ้นภาษีนำเข้าฝ่ายเดียวของสหรัฐ นระดับสูง ทำให้ยิ่งเห็นถึงความจำเป็นและเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม ที่จะต้องเร่งกระชับความร่วมมือภายในอาเซียนในเข้มแข็งขึ้น .-316 -สำนักข่าวไทย