วุฒิสภารับหลักการร่าง พ.ร.บ.เครื่องดื่มแอลกอฮอล์

รัฐสภา 31มี.ค.- “วุฒิสภา” รับหลักการร่าง พ.ร.บ.เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เห็นด้วยปลดล็อกโฆษณา “เทวฤทธิ์” ชี้ต้องทำให้รายย่อยมีโอกาสแข่งกับรายใหญ่ ขณะที่ “สว.พรชัย” ให้ยกเลิก ม.32 ส่งเสริมสุราชุมชนให้เป็นที่รู้จัก สามารถประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ให้เป็นที่รู้จัก กลายเป็นซอฟต์พาวเวอร์ ด้าน “นันทนา” เแนะนำ “ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้” ทำสาเกแข่งญี่ปุ่น ทำแชมเปญแข่งฝรั่งเศส


ในการประชุมวุฒิสภา ที่มีพล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ฉบับที่.. พ.ศ….ที่ผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ไปแล้วเมื่อวันที่ 19 มี.ค.2568 ที่สามารถโฆษกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เหล้า-เบียร์ได้ โดยคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา(วิปวุฒิสภา) ได้มอบหมายให้คณะกรรมาธิการ(กมธ.)จำนวน 3 คณะเป็นผู้พิจารณาศึกษาร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาของสมาชิก คือ1. กมธ.การท่องเที่ยวและการกีฬา 2. กมธ.การพัฒนาสังคมและกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการและผู้ด้อยโอกาส และความหลากหลาย ทางสังคม และ 3.กมธ.การสาธารณสุข

โดยเทวฤทธิ์ มณีฉาย สว.อภิปรายว่า ในส่วนของการโฆษณา บางเรื่องเราอาจจะเห็นว่าการโฆษณาแนบเนียน ซึ่งคนที่สามารถทำได้ก็คือผู้ค้ารายใหญ่ไม่ว่าจะเป็นโฆษณาแฝง หรือเอาสินค้าที่มีลักษณะใกล้เคียงกันมาแต่รายย่อยทำไม่ได้ ดังนั้นการจำกัดกำแพงที่สูงขึ้นสิ่งหนึ่งที่ต้องคำนึงถึงคือขาที่จะก้าวข้ามกำแพงไปสู่ผู้บริโภคไม่เท่ากันแน่นอน และต้องเท่าทันสื่อซึ่งทำได้โดยไม่อาจเซ็นเซอร์หรือปิดหูปิดตาด้วยการควบคุมกำกับแต่การให้ข้อมูลอย่างตรงไปตรงมาเปิดเผยโปร่งใสจะสร้างความตระหนักรู้ให้เท่าทันโฆษณาหรือการรณรงค์ต่างๆ การปล่อยให้เสรีและเป็นธรรมจะทำให้ประชาชนตระหนักรู้ การที่ตั้งกำแพงสูงเกินไปนอกจากจะทำให้ประชาชนไม่รู้ข้อมูลแล้ว อาจจะเป็นการทำลายเป้าหมายของตัวเองด้วยการเซ็นเซอร์ ดังนั้นต้องทำอย่างเสมอภาคทั้งฝ่ายทุนใหญ่และทุนเล็ก ไม่ใช่ปล่อยให้ทุนใหญ่สามารถทุ่มการรณรงค์โฆษณาได้อย่างเต็มที่ โดยที่ฝ่ายทุนเล็กไม่สามารถแข่งได้


ด้านนายพรชัย วิทยเลิศพันธุ์ สว.อภิปรายว่า ตนยังไม่เห็นภาพการบังคับใช้กฎหมายจะมีกลไกการตรวจสอบอย่างไร จะให้ตำรวจสุ่มตรวจผู้ที่ห้ามดื่มแอลกอฮอล์ หรือจะให้เกิดเหตุก่อน เช่นเมาแล้วขับ เมาแล้วอาวะวาดก่อน หรือเจอผู้เยาเมาก่อน ถึงจะไปเอาผิดกับผู้จำหน่ายหรือ นั้นจำเป็นจะต้องกำหนดกลไกการบังคับใช้กฎหมายก่อนหรือไม่ ทุกที่ที่จำหน่ายเหล้าควรมีการติดตั้งวงจรปิดไว้หรือไม่เพราะถ้าไม่ชัดเจนอาจมีเอื้อให้เกิดการเรียกสินบนจากร้านค้า ร้านอาหาร ผับ บาร์ ต่างๆ โดยผู้บังคับใช้กฎหมายมากขึ้นหรือไม่ เรารู้กันอยู่แล้วว่าธุรกิจกลางคืนการส่งสวยให้ตำรวจเป็นเรื่องธรรมดาอยู่คู่กับสังคมไทยมาช้านานจึงกลัวว่าร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้จะทำให้เกิดปัญหาส่วยตำรวจนี้รุนแรงยิ่งขึ้น

นายพรชัย กล่าวต่อว่า ส่วนข้อกำหนดการโฆษณาใหม่จะยุติธรรมสำหรับกลุ่มสุราชุมชนหรือไม่ เพราะไม่มีมาตรการใดที่จะช่วยสนับสนุนให้สุราชุมชนสามารถโฆษณาผลิตภัณฑ์ของตนเองให้เป็นที่รู้จักของประชาชนและลืมตาอ้าปากได้เลยจึงอยากถามว่าแล้วผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ไม่เป็นที่รู้จักมาก่อนจะประชาสัมพันธ์ตนเองจนเป็นที่รู้จักได้อย่างไร ดังนั้นตนขอเสนอว่า ให้ยกเลิกมาตรา 32 ที่ห้ามมิให้ผู้ใดโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือแสดงชื่อหรือเครื่องหมายของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นการอวดอ้างสรรพคุณหรือชักจูงใจให้ผู้อื่นดื่มโดยตรงหรือโดยอ้อมเฉพาะสำหรับสุราชุมชน เพื่อเป็นการปลดล็อคและสามารถประชาสัมพันธ์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ ให้ผู้ผลิตสุราชุมชนสามารถประชาสัมพันธ์สินค้าและพูดถึงผลิตภัณฑ์ของตัวเอง สัญลักษณ์ ส่วนประกอบวิธีการจัดการการผลิต แหล่งที่มาหรือลักษณะของผลิตภัณฑ์ได้ ซึ่งจะเป็นการช่วยส่งเสริมสุราชุมชนของไทยให้เป็นที่รู้จักกว้างขวาง และส่งเสริมซอฟพาวเวอร์ของประเทศไทยได้ด้วย

ขณะที่น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว.อภิปรายว่า คิดว่ากฎหมายฉบับนี้เปลี่ยนแปลงอะไรหลายอย่างในประเทศไทย โดยเฉพาะวิธีคิดของคนไทยเกี่ยวกับความสมดุลทางสังคม ผ่านมาอุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของไทยแทบจะเป็นการผูกขาดของผู้ผลิตรายใหญ่ไม่กี่ราย เปิดโอกาสให้ผู้ผลิตรายใหม่ยากมากด้วยการห้ามโฆษณาอย่างเข้มงวด แบรนด์ที่คนรู้จักอยู่แล้วหากินได้สบาย ตลาดขยายตัว แต่รายใหม่แจ้งเกิดไม่ได้ ถึงจะคุณภาพดีอย่างไรแต่โฆษณาไม่ได้ก็ไม่ได้เกิด รวมทั้งข้อกำหนดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในประเทศไทยอยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศซาอุดิอาระเบีย ระบบภาษีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในประเทศไทยทำให้ชาวตะวันตกตกใจกันมากไม่ว่าจะเป็นไวน์ วิสกี้ หรือเบียร์ยี่ห้อที่ขายอยู่ในประเทศไทยราคาสูงกว่าที่ขายอยู่ในยุโรป 2-3 เท่า ทั้งหมดนี้อาจจะส่งผลดีในแง่ดีสาธารณสุขหรือปัญหาความปลอดภัยบนท้องถนน แต่มีผลลบทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างมาก


“อุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีมูลค่ารวม 3 แสนล้านบาท ประมาณ 1.6% ของจีดีพีในประเทศไทย แล้ววันนี้ประเทศไทยมีผู้ผลิตกี่ราย ถ้าที่ร้อยเอ็ด ภูเก็ต เชียงราย มีคนอยากจะทำบ้างจะเกิดขึ้นได้หรือไม่ เราเป็นประเทศที่เคร่งศีลธรรมกัน แต่ของแบรนด์รวยกันสุดๆ อย่างนี้เรากำลังปกป้องผลประโยชน์ใครอยู่ คงไม่ต้องพูดถึงโอกาสการส่งออกของประเทศแต่โอกาสที่ประเทศไทยจะใช้ภูมิปัญญาหรือนวัตกรรมไปหารายได้จากต่างประเทศ โอกาสที่จะเอาวัตถุดิบทางการเกษตรเข้ามาสร้างอุตสาหกรรมแล้วนำรายได้เข้าประเทศ ลองคิดดูเราเป็นประเทศที่มีผลผลิตข้าวมากมายล้นตลาด จนกระทรวงพาณิชย์ปวดหัวอย่างมากในการหาตลาดระบายข้าว ทำไมเราไม่เอาข้าวหอมมะลิจากทุ่งกุลาร้องไห้มาทำเอาสาเกแข่งกับญี่ปุ่นดูบ้าง ดังนั้นการที่ประเทศไทยจะผ่อนปรนเรื่องเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีความหมายเป็นอย่างมาก น่าจะเป็นตัวกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีประสิทธิภาพมากในเวลาที่สถานการณ์เศรษฐกิจกำลังวิกฤตอยู่ในขณะนี้ ถ้าสาเกหรือสาโทของไทยโด่งดังไประดับโลกแบบญี่ปุ่น หรือแชมเปญของฝรั่งเศส ชื่อเสียงเศรษฐกิจของประเทศไทยจะรุ่งโรจน์โชติช่วงชัชวาลขนาดไหน จึงเป็นโอกาสสำคัญที่จะให้คนไทยใช้ภูมิปัญญาชาวบ้านผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะเข้าไปเปิดตลาดกับชาวโลกบ้าง”น.ส.นันทนา กล่าว

น.ส.นันทนา กล่าวต่อว่า ตนมีข้อสังเกตต่อร่างกฏหมายฉบับนี้ 3 ประการคือ 1. ให้น้ำหนักมิติด้านสาธารณสุขมากเกินไปหรือไม่ มาตรา 10 คณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระดับชาติก็ให้รมว.สาธารณสุข เป็นประธาน รองประธานก็เป็นปลัดกระทรวงสาธารณสุข ที่เรื่องนี้มีมิติที่หลากหลายทั้งเศรษฐกิจและสังค การหารายได้เข้าประเทศ หรือแม้แต่ที่รัฐบาลเรียกว่าซอฟพาวเวอร์ 2.บทลงโทษ สำหรับความผิดภายใต้กฎหมายฉบับนี้มาตรา 37 ที่มีการปรับหลักแสนบาทและอาจสูงถึง 5 แสนบาท รวมทั้งมีโทษจำคุก ถือว่าหนักมากทำอย่างกับว่าแอลกอฮอล์เป็นเครื่องดื่มร้ายแรงเหมือน ฝิ่น เฮโรอีน ยาบ้า ซึ่งเทียบกันไม่ได้ และ 3. มาตรา 31 มีอำนาจหน้าที่กับเจ้าหน้าที่กว้างขวางมาก สามารถเข้าไปในพื้นที่ในเวลาใดก็ได้ เรียกขอดูเอกสาร ตรวจสอบพยานหลักฐานที่จะใช้ในการดำเนินคดี ยึดอายัดเครื่องดื่มใดๆ แม้กระทั่งปิดร้านได้เลย เขียนแบบนี้ทำราวกับว่าไวน์ เบียร์ รุนแรงเท่ากับยาเสพติด ที่สำคัญกำลังตีเช็คเปล่าให้กับเจ้าหน้าที่ ในที่สุดก็จะกลายเป็นแหล่งทำมาหากินของคนมีสี หากมีความไม่ถูกต้องก็ควรดำเนินการตามกฎหมายปกติ ประเด็นเหล่านี้ตนไม่เห็นด้วยจึงขอไปแปรญัตติในชั้นคณะกรรมาธิการต่อไป

หลังสมาชิกอภิปรายเสร็จสิ้นที่ประชุมทลงมติรับหลัการวาระที่ 1 เห็นด้วย 139 เสียง ไม่เห็นด้วย 1 เสียง งดออกเสียง 2 เสียง ถือว่าที่ประชุมเห็นชอบรับร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ไว้พิจารณา และตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ จำนวน 27 คน แปรญัตติภายใน 7 วัน .312.- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ออกหมายจับ 5 คนแก๊ง “เสือปุ่น” ปล้นเงินสด 3.4 ล้าน

กทม. 1 ก.ค.-ออกหมายจับ 5 คนแก๊ง “เสือปุ่น” ปล้นเงินสด 3.4 ล้านตุ๋นแลกคริปโตฯ ชุดสืบปูพรมล่า จากกรณีกลุ่มคนร้าย 7 คน ก่อเหตุปล้นทรัพย์ เงินสด 3.4 ล้านบาท โดยใช้อาวุธมีดจี้ ข่มขู่ผู้เสียหาย 3 คน ที่มาซื้อเงินคริปโตเคอร์เรนซี่ สกุลเวิน USDT จำนวน 100,000 ดอลล่า ภายในลานจอดรถศูนย์การค้าชื่อดังย่านลาดพร้าว แขวงและเขตจตุจักร กทม. เมื่อช่วงเวลา 19.30 น. ของวานนี้ (30 มิ.ย.) ภายหลัง พล.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. และ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. นำชุดสืบสวนเร่งรัดติดตามตัว จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 ราย คือ นายเฌอพัชญ์ หรือหนาว อายุ 25 ปี […]

“ทักษิณ” พร้อมลูกสาว เดินทางออกจากศาลอาญา หลังสืบพยานนัดแรก

1 ก.ค. – บรรยากาศที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ภายหลังนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าสืบพยานโจทก์นัดแรกในคดีหมายเลขดำ อ.1860/2567 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายทักษิณ เป็นจำเลยในความผิด ฐานดูหมิ่นสถาบันฯ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ม.112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ เมื่อเวลา 12.10 น. นายทักษิณ พร้อมด้วย น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ หรือเอม ได้เดินทางกลับโดยใช้ประตูด้านข้างของศาลอาญา ก่อนขึ้นรถออกไป โดยเลี้ยวออกไปทางประตูของศาลแพ่ง และเลี้ยวออกถนนพหลโยธินโดยทันที โดยมีกลุ่มมวลชนสวมเสื้อสีแดงยืนคอยให้กำลังใจอยู่บริเวณริมฟุตบาธบริเวณประตูทางออกอยู่จำนวนหนึ่ง ทั้งนี้มีนางเพญ พินิจอักษร ชาวจังหวัดศรีสะเกษ ถือรูปนายทักษิณ โดยมีการเขียนข้อความในภาพว่าขอส่งกำลังใจให้นายกฯในดวงใจ พร้อมถือพวงมาลัยดอกมะลิพวงใหญ่ และมีกลุ่มมวลชนสวมเสื้อสีแดงกลุ่ม 50 เขตแดน กทม. มาให้กำลังใจด้วยเช่นเดียวกัน จากนั้น นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัว นายทักษิณ ได้เดินมาทำความเข้าใจกับสื่อมวลชนหลังจากที่ศาลอาญาได้มีการพักการสืบพยาน ว่า ขอให้สื่อมวลชนใช้วิจารณญาณว่าจะอยู่หรือไม่อยู่ เพราะศาลใช้การพิจารณาลับ ทั้งนี้ไม่สามารถพูดอะไรในกระบวนการได้ จะพูดได้แค่มีพยานกี่ปาก […]

ธปท.เผย “คุณสู้ เราช่วย” เฟส 2 มีลูกหนี้เข้าเกณฑ์ 1.8 ล้านราย

กรุงเทพฯ 1 ก.ค. – ธปท.เผย “คุณสู้ เราช่วย” เฟส 2 เพิ่ม “จ่าย ตัด ต้น” พร้อมขยายขอบเขต 2 มาตรการเดิม “จ่ายตรง คงทรัพย์” และ “จ่าย ปิด จบ” มีลูกหนี้เข้าเกณฑ์ 1.8 ล้านราย ยอดนี้ประมาณ 3.1 แสนล้านบาท นางสาวสุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผย ว่า ภายใต้เศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอนสูง ยังมีลูกหนี้กลุ่มเปราะบางจำนวนมากที่มีปัญหาในการชำระหนี้ และพบว่าลูกหนี้ยังให้ความสนใจเข้าร่วมโครงการอย่างต่อเนื่อง แต่บางส่วนไม่สามารถเข้าร่วมได้เนื่องจากคุณสมบัติไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนด กระทรวงการคลัง สศช. ธปท. ธนาคารพาณิชย์ สถาบันการเงินเฉพาะกิจ รวมถึงผู้ประกอบธุรกิจ non-bank ที่เป็นบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของธนาคารพาณิชย์ เห็นควรขยายระยะเวลาลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการคุณสู้เราช่วยเฟส 1 (เดิมสิ้นสุด 30 มิ.ย.68) และให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติม ภายใต้โครงการ […]

“บิ๊กเต่า” เร่งสอบบัญชีวัดดัง พบเส้นเงินไหลเข้าสีกาคนสนิทหลายครั้ง

กรุงเทพฯ 1 ก.ค. – “บิ๊กเต่า” เร่งสอบ 5 บัญชี เงินวัดตรีฯ-ทิดอาชว์ พบมีเส้นเงินไหลเข้าสีกาคนสนิทหลักหมื่นถึงหลักแสนบาทหลายครั้ง ส่วนคลิปลับแชทหลุดเป็นหน้าที่สำนักพุทธฯ ตรวจสอบ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เรียกประชุมตำรวจ บก.ปปป. และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. เพื่อติดตามความคืบหน้าการตรวจสอบบัญชีรายรับรายจ่ายของวัดตรีทศเทพวรวิหาร หลังพบพิรุธพระเทพวชิรปาโมกข์ (อาชว์ อาชฺชวปเสฏฺโฐ) หรือ “เจ้าคุณอาชว์” ได้ลาสิกขาหรือสึก ที่ จ.หนองคาย อย่างกะทันหัน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า จากการเข้าตรวจสอบบัญชีรายรับรายจ่ายที่วัดตรีทศเทพเมื่อวานนี้ ยังไม่เป็นที่น่าพอใจ ทางวัดให้เอกสารทางบัญชีมาบางส่วน พระหลายรูปกังวลหวาดกลัวจึงไม่ค่อยให้ความร่วมมือเท่าที่ควร แต่ตำรวจได้ประสานรักษาการเจ้าอาวาสวัด เพื่อให้แต่งตั้งไวยาวัจกรใหม่ ซึ่งเชื่อว่าหลังจากนี้จะได้รับความร่วมมือมากขึ้น โดยตำรวจได้ประสานขอรายการเดินบัญชีธนาคารของวัด 5 บัญชี เป็นบัญชีที่เกี่ยวกับเงินกฐิน ค่าเช่าที่จอดรถ ฌาปนกิจศพ ค่าน้ำค่าไฟ และภาพวาดโบราณ และบัญชีที่ต้องสงสัยอีกจำนวนหนึ่ง มาตรวจสอบทั้งหมด รวมถึงบัญชีส่วนตัวของทิดอาชว์ เบื้องต้นตำรวจมีข้อมูลน่าเชื่อได้ว่า ตำแหน่งเจ้าอาวาสไม่ได้มีเงินเยอะ แต่ตำรวจเห็นหลักฐานการโอนเงินบางส่วนไปยังสีกาหญิงหลายรายการ ยอดเงินตั้งแต่หลักหมื่นถึงหลักแสนบาท ซึ่งอาจเป็นเงินของวัด หรืออาจใช้ให้คนอื่นไปโอน […]

ข่าวแนะนำ

กู้ร่างครบแล้ว เหตุไฟไหม้โรงงานทิชชู เสียชีวิต 10 ราย

สระบุรี 2 ก.ค. – เหตุไฟไหม้โรงงานกระดาษทิชชู ในนิคมเหมราช จ.สระบุรี ล่าสุดพบร่างที่ 10 ซึ่งเป็นร่างสุดท้าย ถือว่าภารกิจการค้นหาสิ้นสุดแล้ว ปฏิบัติการค้นหาร่างผู้สูญหายกว่า 50 ชั่วโมง ยุติลงแล้ว หลังเกิดเพลิงไหม้อาคารบริษัทผลิตกระดาษทิชชู ตั้งอยู่ในเขตนิคมอุตสาหกรรม ดับบลิว เอช เอ ซอย 8 อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี ช่วงเที่ยงวันจันทร์ที่ 30 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา ทีมกู้ชีพ กู้ภัยร่วมกตัญญู กู้ภัยสว่างรัตนตรัย และกู้ภัยป่อเต็กตึ๊ง ร่วมกับฝ่ายปกครอง และชุดค้นหาเร่งระดมสรรพกำลัง ปูพรมค้นหาร่างผู้สูญหาย 10 คน นำโดยนายสันทัศน์ รันดาเว นายอำเภอหนองแค ลงพื้นที่เกาะติดการค้นหาผู้สูญหาย ช่วง 10.30 น. มีรายงานจากทีมค้นหามูลนิธิร่วมกตัญญู แจ้งว่า ที่ชั้นบนของอาคารเกิดเหตุ พบร่างผู้สูญหายอีก 1 ร่าง อยู่ในสภาพเหลือแต่กระดูกบริเวณชั้นที่ 2 ฝั่งตะวันตกของโรงงาน ถือเป็นผู้เสียชีวิตจากเหตุเพลิงไหม้รายที่ […]

เร่งคลี่คลายคดีโจรฉกเงิน-ทองคำ วัดม่วง

กทม. 2 ก.ค. – ตำรวจเร่งคลี่คลายคดีโจรวัดม่วง ลักเงินเจ้าอาวาส 10 ล้าน ทองคำ 250 บาท หายล่องหน ขณะที่อดีตพระคนสนิท เผยประตูกุฏิล็อกถึง 5 ชั้น เชื่อฝีมือคนใน พร้อมเรียกร้องตรวจสอบเงินบริจาควัด ความคืบหน้า เหตุคนร้ายย่องลักทรัพย์ เงิน 10 ล้าน-ทองคำหนัก 250 บาท ภายในกุฏิเจ้าอาวาส วัดม่วง ซอยเพชรเกษม 63 ถนนเพชรเกษม แขวงหลักสอง เขตบางแค วันนี้ชุดสืบสวนของ บก.ปปป. ร่วมกับชุดคลี่คลายคดีของ สน.เพชรเกษม เดินทางไปที่วัดม่วงเพื่อตรวจหาหลักฐานเพิ่มเติม แต่เมื่อเดินทางไปที่กุฎิเจ้าอาวาส ปรากฏว่า กุฏิปิดเงียบล็อกกุญแจจากด้านหน้า ไร้เงาเจ้าอาวาส เจ้าหน้าที่ ปปป. จึงพยายามโทรไปหาเจ้าอาวาสแต่ไม่สามารถติดต่อได้ ขณะที่อดีตพระคนสนิทเจ้าอาวาสวัดม่วง เปิดเผยว่า หลังปรากฏข่าว เจ้าอาวาสได้ส่งตัวแทนเข้าแจ้งความว่าเงินและทองคำภายในกุฏิหาย ส่วนตัวตั้งข้อสังเกตว่ากุฏิดังกล่าวไม่มีรอยงัดแงะ และการจะเข้าไปภายในต้องผ่านประตูซึ่งล็อกถึง 5 ชั้น แทบไม่มีความเป็นไปได้ที่บุคคลอื่นจะเข้าไปได้ มองว่าตู้เซฟที่เก็บทรัพย์สินไว้นั้นมีขนาดใหญ่ การจะนำทรัพย์สินภายในออกไปน่าจะทำได้ยาก […]

ออกหมายจับ “บังเอ็น” มือยิงพ่อ-ลูก 1 ขวบดับ เมียเจ็บ

กระบี่ 2 ก.ค. – ออกหมายจับ “บังเอ็น” ยิงถล่มยกครัวเพื่อนบ้านดับพร้อมลูกวัยแค่ 1 ขวบเศษ ส่วนภรรยาบาดเจ็บ คาดปมเหตุนกขุนทองหลุดกรง จากเหตุสะเทือนขวัญในพื้นที่ ต.เกาะลันตาน้อย อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ นายวิวัฒน์ หรือ “บังเอ็น” อายุ 41 ปี ใช้ปืนยิงถล่ม บ้านนายอภิวัฒน์ อายุ 37 ปี ทำให้นายอภิวัฒน์ และลูกสาววัยเพียง 1 ขวบ เสียชีวิต ส่วน น.ส.สุดารัตน์ ภรรยาของนายอภิวัฒน์ บาดเจ็บที่แขนขวา ล่าสุด ตำรวจเชิญตัว น.ส.หย้า อายุ 70 ปี แม่ของนายวิวัฒน์ ผู้ก่อเหตุ เข้าสอบปากคำที่ สภ.เกาะลันตา ให้ข้อมูลว่า มูลเหตุของเรื่องมาจากนกขุนทอง 2 ตัว ที่ลูกชายซื้อมาในราคา 8,000 บาท ซึ่งตนเป็นคนเลี้ยงและให้อาหารมาประมาณ 2 เดือน […]

“หัวหน้าอิ๊งค์” เก็บตัวเงียบ ไม่เข้าประชุม สส.เพื่อไทย

พรรคเพื่อไทย 2 ก.ค.-“หัวหน้าอิ๊งค์” เก็บตัวเงียบ ไม่เข้าประชุม สส.เพื่อไทย ขณะที่ “ภูมิธรรม” เผยนายกฯ เข้มแข็ง เชื่อที่ผ่านมาทำดีสุดแล้ว พร้อมสู้ต่อ ฝากบอก สส. สู้ไปด้วยกัน ขอทุกคนจับมือฝ่าวิกฤติ ลั่นไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น ด้าน “วิสุทธิ์” ย้ำ สส. ห้ามขาด ห้ามตาย ป่วยก็ให้อดทนกินยา ป้องกันองค์ประชุมล่ม การประชุม สส.พรรคเพื่อไทยวันนี้ (2 ก.ค.) มีนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธาน สส.พรรคเพื่อไทยทำหน้าที่ประธานการประชุม และมีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รักษาราชการนายกรัฐมนตรี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมนั่งหัวโต๊ะด้วย ขณะที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค เดิมทีแจ้งว่าจะเข้าร่วมประชุมด้วย แต่หลังจากศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ก็ได้ยกเลิกภารกิจทั้งหมด รวมถึงยกเลิกการเข้าร่วมประชุม สส. พรรคเพื่อไทยด้วย ด้านนายภูมิธรรม กล่าวในที่ประชุมว่า […]