จ่อเอาผิดลอบนำเข้าหมูเถื่อนเพิ่ม 9 บริษัท

รัฐสภา 25 มี.ค.-รมว.เกษตรฯ นำทีมหน่วยเฉพาะกิจพญานาคราช แถลงคืบหน้าเอาผิดแก๊งนำเข้าหมูเถื่อน จ่อเอาผิดอีก9 บ.ใหญ่ ลั่นจะกำจัดวงจรอุบาทว์นี้ให้ได้


ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นำหน่วยเฉพาะกิจพญานาคราชซึ่งมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกอบด้วย พล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รองเลขาธิการ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) พ.อ.รวิรักษ์ สัตตบุศย์ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจพญานาคราช พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผู้บังคับการกองบังคับการ ปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง และนายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคานนนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ ร่วมแถลงข่าวเกี่ยวกับการดำเนินคดีปลอมแปลงเอกสารนำเข้าหมูเถื่อน

ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า นโยบายประกาศทำสงครามกับสินค้าทางการเกษตรที่ผิดกฎหมาย ที่กระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ คือการปราบปรามสินค้าเถื่อน ซึ่งหลังจากกรมสืบสวนฯ ได้สุ่มตรวจตู้คอนเทนเนอร์ ที่ท่าเรือแหลมฉบัง เมื่อเดือนธันวาคม 2566 พบการลักลอบซุกซ่อนชิ้นส่วนเนื้อสุกรปะปนมากับสินค้าประเภทประมงและขยายผลจนนำมาซึ่งการแจ้งความดำเนินคดีผู้กระทำผิด ต่อมาได้ตั้งวอร์รูมโดยมีผู้เชี่ยวชาญ ตรวจสอบพบเอกสารปลอมแปลง และแจ้งความต่อตำรวจสอบสวนกลาง 20 คดีไปแล้ว ล่าสุดวันที่ 14 มี.ค.ที่ผ่านมา หน่วยเฉพาะกิจพญานาคราชแจ้งความต่อผู้บัญชาการสอบสวนกลางอีก 1 รายทั้งหมด 220 คดี


“พบการปลอมแปลงเอกสารที่ใช้ประกอบการนำเข้าสินค้าสัตว์น้ำต่อกรมประมง โดยบริษัทดังกล่าวยื่นนำเข้าปลาแซลมอนและปลาจวด แต่นำสินค้าเข้าจริงเป็นอีกประเภท คือเนื้อสุกรกว่า 1,859,270 กิโลกรัม เนื้อวัว 4,135,306 กว่ากิโลกรัม ในตู้คอนเทนเนอร์ 220 ตู้ น้ำหนักประมาณ 5.9 แสนกว่ากิโลกรัม สร้างความเสียหายกว่า 1,400 ล้านบาท นอกจากนี้ได้ให้ผู้แทนกระทรวงเกษตรฯ ไปยื่นดำเนินคดีกับ 3 บริษัท เบื้องต้นมีบางบริษัทที่ตรวจสอบแล้วพบการกระทำความผิด โดยปลอมแปลงเอกสารเพิ่มเป็น 2 เท่า คือสร้างความเสียหายประมาณเกือบ 3 พันล้านบาท สิ่งเหล่านี้เป็นการทำลายภาคการเกษตรทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรและโค ได้รับผลกระทบ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ กล่าว

ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า กรณีที่นำมาแถลงส่วนใหญ่เป็นบริษัทที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ดำเนินคดีอยู่ก็จริง แต่บางส่วนเป็นประเด็นใหม่ สืบเนื่องจากที่ดีเอสไอ ดำเนินคดีผู้นำเข้า 161 ตู้ และขยายผลตรวจสอบพบหลักฐาน จึงเป็นที่มาของการดำเนินคดีเพิ่มอีก 220 คดี และเวลานี้ตรวจสอบเบื้องต้นเพิ่มอีก 400 กว่าคดี ความเสียหายเกิดขึ้นกับภาคการเกษตรไม่ต่ำกว่า 3-4 พันล้านบาทหรืออาจจะถึงหมื่นล้านบาท ซึ่งอยู่ในขั้นตอนที่จะขยายผลต่อไป

“นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับคดีนี้ และอยากให้รับผิดชอบโดยตรง และถ้าเกี่ยวข้องกับคดีเก่าก็จะมีการประสานงานกันกับดีเอสไอ  นี่ไม่ใช่ไม่ไว้ใจการทำงานของดีเอสไอ แต่เป็นการช่วยกันทำงานเพื่อแก้ปัญหาของเกษตรกร ส่วนที่ดีเอสไอระบุว่าจะปิดคดีให้ได้ในเดือนเมษายน ได้ประสานการทำงานกันตลอด หลายคดีทำงานรวดเร็ว แต่คดีที่เป็นประเด็นใหญ่สร้างความเสียหายกับเกษตร ต้องทำงานใกล้ชิดอย่างละเอียด ซึ่งนายกรัฐมนตรีให้ความเห็นว่าต้องมอบหมายให้ส่วนของสอบสวนกลางดำเนินคดี” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ กล่าว


ส่วนกรณีการปลอมแปลงเอกสาร มีเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของกระทรวงเกษตรฯ เข้าไปเกี่ยวข้องหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า หากมีเจ้าหน้าที่ของกระทรวงเกษตรฯ เข้าไปเกี่ยวข้องไม่ว่าระดับไหนก็ตามจะต้องลงโทษโดยไม่มีข้อละเว้น โดยได้สั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบแล้ว

เมื่อถามย้ำว่าเจอต้นตอใหญ่หรือไม่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ กล่าวว่า ตนทำตามหน้าที่เพื่อตอบสังคมให้ได้ แม้จะเจออุปสรรคอย่างไร ซึ่งนายกรัฐมนตรีกำชับแล้วให้เดินหน้าเต็มที่ พร้อมมอบหมายสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งปปง. ตำรวจสอบสวนกลาง ให้สนับสนุนการทำงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

ส่วนจะเอาผิดโค่นต้นตอรายใหญ่ได้หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ไม่อยากใช้คำพูด ว่าโค่น แต่จะทำลายระบบวงจรอุบาทว์นี้ให้ได้ จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด โดยเพิ่มความเข้มข้นในการทำงานมากขึ้น

ด้านนายบัญชา กล่าวว่า กรมประมงได้ตั้งศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการนำเข้าส่งออกสินค้าประมงผิดกฎหมายตั้งแต่ 1 ก.พ.67 ได้ระดมนักกฎหมายผู้เชี่ยวชาญด้านเอกสารและมีหน่วยงานอื่น ๆ มาช่วย ซึ่งจากการตรวจสอบสามารถแจ้งความร้องทุกข์ที่สอบสวนกลาง 3 บริษัทที่เกี่ยวข้องคือ 1. บริษัท ศิขัณทิน เทรดดิ้ง จำกัด 2. บริษัท สมายล์ ท็อป เค เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด และ3. ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริบูรณ์ เทรดดิ้ง

“เมื่อตรวจเอกสารนำเข้าของทั้ง 3 บริษัทพบความผิดปกติ 1 ใน 3 บริษัท ปลอมแปลงใบรับรองสุขภาพสัตว์น้ำนำมาประกอบขออนุญาตนำเข้าต่อด่านตรวจประมงชลบุรี ต่อมาได้รับการยืนยันจากประเทศต้นทางคือบราซิล ผ่านทางกระทรวงการต่างประเทศว่าเป็นเอกสารปลอม กรมประมงจึงมอบหมายให้เจ้าหน้าที่แจ้งความดำเนินคดีผู้ต้องหาบริษัทที่เอ่ยมา 4 ข้อกล่าวหา ความผิดฐานปลอมแปลงเอกสาร ใช้เอกสารปลอม แจ้งความเท็จ และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์” อธิบดีกรมประมง กล่าว

ด้านพล.ต.ต. เอกรักษ์ กล่าวถึงการตรวจสอบเส้นทางการเงิน ว่า หากพบว่ามีความผิด นอกจากถูกดำเนินคดีทางอาญาแล้ว อีกส่วนหนึ่งคือความผิดมูลฐานข้อมูลทางการเงิน ที่จะไปดำเนินการทางการแพ่งต่อทุกคดี ดังนั้น นอกจากติดคุกแล้วต้องหมดตัวอีกด้วย

พ.อ. รวิรักษ์ กล่าวว่า ยังมีคดีลักษณะเดียวกันอีกกว่า 400 กว่าคดี จึงขอให้ติดตามตอนต่อไปว่าจะมีกรณีใหญ่ที่อยู่ระหว่างรอหลักฐานประกอบอีก 9 บริษัท หากมีความคืบหน้าจะแถลงข่าวให้ทราบต่อไป.-317.-สำนักข่าวไทย       

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบแล้ว! มือปืนโหดสวมชุดไรเดอร์ ตามยิงซ้ำที่ รพ. ดับ 2

ปทุมธานี 5 มิ.ย.- จับแล้ว! มือปืนโหดสวมชุดไรเดอร์ รัวกระสุนใส่หน้าบ้าน ก่อนตามไปยิงซ้ำที่ รพ. เสียชีวิต 2 ราย สารภาพอ้างแค้นถูกตีท้ายครัว ความคืบหน้าเหตุมือปืนชายแต่งกายไรเดอร์ ใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะ ยิงใส่กลุ่มวัยรุ่นชายหญิง ที่นั่งจับกลุ่มกันอยู่หน้าบ้าน ในพื้นที่ ต.ระแหง อ.ลาดหลุมแก้ว ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย หลังเกิดเหตุกลุ่มเพื่อนได้นำคนเจ็บไปส่งโรงพยาบาล แต่คนร้าย ได้ขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบ ใช้อาวุธปืนตามยิงซ้ำถึงในโรงพยาบาล ส่งผลให้ผู้ได้รับบาดเจ็บที่อยู่ท้ายกระบะเสียชีวิต 2 ราย ล่าสุดเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวมือปืน ทราบชื่อนายสมยศ อายุ 32 ปี พร้อมของกลางอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่ใช้ในการก่อเหตุ โดยให้การรับสารภาพว่าตนเองจะมายิงนายมานะ หรือไอซ์ อายุ 33 ปี เพียงคนเดียว ซึ่งก่อนเกิดเหตุตนได้นั่งกินเบียร์มาก่อน และที่ทำไปนั้น เพราะจับได้ว่าผู้ตายเป็นชู้กับภรรยาตน หลังก่อเหตุขับรถหนีไปจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม .-สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” รับกัมพูชาล้ำ 200 ม. จริง แต่เป็นจุด No Man’s Land

ทำเนียบ 5 มิ.ย.- “ภูมิธรรม” รับกัมพูชาล้ำ 200 เมตร จริง แต่เป็นจุด No Man’s Land ย้ำใช้เวที JBC เจรจา บอกไม่ใช่เรายอมศิโรราบ แต่ไทยมีข้อมูลหลักฐาน รอชัดเจน 14 มิ.ย. ขณะที่กองทัพเตรียมพร้อมตรึงกำลังแนวชายแดน ลั่นไม่ยอมใคร ยืนยันไทยเริ่มต้นจากสันติ ชี้หากประกาศกฏอัยการศึก แม่ทัพภาค 2 มีอำนาจสั่งได้ทันที นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการลงพื้นที่ชายแดน ไทย-กัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานีเมื่อวานนี้ ว่า ตนได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่สอง ถึงข้อมูลที่ออกไปในปัจจุบัน ผิดไปจากสิ่งที่เป็นอยู่ ในปัจจุบันมากพอสมควร จึงอยากให้ระมัดระวังเรื่องข้อมูลข่าวสาร ยืนยันว่า ในพื้นที่ไม่ได้มีการวางทุ่นระเบิด จะเป็นภาพเก่าในอดีต ซึ่งตนมองว่าเป็นการสร้างความสับสน และทำลายศรัทธาความร่วมมือของประชาชน นายภูมิธรรม กล่าวถึงการรุกล้ำ 200 เมตร ว่า ทั้งหมดนี้อยู่ที่คณะกรรมการ JBC ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดนกำหนดแต่ละฝ่ายมีจุดที่ค่อมกัน ดังนั้นจึงกำหนดให้เป็น […]

ดรามานิติไล่ไรเดอร์รับลูกค้าหน้าคอนโดฯ

5 มิ.ย. – สาวเรียกรถผ่านแอปฯ มารับหน้าคอนโดฯ หัวหน้าวินมอเตอร์ไซค์ถือวิทยุสื่อสารพร้อมไล่ให้ลงรถ ขู่ไม่อนุญาตให้เรียกรถผ่านแอปฯ ด้านไรเดอร์รู้ข่าวบุกรวมตัว ลั่นถ้าคู่กรณีไม่ออกมาก็อย่าหวังว่าแยกย้าย คลิปจากผู้โดยสารคนหนึ่งถ่ายไว้ขณะเรียกรถมารับบริเวณด้านหน้าคอนโดฯ ย่านสาทร แต่กลับถูกชายรายหนึ่งถือวิทยุสื่อสาร ไล่ให้ลงจากรถ พร้อมพูดขู่ว่าไม่ใช่วินห้ามเข้า แฟนเพจเฟซบุ๊กอยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ part 6 ได้รับเรื่องร้องเรียนจากลูกบ้านคอนโดฯ แห่งหนึ่ง โพสต์ไว้หลังจากเรียกรถผ่านแอปพลิเคชัน แต่กลับถูกขัดขวาง ระบุว่า “เราได้เรียกรถจักรยานยนต์ผ่านแอปพลิเคชันเพื่อไปทำงานตามปกติ แต่มีชายคนหนึ่ง (คาดว่าเป็นวินในหมู่บ้าน มีวิทยุสื่อสารด้วย) เข้ามาไล่ให้ลงจากรถ พร้อมพูดในลักษณะข่มขู่ว่า “ไม่ให้เรียกผ่านแอปฯ เพราะที่นี่มีวินอยู่แล้ว” และยังไล่คนขับกลับไปทันที เหตุการณ์นี้ทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัยและเสียเวลาในการเดินทาง รบกวนช่วยตรวจสอบ ขอความชัดเจนว่าในหมู่บ้านมีข้อกำหนดห้ามเรียกรถผ่านแอปฯ หรือไม่ หากมีรบกวนขอเอกสารหรือประกาศที่เป็นทางการด้วย หากไม่มีรบกวนช่วยดำเนินการกับบุคคลดังกล่าว เพราะพฤติกรรมที่เกิดขึ้นเข้าข่ายคุกคามและไม่เหมาะสม” หลังจากโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ ปรารกฏว่าวานนี้ (4 มิ.ย.) มีไรเดอร์จำนวนมานัดรวมตัวกันและเดินทางไปยังคอนโดฯ ดังกล่าว โดยมีตำรวจเข้ามาพูดคุย ขณะที่ทางตัวแทนไรเดอร์ระบุว่า ถ้าคู่กรณีไม่ออกมาก็อย่าหวังว่าแยกย้าย และนิติคอนโดฯ ต้องออกมาพูดให้ชัดเจนว่าไรเดอร์เข้าไปรับผู้โดยสารได้ไหม” ต่อมาที่ สน.บางขุนเทียน เจ้าหน้าที่เรียกตัวนายพงษ์ อายุ 52 […]

คนขับหลับใน รถทัวร์เสียหลักตกร่องถนน ดับ 2 สาหัส 5

ประจวบคีรีขันธ์ 4 มิ.ย. – รถทัวร์ตกร่องกลางถนนชนเสาไฟ บนถนนเพชรเกษม อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ผู้โดยสารเสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บสาหัส 5 คน คนขับยอมรับหลับใน วงจรปิดจับภาพขณะเกิดเหตุรถทัวร์ขับมาดีๆ จู่ๆ ไถลลงร่องกลางถนน โดยไม่มีคู่กรณี เหตุเกิดประมาณตี 04.30 น.ที่ผ่านมา (4 มิ.ย.) บนถนนเพชรเกษม บริเวณหน้าค่ายพระมงกุฎเกล้า อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ รถที่เกิดเหตุเป็นรถบัสโดยสารปรับอากาศ สายระยอง-มุกดาหาร พลิกตะแคงอยู่ในร่องกลาง มีร่องรอยชนกับเสาไฟและการ์ดเลนถนน สภาพรถด้านหน้าพังยับเยิน กระจกหน้าและด้านข้างแตกร้าว หลังคาฉีกขาด ที่เกิดเหตุมีผู้เสียชีวิต 2 คน เป็นชาย และอาการสาหัส 5 คน นอกจากนี้ยังมีผู้บาดเจ็บอีกจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ปฐมพยาบาลเบื้องต้นและเร่งนำตัวนำส่งโรงพยาบาล ขณะที่ผู้โดยสารต่างอยู่ในอาการตกใจ บอกว่าก่อนเกิดเหตุรู้สึกว่ารถส่ายไปมา คนขับรถคือ นายทศพร อายุ 51 ปี ให้การว่า ในรถมีผู้โดยสารรวมคนขับแล้ว 28 คน รับผู้โดยสารจาก จ.ระยอง […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ โพสต์หารือประเมินปมชายแดนไทย-กัมพูชา

ทำเนียบ 5 มิ.ย.-นายกฯ โพสต์หารือประเมินปมชายแดนไทย-กัมพูชา ยึดหลักการสันติวิธี ยันไทยไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก ชี้ต้องคุยเฉพาะพื้นที่เป็นปัญหา ไม่ขยายประเด็น นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ถึงการหารือสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า “จากกรณีที่ทางรัฐบาลกัมพูชาออกแถลงการณ์เกี่ยวกับสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ดิฉันได้หารือร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ และท่านรองนายกรัฐมนตรี นายภูมิธรรม เวชยชัย ซึ่งได้โทรศัพท์เข้ามารายงานเรื่องการลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ ณ จังหวัดอุบลราชธานี อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินภาพรวมอย่างรอบด้าน รัฐบาลไทยขอยืนยันในหลักการแก้ไขปัญหาด้วยแนวทางสันติวิธี ภายใต้ความเคารพในอธิปไตยและดินแดนของกันและกัน ในกรณีที่กัมพูชาประสงค์จะเสนอให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) เข้ามามีบทบาท รัฐบาลไทยขอเรียนว่า ประเทศไทยไม่ได้ให้การยอมรับเขตอำนาจศาล ICJ ในกรณีพิพาทต่างๆ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2503 จนถึงปัจจุบัน และขอย้ำว่า ประเด็นที่เกิดขึ้นควรได้รับการแก้ไขปัญหาในบริเวณที่มีการกระทบกระทั่งกันเท่านั้น ไม่ขยายประเด็นปัญหาออกไป ประเทศไทยยังยึดมั่นในกลไกการหารือทวิภาคีที่ทั้งสองฝ่ายตกลงกันไว้มาโดยตลอด เพื่อรักษาความสัมพันธ์อันดีระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศค่ะ.-315.-สำนักข่าวไทย

ไทยไม่ยอมรับเขตอำนาจศาลโลก ย้ำขอใช้กรอบ JBC

ทำเนียบ 5 มิ.ย.-รัฐบาลออกแถลงการณ์กรณีไทย-กัมพูชา ยืนยันประเทศไทยไม่ยอมรับเขตอำนาจศาลโลกมาตั้งแต่ พ.ศ. 2503 จนถึงปัจจุบันแล้ว ย้ำขอใช้กรอบ JBC ในทุกระดับแก้ปัญหาระหว่างกัน นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ภายหลังเกิดแหตุการณ์ที่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมานั้น เวลา 16.30 น. รัฐบาลได้ออกแถลงการณ์กรณีดังกล่าว เป็นฉบับที่ 2 ดังนี้ นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ปะทะที่บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 ทั้งสองฝ่ายได้หารือและตกลงกันที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา ได้แก่ คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (Joint Border Commission: JBC) คณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (General Border Committee: GBC) และคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (Regional Border Committee: RBC) บนพื้นฐานของความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นผลมาจากการหารือระหว่างผู้บัญชาการทหารบกของทั้งสองฝ่าย เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม […]

อัยการสั่งฟ้อง 5 ผู้ต้องหา คดีนอมินี ตึกสตง.

5 มิ.ย. – พนักงานอัยการคดีพิเศษ สั่งฟ้อง 5 ผู้ต้องหา คดีตึก สตง.ถล่ม ในส่วนความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวฯ นายศักดิ์เกษม นิไทรโยค โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เผยว่า วันนี้ พนักงานอัยการคดีพิเศษ มีความเห็นสั่งฟ้อง 5 ผู้ต้องหา คดีพิเศษที่เกี่ยวข้องกับตึก สตง.ถล่ม ในส่วนของความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวฯ มาตรา 36 มาตรา 37 และมาตรา 41 ในทุกข้อหา ยกเว้น นายประจวบ ศิริเขตร ซึ่งอัยการสั่งไม่ฟ้อง 1 ข้อหา ตามมาตรา 41 ผู้ต้องหาทั้ง 5 คน ประกอบด้วย นายโสภณ มีชัย, นายประจวบ ศิริเขตร, นายมานัส ศรีอนันท์,นายชวนหลิง จาง ชาวจีน กรรมการบริษัท ไชน่า เรลเวย์ และ […]

กัมพูชาจะไม่นำเรื่องพื้นที่พิพาทเข้าสู่วาระการประชุมเจบีซีกับไทย

กรุงเทพ 5 มิ.ย. – รัฐบาลกัมพูชาออกแถลงการณ์ลงวันที่ 4 มิถุนายนตำหนิเหตุการณ์ยิงปะทะกับทหารไทย พร้อมประกาศนำข้อพิพาทเรื่องดินแดนในพื้นที่ 4 จุดต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ โดยจะไม่นำเข้าวาระการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (Joint Boundary Committee- JBC) หรือ เจบีซี ไทย-กัมพูชา กลางเดือนนี้ แถลงการณ์ของรัฐบาลกัมพูชา รัฐบาลกัมพูชาได้ดำเนินนโยบายต่างประเทศบนรากฐานแห่งสันติภาพ มิตรภาพ และความร่วมมือระหว่างประเทศ เสมอมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับประเทศเพื่อนบ้านที่มีชายแดนร่วมกันตามที่กำหนดไว้ตั้งแต่สมัยอาณานิคมฝรั่งเศส นับตั้งแต่ได้รับเอกราช ยกเว้นช่วงระบอบการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของเขมรแดง กัมพูชายังคงยึดมั่นอย่างแน่วแน่ในการเปลี่ยนชายแดนร่วมเหล่านี้ให้เป็นเขตแห่งสันติภาพ มิตรภาพ ความร่วมมือ และการพัฒนา แม้จะมีความท้าทายเกิดขึ้นตลอดเส้นทางที่ผ่านมา กัมพูชาได้ให้ความสำคัญกับการยุติปัญหาชายแดนอย่างสันติ แม้ในช่วงเวลาที่มีความตึงเครียดเป็นครั้งคราวและมีการสูญเสียชีวิตของทหารผู้กล้าหาญที่ยืนหยัดปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของชาติ ความมุ่งมั่นที่ไม่เปลี่ยนแปลงของรัฐบาลกัมพูชา ในการแก้ไขปัญหาอย่างสันติเป็นที่ประจักษ์ในการดำเนินงานในอดีตที่ผ่านมา รวมถึงการส่งข้อพิพาทไปยังศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ ICJ ซึ่งมีคำวินิจฉัยเป็นคุณแก่กัมพูชาในปี 2505 และอีกครั้งหนึ่งในปี 2556 ในข้อพิพาทชายแดนกับประเทศไทย การกระทำเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของกัมพูชาต่อกฎหมายระหว่างประเทศและการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งอย่างสันติ อย่างไรก็ตามเป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจ ที่ในช่วงเช้าตรู่ของวันที่ 28 พฤษภาคม 2565 เวลาประมาณ 05:30 น. เกิดเหตุการณ์ที่ทหารไทยได้เปิดฉากยิงเข้าใส่ทหารกัมพูชาในพื้นที่หมู่บ้านเตโชมรกต ตำบลมรกต […]