วงประชุม ปชป.เลือกหัวหน้าพรรคฯ ล่ม!

กทม. 9 ก.ค.- วงประชุมประชาธิปัตย์เลือกหัวหน้าพรรคฯ ล่ม! – กลุ่ม ส.ส.ชู “อภิสิทธิ์” ไม่ร่วมประชุม คาดแก้เกมสัดส่วนคะแนน 70:30


การประชุมใหญ่วิสามัญพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อเลือกหัวหน้าพรรคฯ และกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ แทนนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ต้องยุติลงเนื่องจากองค์ประชุมไม่ครบ มีเพียง 201 คน จากองค์ประชุมที่กฎหมายพรรคการเมืองกำหนดไว้ขั้นต่ำ 250 คน โดย นายจุรินทร์ ได้ชี้แจงว่า จะต้องมีการนัดประชุมกับเลขาธิการพรรค และกรรมการบริหารพรรคใหม่อีกครั้ง เพื่อเตรียมการเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ต่อไป

ทั้งนี้ การประชุมใหญ่ฯ พรรคประชาธิปัตย์ เพื่อเลือกหัวหน้าพรรคฯ และกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ในวันนี้ (9 ก.ค.) เป็นไปด้วยการประชุมลับ ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชน ร่วมสังเกตการณ์การประชุมด้วย ตามข้อเสนอของนายธนา ชีรวินิจ อดีต ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจากกังวลว่า จะมีการตีความการแสดงความเห็นของสมาชิก จนทำให้สังคมเข้าใจผิดพลาด


อย่างไรก็ตาม ในช่วงเช้าของการประชุมนั้น นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้เสนอให้ที่ประชุมงดเว้นข้อบังคับการประชุม ข้อที่ 37 ที่กำหนดให้มีการเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ในกรณีที่กรรมการบริหารพรรคชุดเก่า พ้นจากตำแหน่งทั้งคณะให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน เพื่อเลื่อนการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคฯ และกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ชุดใหม่ออกไปก่อน โดยให้เหตุผลว่า หากยังดำเนินการประชุมต่อไป ก็จะทำให้เกิดผลกระทบภายในพรรค ทำให้เกิดผู้แพ้-ผู้ชนะ แต่หากเลื่อนการประชุมออกไปก่อน ให้สมาชิกได้มีการพูดคุยกัน ก็จะทำให้พรรคประชาธิปัตย์ ชนะไปด้วยกัน เพื่อปูทางเป็นชัยชนะคู่แข่งทางการเมืองในอนาคต พร้อมยืนยันว่า การเสนอให้เลื่อนการประชุมครั้งนี้ ไม่ได้คำนึงถึงท่าทีรัฐบาลที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ว่า หากพรรคประชาธิปัตย์ เลือกที่จะเป็นฝ่ายค้านแล้วจะให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กลับมาเป็นผู้นำพรรคอีกครั้ง เพียงแต่เห็นว่า หากมีการพูดคุยกันภายในพรรคให้ตกผลึกมากกว่านี้ ความขัดแย้งต่าง ๆ ก็จะไม่เกิดขึ้น และทำให้เกิดความร่วมมือกันภายในพรรคให้มากที่สุด แต่สุดท้ายแล้วที่ประชุมไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของนายองอาจ จึงทำให้ต้องดำเนินการประชุมต่อ

จากนั้น ที่ประชุมได้พิจารณาญัตติที่ นายสาธิต ปิตุเตชะ รองหัวหน้าพรรคฯ เสนอต่อที่ประชุมให้งดใช้ข้อบังคับพรรคฯ ในข้อที่ 87 ที่กำหนดน้ำหนักคะแนนในการลงมติเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่ง ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ 25 คน ขณะนี้ จะมีน้ำหนักคะแนนร้อยละ 70 แต่อดีต ส.ส., อดีตรัฐมนตรี, อดีตผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง, และอดีตหัวหน้าพรรคฯ จะมีน้ำหนักคะแนนเพียงร้อยละ 30 เพื่อให้องค์ประชุมมี 1 สิทธิ์ 1 เสียงเท่ากัน ซึ่งผลการลงมติปรากฏว่า สัดส่วนคะแนนมีไม่เพียงพอที่จะปรับสัดส่วนน้ำหนักคะแนน 1 สิทธิ์ 1 เสียง จึงทำให้ผลคะแนนในการเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ครั้งนี้ ยังต้องดำเนินการต่อไปบนสัดส่วนคะแนน 70:30 ก่อนที่จะมีการพักการประชุมเพื่อรับประทานอาหารกลางวัน และกลับมาประชุมต่ออีกครั้งในช่วงบ่าย

โดย นายสาธิต เปิดเผยภายหลังที่ประชุมมีมติดังกล่าวว่า จะทำให้น้ำหนักคะแนนไปขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ ส.ส.ปัจจุบันของพรรคเพียง 25 คน ดังนั้น จึงอาจทำให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคฯ ที่จะมีสมาชิกพรรคฯ เสนอชื่อเพื่อกลับมาเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พ่ายแพ้ได้


สำหรับการประชุมในช่วงบ่ายนั้น ก่อนเข้าสู่การประชุมกรรมการการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ทำการตรวจสอบองค์ประชุมก่อนเข้าสู่กระบวนการ ปรากฏว่า มีองค์ประชุมเพียง 221 คน จากองค์ประชุมขั้นต่ำ 250 ที่กฎหมายพรรคการเมืองกำหนดไว้ จึงทำให้ต้องยุติกระบวนการเลือกหัวหน้าพรรคฯ แต่นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองเลขาธิการพรรคฯ ได้ร้องขอต่อที่ประชุมให้รอองค์ประชุมก่อนประมาณ 15 นาที เพื่อให้สมาชิกกลับมาร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง หลังมีสมาชิกส่วนหนึ่งไปเก็บกระเป๋าที่โรงแรมใกล้กับสถานที่จัดประชุม แต่เมื่อมีการนับองค์ประชุมอีกครั้งกลับเหลือองค์ประชุม 201 คน ไม่ครบองค์ประชุม ทำให้การประชุมใหญ่ฯ พรรคประชาธิปัตย์ เพื่อเลือกหัวหน้าพรรคฯ และกรรมการบริหารพรรคฯ ต้องเลื่อนออกไปก่อน

โดยนายจุรินทร์ ได้กล่าวประกาศยุติการประชุมใหญ่วิสามัญพรรคประชาธิปัตย์ ตามข้อบังคับพรรค “เมื่อองค์ประชุมไม่ครบ ก็ไม่สามารถประชุมต่อได้ แต่เนื่องจาก กกต.พรรค ไม่มีอำนาจปิดการประชุม จึงเป็นอำนาจของผู้ที่ทำหน้าที่ประธานการประชุม ตามข้อบังคับพรรค เมื่อองค์ประชุมไม่ครบก็ต้องเลิกประชุม แต่ยังไม่เลิก ณ นาทีนี้ ผมขอชี้แจงความเข้าใจว่า ผมต้องขอหารือเลขาธิการพรรค เพื่อนัดประชุมกรรมการบริหารพรรค เพื่อทำการอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไป แต่สำหรับวันนี้ก็ขอยุติการประชุม” นายจุรินทร์กล่าว

นอกจากนั้น ยังมีรายงานด้วยว่า สาเหตุที่การประชุมเพื่อเลือกหัวหน้าพรรคฯ ในช่วงบ่ายต้องล่มไป เนื่องจาก สมาชิกพรรคส่วนหนึ่งไม่พอใจ และต้องการแก้เกมที่ ที่ประชุมฯ ยังคงยืนยันที่จะใช้น้ำหนักคะแนน 70:30 ตามข้อบังคับพรรค เนื่องจาก สัดส่วนคะแนน 70 คะแนนนั้น จะขึ้นอยู่กับ ส.ส.ปัจจุบันของพรรค ที่ตอนนี้มี 25 คน ส่วนน้ำหนักคะแนนอีกร้อยละ 30 ขึ้นอยู่กับ อดีต ส.ส., อดีตรัฐมนตรี, อดีตผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอื่น ๆ และอดีตหัวหน้าพรรคฯ ซึ่งมีจำนวนมากกว่า ประกอบกับ ส.ส.ปัจจุบันประมาณ 17 คน จากทั้งหมด 25 คน มีท่าทีที่จะสนับสนุนนายนราพัฒน์ แก้วทอง รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ได้รับการสนับสนุนจากนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ดังนั้น การประชุมในช่วงบ่าย จึงทำให้สมาชิกหลายคน ไม่ได้อยู่ร่วมองค์ประชุมด้วย โดยเฉพาะนายสาธิต ปิตุเตชะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และกลุ่ม อดีต ส.ส.ที่ให้การสนับสนุนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคฯ ที่นายชวน หลีกภัย อดีตประธานสภาที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคฯ จะเป็นผู้เสนอต่อที่ประชุมด้วยตนเอง และนายนราพัฒน์ ก็ยืนยันพร้อมที่จะท้าชิงตำแหน่งหากมีการเสนอชื่อ ดังนั้น จึงมีความกังวลว่า ผลคะแนนที่ออกมาจะไม่เป็นธรรม และทำให้นายนราพัฒน์ ได้รับการเลือกตั้งเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่

ทั้งนี้ ตามข้อบังคับพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้ระบุว่า หากการประชุมใหญ่วิสามัญของพรรคฯ เพื่อเลือกกรรมการบริหารพรรคฯ ต้องล่มไป จะต้องนัดการประชุมใหม่อีกครั้งเมื่อใด โดยให้ขึ้นอยู่กับกรรมการบริหารพรรคชุดรักษาการ จะเป็นผู้นัดประชุมต่อไป โดยนายจุรินทร์ ได้เปิดเผยภายหลังการประชุมล่ม ว่า ตนจะรีบนัดประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคฯ โดยเร็ว ซึ่งคาดว่า จะมีการประชุมในวันที่ 12 กรกฎาคมนี้ เพื่อยกเว้นข้อบังคับพรรค ให้เกิดการประชุมเลือกหัวหน้าพรรคฯ และกรรมการบริหารพรรคฯ ชุดใหม่อีกครั้ง

ด้าน นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคฯ ยอมรับว่า ตั้งแต่ตนเองเป็นสมาชิกพรรคมาอย่างยาวนาน ไม่เคยเกิดปรากฏการณ์เช่นนี้มาก่อน และหากที่ประชุมยอมรับข้อเสนอของตน ที่เสนอให้เลื่อนการเลือกหัวหน้าพรรคฯ ออกไป ก็จะไม่เกิดปัญหานี้ เพราะตนเอง ได้พยายามประสานทั้ง 2 กลุ่มให้มีการพูดคุยกันเพื่อหาข้อตกลงร่วมกัน แต่ไม่ได้รับไม่ได้รับการตอบสนองจากทั้ง 2 ฝ่าย .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.เรือนจำทักษิณป่วย ไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน  

13 มิ.ย. – ศาลฎีกาฯ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนกรณีกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้ “ทักษิณ” เข้ารักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ นัดไต่สวนเพิ่มอีก 6 นัด เดือน ก.ค.68 ด้าน ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ยอมรับไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนคดีชั้น 14 ในเรื่องการบังคับคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ล่าสุดการไต่สวนนัดแรกเสร็จสิ้นแล้ว โดยศาลได้สอบถาม นายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพคนปัจจุบัน เกี่ยวกับกระบวนการในการส่งตัวนายทักษิณจากเรือนจำไปโรงพยาบาลตำรวจ ในคืนวันที่ 22 สิงหาคม ซึ่งนายทักษิณ มีอาการแน่นหน้าอก นอนไม่หลับ พยาบาลเวรตรวจอาการแล้ว ถึงโทรไปหาแพทย์ และมีความเห็นให้ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้เข้าไปที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน และอาการก็ตรงกลับใบส่งตัวที่แพทย์เขียนไว้ล่วงหน้า เพราะเป็นผู้ป่วยกรณีฉุกเฉิน แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้เข้าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน จากนั้นศาลได้นัดไต่สวน 6 นัด ในเดือนกรกฎาคม 2568 และใน […]

เครื่องบินแอร์อินเดีย ตกใส่อาคารที่พักแพทย์ ตาย 241 รอดคนเดียว

นิวเดลี 13 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์อินเดีย พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประสบอุบัติเหตุตกใส่อาคารในย่านชุมชนทางตะวันตกของประเทศ มีผู้เสียชีวิต 241 ราย รอดชีวิตปาฏิหาริย์เพียงคนเดียว ยังไม่มีการยืนยันว่ามีคนในอาคารบ้านเรือนเสียชีวิตเท่าไร เครื่องบินลำที่ประสบอุบัติเหตุเป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลน์เนอร์ ของสายการบิน แอร์ อินเดีย เที่ยวบิน เอไอ171 (AI171) พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประกอบด้วยผู้โดยสาร 230 คน และลูกเรือ 12 คน เพิ่งจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานระหว่างประเทศเมืองอาห์เมดาบัด รัฐคุชราต ทางตะวันตกของอินเดียเมื่อเวลา 13.34 น. วานนี้ มุ่งหน้าไปยังท่าอากาศยานแกตวิค กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ คนบนเครื่องบินเป็นชาวอินเดีย 169 คน และมีพลเมืองอังกฤษ 53 คน โปรตุเกส 7 คน และแคนาดา 1 คน คลิปที่ผู้ใช้งานสื่อออนไลน์ในอินเดียส่งต่อกันแพร่หลาย เผยให้เห็นช่วงเวลาขณะที่เครื่องบินโดยสารลำนี้เครื่องบินค่อยๆ […]

แพทยสภายืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย

กทม. 12 มิ.ย.- แพทยสภามีมติ 2 ใน 3 ยืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย ปมส่งตัว “ทักษิณ” รักษาชั้น 14 รพ.ตร. ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา เปิดเผยหลังการประชุมการลงมติแพทยสภากว่า 5 ชม. ว่า กรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เกี่ยวกับการประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม การประชุมคณะกรรมการแพทยสภาครั้งที่ 6/2568 ประจำเดือนมิถุนายน คือวันนี้ มีวาระสำคัญคือการพิจารณาหนังสือยับยั้งมติลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของคณะกรรมการแพทยสภาจากสภานายกพิเศษ วาระนี้มีคณะกรรมการแพทยสภาเข้าร่วมประชุมจำนวน 68 คน จากจำนวนแพทยสภาที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งสิ้น 69 คน ได้พิจารณาการยับยั้งมติแพทยสภาของสภานายกพิเศษ มีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 2 ใน 3 ของคณะกรรมการฯ ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งคณะ ซึ่งมีคะแนนโหวตมากกว่า 60 เสียง ยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 กระบวนการต่อไปแพทยสภาจะออกคำสั่งบังคับตามมติและแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ คาดว่าคำสั่งจะออกได้ในวันพรุ่งนี้ และจะมีผลการลงโทษหลังจากคำสั่งไปยังผู้ถูกร้องเรียน ทั้งนี้ […]

“ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน

ฉะเชิงเทรา 12 มิ.ย. – “ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน จ.ฉะเชิงเทรา พบกองขยะอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนเครื่องยนต์นำเข้ากองเต็มพื้นที่ ฝ่าฝืนคำสั่งกรมโรงงานฯ น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าทีมสุดซอย พร้อมเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัด และตำรวจสอบสวนกลาง เข้าตรวจสอบโรงงานรีไซเคิลใน อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นการขยายผลจากข้อมูลที่ผู้ใหญ่บ้าน ต.เขาหินซ้อน อ้างว่ามีบริษัทคัดแยกขยะอุตสาหกรรมในพื้นที่ให้นำดินไปแจกฟรี แต่กลับพบว่าเป็นขยะอุตสาหกรรม จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทแห่งนี้จะรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ เศษสายไฟ วัสดุแบตเตอรี่ มอเตอร์ และชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ผ่านบริษัทแห่งหนึ่งที่ฮ่องกง โดยบริษัทดังกล่าวรับซื้อเศษขยะมาจากญี่ปุ่นอีกทอดหนึ่ง ก่อนส่งมาที่โรงงานรีไซเคิลในไทยให้คัดแยก แต่สำแดงเป็นโลหะผสม (Mixed metal) และมีการเสียภาษีต่อเที่ยวตามน้ำหนัก รวมแล้วประมาณ 33,000 บาท การคัดแยกขยะจะใช้แรงงานต่างด้าวคัดแยกเหล็ก อะลูมิเนียม ทองแดงออก โดยในส่วนของเหล็ก จะส่งโรงเหล็กในประเทศ สำหรับอะลูมิเนียมกับทองแดง จะส่งกลับไปฮ่องกง เพื่อขายต่อ โดยไม่ต้องเสียภาษี เนื่องจากเป็นเศษโลหะ อีกทั้งยังมีกองขยะที่ไม่สามารถนำไปแปรรูปใช้งานต่อได้จำนวนมากถูกทิ้งไว้ในประเทศ โรงงานดังกล่าวมีการขออนุญาตประกอบกิจการตั้งแต่ปี 2558 แต่ก่อนหน้านี้พบว่ามีการขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต การจัดเก็บวัสดุไม่ถูกต้องตามมาตรฐาน คือกองอยู่ลานโล่งด้านนอกอาคาร ปัญหาเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยในการประกอบกิจการ และการปล่อยน้ำเสีย […]

ข่าวแนะนำ

ประชุม JBC วันแรกเป็นไปด้วยดี สองฝ่ายหารือตรงไปตรงมา

14 มิ.ย.- โฆษก กต. เผยการประชุม JBC “ไทย-กัมพูชา” บรรยากาศเป็นไปด้วยดี ทั้งสองฝ่ายหารือกันอย่างตรงไปตรงมา พร้อมย้ำไทยไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก สำหรับการประชุมจะเสร็จสิ้นในวันพรุ่งนี้ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงการประชุมกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย – กัมพูชา หรือ JBC ครั้งที่ 6 ว่าตั้งแต่เมื่อเช้า หลังจากคณะผู้แทนไทยฯ ที่นำโดยนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย เดินทางถึงกรุงพนมเปญเมื่อวานนี้ ได้รับรายงานความคืบหน้ามาเป็นระยะ และเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศก็ได้เรียกประชุมผู้บริหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ที่ขอให้เรียกประชุมและรายงานความคืบหน้าเป็นระยะ เพื่อจะได้มีข้อสั่งการ นายนิกรเดช กล่าวว่า การประชุมเริ่มจากที่พบหารือระหว่างสองประธานไทย-กัมพูชา กลุ่มเล็ก จากนั้นได้เริ่มการประชุม JBC เต็มคณะ เพื่อหารือประเด็นทางเทคนิค ที่อยู่ในขอบเขตการทำงานของ JBC เช่นการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีการสำรวจภูมิประเทศ ขณะนี้การประชุมก็ยังคงดำเนินอยู่ ซึ่งช่วงบ่ายก็จะเป็นการหารือตามระเบียบวาระที่วางไว้ เช่นการพูดคุยด้านเทคนิค และคาดว่าจะมีการประชุมไปจนถึงวันพรุ่งนี้ บรรยากาศการประชุมเป็นไปด้วยดี และทั้งสองฝ่ายกำลังเดินหน้าหารือกันตามวาระ ถือว่าการประชุมเป็นไปด้วยดี ทั้งสองฝ่ายเดินหน้าคุย และปรับความคิดหากันด้วยดี ฝ่ายไทยหวังว่าการประชุมครั้งนี้จะมีส่วนช่วยลดความ ตึงเครียดของสถานการณ์ที่เกิดขึ้น […]

ประชุม JBC “ไทย-กัมพูชา” ยึด MOU43 แก้ปมชายแดน-ลดตึงเครียด

14 มิ.ย.- “ไทย-กัมพูชา” แถลงย้ำความสำคัญของการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม JBC เจรจาประเด็นด้านเขตแดนระหว่างกัน และการทำงานร่วมกันด้วยสันติวิธี ภายใต้กรอบ MOU43 นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย เป็นประธานการประชุมกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) ร่วมกับนายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา ทั้งสองฝ่ายกล่าวถ้อยแถลงย้ำความสำคัญของการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ในการเจรจาประเด็นด้านเขตแดนระหว่างกันและการทำงานร่วมกันด้วยสันติวิธี ภายใต้กรอบบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก พ.ศ. 2543 (MOU 43) เพื่อประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาชายแดนและลดความตึงเครียดที่มีอยู่ ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการของทั้งสองฝ่าย ประกอบด้วย ผู้แทนจากหน่วยงานเชิงเทคนิคที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม กรมแผนที่ทหาร กองทัพบก กองทัพเรือ สำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา (เทียบเท่ากระทรวง) กระทรวงกลาโหมกัมพูชา กองทัพภาคต่าง ๆ ของกัมพูชา รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชาของกัมพูชาทุกจังหวัด -สำนักข่าวไทย

Cambodia and Thailand hold a closed-door meeting ahead of the official meeting of JBC in Phnom Penh

ไทย-กัมพูชา หารือกลุ่มเล็กก่อนประชุม JBC

พนมเปญ 14 มิ.ย. – สื่อกัมพูชารายงานว่า กัมพูชาและไทย ได้เปิดการหารือกลุ่มเล็กฝ่ายละ 5 คน ก่อนการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือเจบีซี (JBC) ที่กรุงพนมเปญ ในวันนี้ เว็บไซต์แขมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานว่า ในการหารือกลุ่มเล็กที่มีผู้ร่วมเข้าเพียง 10 คน ฝ่ายกัมพูชานำโดยนายเจีย ฬำ  รัฐมนตรีผู้รับผิดชอบกิจการชายแดน ส่วนฝ่ายไทยนำโดยนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ที่ปรึกษากระทรวงต่างประเทศด้านกิจการชายแดน ซึ่งเป็นนักการทูตผู้เชี่ยวชาญช่วงข้อพิพาทปราสาทพระวิหาร พร้อมกับเผยแพร่ภาพชุดการหารือดังกล่าว.-814.-สำนักข่าวไทย

รวบแล้ว! โจรชิงทองที่ลำพูน หนีกบดานพัทยา

พัทยา 14 มิ.ย.- หนีไม่รอด! รวบโจรบุกเดี่ยวชิงทอง จ.ลำพูน หนีกบดานพัทยา สารภาพติดการพนันออนไลน์ จากกรณีเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2568 เกิดเหตุคนร้ายรูปร่างสูงประมาณ 160-165 ซม. ทราบชื่อต่อมาคือ นายประกร อายุ 47 ปี ขี่รถจักรยานยนต์สีดำ บุกเดี่ยวเข้าไปชิงทองคำรูปพรรณ จากห้างทองฯ อ.ป่าซาง จ.ลำพูน ได้สร้อยคอทองคำ น้ำหนัก 5 บาท ไปจำนวน 2 เส้น มูลค่ากว่า 500,000 บาท แล้วหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ล่าสุดตำรวจ สภ.จว.ชลบุรี ได้เบาะแสว่า นายประกร ที่มีหมายจับศาลจังหวัดลำพูน ในข้อหากระทำความผิดฐาน “วิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม” หลังก่อเหตุได้หนีมากบดานในพื้นที่จังหวัดชลบุรี จึงนำกำลังออกติดตาม กระทั่งพบตัวนายประกร อยู่ภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งย่านพัทยากลาง เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าจับกุม เจ้าตัวให้การยอมรับ เป็นผู้ก่อเหตุวิ่งราวทองจากห้างทองในพื้นที่จังหวัดลำพูนจริง หลังก่อเหตุได้หนีมายังพื้นที่เมืองพัทยาและนำทองไปขายในห้างทองแห่งหนึ่ง ตอนแรก คิดว่าจะเดินทางเข้ามาตัว แต่ก็สายไปเนื่องจากมาโดนเจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมตัวได้เสียก่อน ส่วนสาเหตุที่ก่อเหตุลงไปนั้นเนื่องจากตนเองติดการพนันออนไลน์ จนเงินหมด […]