วงประชุม ปชป.เลือกหัวหน้าพรรคฯ ล่ม!

กทม. 9 ก.ค.- วงประชุมประชาธิปัตย์เลือกหัวหน้าพรรคฯ ล่ม! – กลุ่ม ส.ส.ชู “อภิสิทธิ์” ไม่ร่วมประชุม คาดแก้เกมสัดส่วนคะแนน 70:30


การประชุมใหญ่วิสามัญพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อเลือกหัวหน้าพรรคฯ และกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ แทนนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ต้องยุติลงเนื่องจากองค์ประชุมไม่ครบ มีเพียง 201 คน จากองค์ประชุมที่กฎหมายพรรคการเมืองกำหนดไว้ขั้นต่ำ 250 คน โดย นายจุรินทร์ ได้ชี้แจงว่า จะต้องมีการนัดประชุมกับเลขาธิการพรรค และกรรมการบริหารพรรคใหม่อีกครั้ง เพื่อเตรียมการเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ต่อไป

ทั้งนี้ การประชุมใหญ่ฯ พรรคประชาธิปัตย์ เพื่อเลือกหัวหน้าพรรคฯ และกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ในวันนี้ (9 ก.ค.) เป็นไปด้วยการประชุมลับ ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชน ร่วมสังเกตการณ์การประชุมด้วย ตามข้อเสนอของนายธนา ชีรวินิจ อดีต ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจากกังวลว่า จะมีการตีความการแสดงความเห็นของสมาชิก จนทำให้สังคมเข้าใจผิดพลาด


อย่างไรก็ตาม ในช่วงเช้าของการประชุมนั้น นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้เสนอให้ที่ประชุมงดเว้นข้อบังคับการประชุม ข้อที่ 37 ที่กำหนดให้มีการเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ในกรณีที่กรรมการบริหารพรรคชุดเก่า พ้นจากตำแหน่งทั้งคณะให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน เพื่อเลื่อนการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคฯ และกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ชุดใหม่ออกไปก่อน โดยให้เหตุผลว่า หากยังดำเนินการประชุมต่อไป ก็จะทำให้เกิดผลกระทบภายในพรรค ทำให้เกิดผู้แพ้-ผู้ชนะ แต่หากเลื่อนการประชุมออกไปก่อน ให้สมาชิกได้มีการพูดคุยกัน ก็จะทำให้พรรคประชาธิปัตย์ ชนะไปด้วยกัน เพื่อปูทางเป็นชัยชนะคู่แข่งทางการเมืองในอนาคต พร้อมยืนยันว่า การเสนอให้เลื่อนการประชุมครั้งนี้ ไม่ได้คำนึงถึงท่าทีรัฐบาลที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ว่า หากพรรคประชาธิปัตย์ เลือกที่จะเป็นฝ่ายค้านแล้วจะให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กลับมาเป็นผู้นำพรรคอีกครั้ง เพียงแต่เห็นว่า หากมีการพูดคุยกันภายในพรรคให้ตกผลึกมากกว่านี้ ความขัดแย้งต่าง ๆ ก็จะไม่เกิดขึ้น และทำให้เกิดความร่วมมือกันภายในพรรคให้มากที่สุด แต่สุดท้ายแล้วที่ประชุมไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของนายองอาจ จึงทำให้ต้องดำเนินการประชุมต่อ

จากนั้น ที่ประชุมได้พิจารณาญัตติที่ นายสาธิต ปิตุเตชะ รองหัวหน้าพรรคฯ เสนอต่อที่ประชุมให้งดใช้ข้อบังคับพรรคฯ ในข้อที่ 87 ที่กำหนดน้ำหนักคะแนนในการลงมติเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่ง ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ 25 คน ขณะนี้ จะมีน้ำหนักคะแนนร้อยละ 70 แต่อดีต ส.ส., อดีตรัฐมนตรี, อดีตผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง, และอดีตหัวหน้าพรรคฯ จะมีน้ำหนักคะแนนเพียงร้อยละ 30 เพื่อให้องค์ประชุมมี 1 สิทธิ์ 1 เสียงเท่ากัน ซึ่งผลการลงมติปรากฏว่า สัดส่วนคะแนนมีไม่เพียงพอที่จะปรับสัดส่วนน้ำหนักคะแนน 1 สิทธิ์ 1 เสียง จึงทำให้ผลคะแนนในการเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ครั้งนี้ ยังต้องดำเนินการต่อไปบนสัดส่วนคะแนน 70:30 ก่อนที่จะมีการพักการประชุมเพื่อรับประทานอาหารกลางวัน และกลับมาประชุมต่ออีกครั้งในช่วงบ่าย

โดย นายสาธิต เปิดเผยภายหลังที่ประชุมมีมติดังกล่าวว่า จะทำให้น้ำหนักคะแนนไปขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ ส.ส.ปัจจุบันของพรรคเพียง 25 คน ดังนั้น จึงอาจทำให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคฯ ที่จะมีสมาชิกพรรคฯ เสนอชื่อเพื่อกลับมาเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พ่ายแพ้ได้


สำหรับการประชุมในช่วงบ่ายนั้น ก่อนเข้าสู่การประชุมกรรมการการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ทำการตรวจสอบองค์ประชุมก่อนเข้าสู่กระบวนการ ปรากฏว่า มีองค์ประชุมเพียง 221 คน จากองค์ประชุมขั้นต่ำ 250 ที่กฎหมายพรรคการเมืองกำหนดไว้ จึงทำให้ต้องยุติกระบวนการเลือกหัวหน้าพรรคฯ แต่นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองเลขาธิการพรรคฯ ได้ร้องขอต่อที่ประชุมให้รอองค์ประชุมก่อนประมาณ 15 นาที เพื่อให้สมาชิกกลับมาร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง หลังมีสมาชิกส่วนหนึ่งไปเก็บกระเป๋าที่โรงแรมใกล้กับสถานที่จัดประชุม แต่เมื่อมีการนับองค์ประชุมอีกครั้งกลับเหลือองค์ประชุม 201 คน ไม่ครบองค์ประชุม ทำให้การประชุมใหญ่ฯ พรรคประชาธิปัตย์ เพื่อเลือกหัวหน้าพรรคฯ และกรรมการบริหารพรรคฯ ต้องเลื่อนออกไปก่อน

โดยนายจุรินทร์ ได้กล่าวประกาศยุติการประชุมใหญ่วิสามัญพรรคประชาธิปัตย์ ตามข้อบังคับพรรค “เมื่อองค์ประชุมไม่ครบ ก็ไม่สามารถประชุมต่อได้ แต่เนื่องจาก กกต.พรรค ไม่มีอำนาจปิดการประชุม จึงเป็นอำนาจของผู้ที่ทำหน้าที่ประธานการประชุม ตามข้อบังคับพรรค เมื่อองค์ประชุมไม่ครบก็ต้องเลิกประชุม แต่ยังไม่เลิก ณ นาทีนี้ ผมขอชี้แจงความเข้าใจว่า ผมต้องขอหารือเลขาธิการพรรค เพื่อนัดประชุมกรรมการบริหารพรรค เพื่อทำการอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไป แต่สำหรับวันนี้ก็ขอยุติการประชุม” นายจุรินทร์กล่าว

นอกจากนั้น ยังมีรายงานด้วยว่า สาเหตุที่การประชุมเพื่อเลือกหัวหน้าพรรคฯ ในช่วงบ่ายต้องล่มไป เนื่องจาก สมาชิกพรรคส่วนหนึ่งไม่พอใจ และต้องการแก้เกมที่ ที่ประชุมฯ ยังคงยืนยันที่จะใช้น้ำหนักคะแนน 70:30 ตามข้อบังคับพรรค เนื่องจาก สัดส่วนคะแนน 70 คะแนนนั้น จะขึ้นอยู่กับ ส.ส.ปัจจุบันของพรรค ที่ตอนนี้มี 25 คน ส่วนน้ำหนักคะแนนอีกร้อยละ 30 ขึ้นอยู่กับ อดีต ส.ส., อดีตรัฐมนตรี, อดีตผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอื่น ๆ และอดีตหัวหน้าพรรคฯ ซึ่งมีจำนวนมากกว่า ประกอบกับ ส.ส.ปัจจุบันประมาณ 17 คน จากทั้งหมด 25 คน มีท่าทีที่จะสนับสนุนนายนราพัฒน์ แก้วทอง รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ได้รับการสนับสนุนจากนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ดังนั้น การประชุมในช่วงบ่าย จึงทำให้สมาชิกหลายคน ไม่ได้อยู่ร่วมองค์ประชุมด้วย โดยเฉพาะนายสาธิต ปิตุเตชะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และกลุ่ม อดีต ส.ส.ที่ให้การสนับสนุนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคฯ ที่นายชวน หลีกภัย อดีตประธานสภาที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคฯ จะเป็นผู้เสนอต่อที่ประชุมด้วยตนเอง และนายนราพัฒน์ ก็ยืนยันพร้อมที่จะท้าชิงตำแหน่งหากมีการเสนอชื่อ ดังนั้น จึงมีความกังวลว่า ผลคะแนนที่ออกมาจะไม่เป็นธรรม และทำให้นายนราพัฒน์ ได้รับการเลือกตั้งเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่

ทั้งนี้ ตามข้อบังคับพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้ระบุว่า หากการประชุมใหญ่วิสามัญของพรรคฯ เพื่อเลือกกรรมการบริหารพรรคฯ ต้องล่มไป จะต้องนัดการประชุมใหม่อีกครั้งเมื่อใด โดยให้ขึ้นอยู่กับกรรมการบริหารพรรคชุดรักษาการ จะเป็นผู้นัดประชุมต่อไป โดยนายจุรินทร์ ได้เปิดเผยภายหลังการประชุมล่ม ว่า ตนจะรีบนัดประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคฯ โดยเร็ว ซึ่งคาดว่า จะมีการประชุมในวันที่ 12 กรกฎาคมนี้ เพื่อยกเว้นข้อบังคับพรรค ให้เกิดการประชุมเลือกหัวหน้าพรรคฯ และกรรมการบริหารพรรคฯ ชุดใหม่อีกครั้ง

ด้าน นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคฯ ยอมรับว่า ตั้งแต่ตนเองเป็นสมาชิกพรรคมาอย่างยาวนาน ไม่เคยเกิดปรากฏการณ์เช่นนี้มาก่อน และหากที่ประชุมยอมรับข้อเสนอของตน ที่เสนอให้เลื่อนการเลือกหัวหน้าพรรคฯ ออกไป ก็จะไม่เกิดปัญหานี้ เพราะตนเอง ได้พยายามประสานทั้ง 2 กลุ่มให้มีการพูดคุยกันเพื่อหาข้อตกลงร่วมกัน แต่ไม่ได้รับไม่ได้รับการตอบสนองจากทั้ง 2 ฝ่าย .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดดัง จ.เลย

มหาสารคาม 6 ส.ค. – มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย บาดเจ็บ หลังหนีไปกบดานที่บ้านเกิด จ.มหาสารคาม ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า จากกรณี พระอธิการมานพพร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว ขับรถยนต์หลบหนีไป หลังใช้ปืนจ่อยิงพระมหาโยธิน เจ้าอาวาสวัดป่าพัฒนาราม และเจ้าคณะตำบลจอมศรี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่พระครูถาวรเทวธรรม เจ้าคณะตำบลธาตุ และเจ้าอาวาสวัดสวนธรรมเทวราช เจ้าคณะตำบลธาตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลบหนีได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เกิดเหตุในวัดพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน กระสุนปืน พกพาโดยไม่มีเหตุอันควร” วันนี้ ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พระอธิการมานพพร หรือนายมานพพร ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงพระ 2 รูป เข้ามอบตัว เนื่องจากถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก เบื้องต้นให้การว่า วันเกิดเหตุมีการปรึกษากัน แต่ไม่ได้ทะเลาะ สาเหตุมาจากตนเองโดนกลั่นแกล้งจากทางพระทั้ง […]

แรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ รัฐบาลขู่ยึดที่ดิน-ถอดสัญชาติ

6 ส.ค. – รัฐบาลกัมพูชาขู่ยึดที่ดินและถอดสัญชาติแรงงานที่ดื้ออยู่ไทย ส่งผลวันนี้ (6 ส.ค.) ชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศ ทำจุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี รถติดยาว 8 กิโลเมตร ที่จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วง 06.00 น. รถติดยาวเหยียดร่วม 8 กิโลเมตร ทั้งรถเช่าเหมา รถตู้ และรถรับจ้างที่ขนแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ ส่วนภายในบริเวณตลาดบ้านแหลม ช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังพบชาวกัมพูชาร่วมกว่า 20,000 คน ขนสัมภาระ ข้าวของ มารอเต็มหน้าด่าน มากกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นเพราะมีกระแสข่าวรัฐบาลกัมพูชาขู่จะออกมาตรการเอาจริงกับแรงงานกัมพูชาที่ยังดื้อไม่ยอมกลับประเทศก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะยึดที่ดินทำกินและถอดสัญชาติ คาดว่าจุดนี้จุดเดียวคนจะกลับกัมพูชาเฉียดครึ่งแสนคน แรงงานกัมพูชากลับประเทศ นายจ้างกลัวไปไม่กลับที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่ายังมีแรงงานกัมพูชาก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ แต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แรงงานเล่าว่าไม่อยากกลับกัมพูชา กลับไปก็ไม่มีงานทำ ทางครอบครัวที่กัมพูชาก็โทรมาห่วงว่าคนไทยจะทำร้าย […]

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย

เอาผิด 2 ข้อหา อดีตทหาร BHQ-เรียกภรรยาให้ข้อมูล

บุรีรัมย์ 6 ส.ค. – ผู้การบุรีรัมย์ เค้นสอบอดีตทหารองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ยืนยันไม่ได้เป็นสายลับ หลังถูกจับพร้อมเครื่องแบบทหาร-อาวุธปืน เบื้องต้นตั้ง 2 ข้อหา พร้อมเรียกภรรยามาให้ข้อมูล จากกรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ จับกุมนายวิน ดา ทหารเขมรชุด BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุน เซน ได้ในบ้านพักหลังหนึ่งใน อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาชาวไทย พร้อมปืนลูกซองไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด กระสุนปืนขนาด.38 อีก 3 นัด และเครื่องแบบทหารที่มีตราสัญลักษณ์ BHQ หลายรายการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารกัมพูชา หน่วยรบพิเศษ BHQ ซึ่งเป็นองครักษ์พิทักษ์สมเด็จฮุน เซน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพราะคาดว่าน่าจะเป็นสายลับเข้ามาฝังตัว ส่งความเคลื่อนไหวทางการทหารไทยให้ฝ่ายกัมพูชา รับเป็นทหารBHQ จริง แต่ไม่ใช่สายลับพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่สอบปากคำนายวิน ดา ด้วยตัวเอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง […]