กรุงเทพฯ 5 ก.ค.-“เรืองไกร” เดินหน้าส่งข้อมูลกกต.เพิ่ม ปม “พิธา” ขายที่ดินพบพิรุธหลายจุด ชี้ ได้ที่ดินมาโดยการรับโอนมรดก วันเดียวกับที่บิดาเสียชีวิต ไม่มีคำสั่งให้เป็นผู้จัดการมรดก เป็นวันเดียวกับที่เจ้าตัวไม่ได้อยู่ในประเทศไทย
นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า ตามที่สำนักข่าวอิศราเสนอข่าวเกี่ยวกับที่ดินและการถือหุ้นไอทีวีของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและเคนดิเดตนายกรัฐมนตรีมาโดยตลอด และปรากฏข้อเท็จจริงตามมาอย่างต่อเนื่อง แต่ข้อเท็จจริงที่สำนักข่าวอิศรานำมาลงข่าวมีความแตกต่างกันระหว่างการโอนที่ดินและการโอนหุ้น จนเป็นเหตุที่ต้องนำข้อเท็จจริงดังกล่าวให้กกต.ตรวจสอบต่อไป
นายเรืองไกร กล่าวว่า วันนี้(5 ก.ค.) ได้ส่งหนังสือไปถึงกกต.ทางไปรษณีย์ EMS เพื่อขอให้ตรวจสอบข้อมูลการขายที่ดินของนายพิธามีความแตกต่างจากข้อมูลการโอนหุ้นไอทีวีหรือไม่ อย่างไร ดังต่อไปนี้ 1.ปรากฏข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการที่ดินของนายพิธา ที่สำนักข่าวอิศรานำมาเปิดเผย ปรากฏว่ามีข้อมูลที่มีเหตุอันควรสงสัยหลายที่ แต่ไม่มีพิธีกรข่าว นักเล่าข่าวหรือผู้ที่แสดงความเห็นและอารมณ์เพื่อชี้นำสังคมเกินไปจากข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอีกหลาย ๆ คนที่เคยจับผิดข้อมูลบันทึกการประชุมกับคลิปเสียงออกมาตั้งข้อสังเกตเรื่องนี้ ดังนั้น เพื่อให้การตรวจสอบเปรียบเทียบข้อมูลการขายที่ดินกับข้อมูลการโอนหุ้นไอทีวี ซึ่งข้อมูลของสำนักข่าวอิศรานำมาลงอย่างต่อเนื่อง น่าจะเป็นประโยชน์ในการส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญต่อไป จึงขอให้กกต. ตรวจสอบข้อมูลการขายที่ดินของนายพิธา โฉนดที่ 13543 เลขที่ดิน 501 หน้าสำรวจ 1516 ต. วังก์พง อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 27 มี.ค. 2566
“ทำไมหลังโฉนดที่ดิน รายการจดทะเบียนเมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2560 ระบุว่า ประเภทการจดทะเบียน คือ ผู้จัดการมรดก (ตามคำสั่งศาลแพ่งกรุงเทพใต้ คดีหมายเลขแดงที่ 1860/2550 ลว. 16 มี.ค. 50) ผู้ให้สัญญา คือ นายพงษ์ศักดิ์ ลิ้มเจริญรัตน์(ตาย) ผู้รับสัญญา คือ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ (ผู้จัดการมรดก นายพงษ์ศักดิ์ ลิ้มเจริญรัตน์) ทำไมในหลังโฉนดที่ดิน รายการจดทะเบียนเมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2560 ลำดับต่อมา ระบุว่า ประเภทการจดทะเบียน คือ โอนมรดก ผู้ให้สัญญา คือ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ (ผู้จัดการมรดก นายพงษ์ศักดิ์ ลิ้มเจริญรัตน์) ผู้รับสัญญา คือ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ทำไมบันทึกถ้อยคำการชำระภาษีอากร เมื่อวันที่ 27 มี.ค. 2566 ระบุในข้อ 1. ว่า ข้าพเจ้าผู้โอนได้อสังหาริมทรัพย์นี้ มาโดย (1) การรับโอนมรดกเมื่อวันที่ 18 ก.ย. 2549 ทำไมหนังสือสัญญาขายที่ดิน เมื่อวันที่ 27 มี.ค. 2566 ข้อ 4. ระบุว่า ผู้ขายได้ที่ดินมาโดย การรับโอนมรดก เมื่อวันที่ 18 ก.ย. 2549 ไม่ค้างชำระภาษีบำรุงท้องที่” นายเรืองไกร กล่าว
นายเรืองไกร กล่าวว่า ข้อ 2. ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการที่ดินของนายพิธาข้างต้น ทำไมจึงแตกต่างจากข้อเท็จจริงการเป็นผู้ถือหุ้น ไอทีวี ตามแบบ บมจ.006 ตามรายงานการประชุมผู้ถือหุ้น ตั้งแต่ปี 2551 ถึงปี 2566 ซึ่งมีการระบุชื่อผู้ถือหุ้นคือนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ โดยไม่มีการระบุวงเล็บท้ายชื่อว่า “(ผู้จัดการมรดก นายพงษ์ศักดิ์ ลิ้มเจริญรัตน์)” ไว้ รายละเอียดปรากฏตามที่สำนักข่าวอิศรา หัวข้อ ดูชัด ๆ หุ้น ITV ‘พิธา’ 42,000 หุ้น ปี 2551-2566 ไม่ระบุ ‘ผจก.กองมรดก’ ได้มานำลงข่าวไว้แล้ว ทั้งนี้ ต่อมาวันที่ 25 พ.ค. 2566 นายพิธาได้โอนหุ้นออกไปแล้ว ข้อ 3. ข้อสังเกต การระบุในบันทึกถ้อยคำการชำระภาษีอากร เมื่อวันที่ 27 มี.ค. 2566 ข้อ 1. ว่า ข้าพเจ้าผู้โอนได้อสังหาริมทรัพย์นี้ มาโดย (1) การรับโอนมรดกเมื่อวันที่ 18 ก.ย. 2549 และการระบุในหนังสือสัญญาขายที่ดิน เมื่อวันที่ 27 มี.ค. 2566
“ข้อ 4. ระบุว่าผู้ขายได้ที่ดินมาโดยการรับโอนมรดก เมื่อวันที่ 18 ก.ย. 2549 นั้นถูกต้องหรือไม่ เนื่องจากเป็นวันที่ 18 ก.ย. 2549 เป็นวันที่นายพงษ์ศักดิ์ ลิ้มเจริญรัตน์ ตาย และเป็นวันก่อนที่ศาลแพ่งจะมีคำสั่งตั้งผู้จัดการมรดก เมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2550 และในวันที่ 18 ก.ย. 2549 นายพิธาไม่ได้อยู่ในประเทศไทย ดังนั้น รายการจดทะเบียนที่ดินดังกล่าว แตกต่างจากทะเบียนผู้ถือหุ้น บมจ.006 หรือไม่อย่างไร” นายเรืองไกร กล่าว.-สำนักข่าวไทย