“พล.อ.ประวิตร” นำทีมเปิดนโยบายอีสานประชารัฐ

พรรคพลังประชารัฐ 20 เม.ย.- “พล.อ.ประวิตร” นำทีมเปิดนโยบายอีสานประชารัฐ ทำรถไฟรางคู่อีสาน-ตะวันออก เอาใจคนอีสาน วอนเลือกผู้สมัครทั้ง 133 เขต ชนะแลนด์สไลด์ ดัน “ลุงป้อม” เป็นนายกฯ ทำทันที


พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เปิดนโยบายพัฒนาอีสานประชารัฐ โดยพรรคมีแนวทางพัฒนาพื้นที่ 24 จังหวัดภาคอีสาน เป็นนโยบายพัฒนาภาคอีสานด้วยรถไฟรางคู่ บึงกาฬ-อู่ตะเภา สอดรับโครงการ EEC โดยทางรถไฟจะผ่าน 13 จังหวัด ได้แก่ บึงกาฬ อุดรธานี สกลนคร กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด สุรินทร์ บุรีรัมย์ นครราชสีมา สระแก้ว ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง และเชื่อมต่อ 11 จังหวัด ได้แก่ หนองคาย ขอนแก่น ชัยภูมิ นครพนม มุกดาหาร อุบลราชธานี อำนาจเจริญ ยโสธร ศรีสะเกษ หนองคาย และหนองบัวลำภู ระยะทางรวมประมาณ 480 กิโลเมตร โดยเราจะสร้างเมื่อเราเป็นรัฐบาล พร้อมกันนี้ ยังมีโครงการสร้างทางหลวงพิเศษ 8 ช่องจราจร สร้างนิคมอุตสาหกรรมขนาด 20,000 ไร่ 6 แห่ง สร้างวิทยาลัยอาชีวะใกล้นิคม นิคมละ 2 แห่ง รวม 12 แห่ง เพื่อเตรียมคน และสร้างท่าเรือบก 3 แห่ง รองรับการขนส่งสินค้าอุตสาหกรรม ดังนั้น ขอให้ชาวอีสานเลือกผู้สมัครพลังประชารัฐทั้ง 133 เขต

“ทำเพื่อคนอีสานโดยเฉพาะ เพื่อให้คนอีสานมีงานทำ สร้างงาน สร้างอาชีพ เราทำโครงการนี้ขึ้นมาเพื่อชาวอีสาน โดยเฉพาะภาคอีสาน 133 เขต เป็น 1 ใน 3 ของประเทศนะครับ” พล.อ.ประวิตร กล่าว


เมื่อถามถึงงบประมาณที่ใช้ในโครงการนี้ พล.อ.ประวิตร ถึงกับร้องว่า “โอ้โห เดี๋ยวเขาคิด ผมก็ยังไม่ได้คิดเหมือนกัน คุณจะคิดได้อย่างไร”

ส่วนการทำโครงการ Mega Project ไปที่ภาคอีสานอย่างเดียว จะทำให้ภาคอื่นน้อยใจหรือไม่นั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เราทำอีสานก่อน ต่อไปจะทำภาคเหนือและภาคใต้ต่อไป

เมื่อถามย้ำว่า โครงการนี้จะเน้นเฉพาะช่วงหาเสียงหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เฉพาะโครงการนี้โครงการเดียวก็คิดมาหลายปีแล้ว อย่าคิดว่าจะเสร็จพรุ่งนี้ เพราะถ้าเสร็จพรุ่งนี้ผมก็ทำเลย และขอไม่ต้องห่วงว่าที่อื่นจะน้อยใจ ขอบคุณนะครับที่เป็นห่วง แต่ผมไม่ห่วงนะครับ


สำหรับโครงการนี้คาดหวังจะได้คะแนนเสียงในภาคอีสานเพิ่มขึ้นหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ถ้าไม่คิดว่าได้คะแนนเสียงก็คงไม่คิดโครงการนี้

ด้านนายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า เป็นการเปิดนโยบายอีสานประชารัฐ เชื่อมต่อกับภาคตะวันออก ซึ่งเป็นเส้นทางขนส่งสินค้า สัญจรจากอีสานเชื่อมต่อกับทะเล และมาสนามบินอู่ตะเภา เพื่อเปิดภาคอีสานของเราให้ทันต่อโลก ที่ผ่านมาขอแต่แลนด์สไลด์ แต่ไม่เห็นพรรคการเมืองใดที่จะพัฒนาอีสานให้พ้นจากความยากจน อยู่ดีกินดี นำเทคโนโลยี นำเงินลงทุนจำนวนมหาศาล เพื่อไปพัฒนาภาคอีสาน มีเพียงพรรคพลังประชารัฐที่ให้ความสำคัญต่อพี่น้องชาวอีสาน ที่ตลอดเวลากว่า 20 ปี ไม่ได้รับการพัฒนาใดๆ พรรคจึงมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะก่อสร้างทางรถไฟความเร็วรางคู่ จากบึงกาฬ ผ่านอีสาน ทั้งภาคตะวันออก มาถึงท่าเรือมาบตาพุด-แหลมฉบัง และสนามบินอู่ตะเภา ทางรถไฟเพื่อเปิดโลกให้ชาวอีสาน

นายสันติ กล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีทางด่วนพิเศษ 8 ช่องจราจร ควบคู่มากับทางรถไฟ พร้อมกันนั้นตลอด 480 กิโลเมตรที่ทางรถไฟวิ่งผ่าน พลังประชารัฐมีโครงการสร้างนิคมอุตสาหกรรม ด้านละ 3 นิคมอุตสาหกรรม ตลอดแนวทางของรถไฟ และตลอดแนวทางของทางด่วน รวม 6 นิคมอุตสาหกรรม เพื่อเป็นการสร้างงาน และขณะเดียวกันได้เตรียมวิทยาลัยอาชีวะ เพื่อเรียนรู้พัฒนาอาชีพ เพื่อให้ลูกหลานชาวอีสานมีความรู้ความสามารถในเทคโนโลยีต่างๆ ให้ทันกับโลก เพื่อป้อนให้กับนิคมอุตสาหกรรมทั้ง 6 แห่ง ซึ่งแต่ละแห่งจะมีประมาณ 1,000 โรงงานอุตสาหกรรม รวม 6,000 โรงงาน ซึ่งจะสร้างเม็ดเงิน 4.5 ล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าคนอีสานจะสามารถลืมตาอ้าปากได้ ขณะเดียวกัน จะมีการสร้างท่าเรือบก ที่มีศักยภาพเท่าท่าเรือคลองเตย เพื่อรองรับสินค้า และรถไฟทางคู่ ความเร็วประมาณ 100-150 กิโลเมตร/ชั่วโมง

ทั้งนี้ 6 นิคมอุตสาหกรรม จะเปิดให้ทั่วโลกเข้ามาตั้งโรงงานและลงทุนได้ ซึ่งขณะนี้มีจีนและยุโรปให้ความสนใจ

“การพัฒนาภาคอีสานครั้งนี้ได้ต่อเชื่อมกับ EEC ซึ่งอยู่ทางภาคตะวันออก ซึ่ง EEC ของเราพัฒนามาเกือบ 30 ปีแล้ว ขณะนี้มีความเจริญ มีความพร้อมเต็มที่ มีทั้งโรงงานตรวจสอบคุณภาพสินค้าต่างๆ ที่จะส่งออกต่างประเทศ” นายสันติ กล่าว

นายสันติ ย้ำว่า พรรคมีนโยบายก้าวข้ามความขัดแย้ง เพื่อให้พี่น้องประชาชนมีความสมัครสมานสามัคคีกัน ซึ่งจะทำให้การพัฒนาเป็นไปอย่างรวดเร็ว และเราตั้งใจว่าจะให้พี่น้องชาวอีสานก้าวข้ามความยากจน ซึ่งหากพี่น้องชาวอีสานเลือก ผู้สมัครจากพรรคพลังประชารัฐครั้ง 133 เขต หัวหน้าพรรคยืนยันว่าจะทำจริง ทำทันทีในโครงการอีสาน หากได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งเป็นความตั้งใจและเป็นความมุ่งมั่นในการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนอีสาน ให้เกิดความเจริญรุ่งเรือง

สำหรับงบประมาณที่จะใช้ทั้งโครงการนั้น นายสันติ ไม่ตอบว่าใช้เท่าไหร่ บอกเพียงว่า นิคมอุตสาหกรรมทั้ง 6 แห่ง ต้องเวนคืนที่ดิน โดยจะจ่ายค่าเวนคืนให้กับพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่ ให้การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเป็นแม่งานในการดำเนินการ ส่วนเงินทุนมาจากไหนนั้น ในนิคมอุตสาหกรรมแต่ละแห่งทั้ง 6 แห่ง เราจะเชิญชวนให้โรงงานจากทั่วโลกมาตั้งโรงงาน โดยใช้เทคโนโลยีของแต่ละประเทศมาใช้ที่เมืองไทย ดังนั้น เงินทุนก็เป็นเงินทุนที่จะมาจากแต่ละโรงงานที่จะมาเช่า หรือซื้อที่นี้เพื่อมาตั้งโรงงานอุตสาหกรรม

นายสันติ กล่าวว่า ในเรื่องของงบประมาณที่จะใช้กับรถไฟรางคู่และทางด่วนแต่ละช่องจราจรนั้น นอกเหนือจากการใช้งบประมาณแล้ว เรามีระบบ PPP ให้เอกชนมาร่วมลงทุนในการดำเนินการ ซึ่งเป็นเงินไม่มาก สามารถทำได้อยู่แล้ว และทางด่วนเหล่านี้เป็นทางด่วนเรื่องการขนส่ง ก็จะมีค่าขนส่งกลับมา

“ของเราอย่าใช้คำว่าไปแข่งกับแลนด์สไลด์ เรามีความตั้งใจจะพัฒนาอีสาน ให้ลูกหลานของชาวอีสานมีศักยภาพ มีความสามารถ และให้คนอีสานก้าวผ่านความยากจน ให้คนสร้างงาน สร้างอาชีพ พัฒนาความยากจน เรามั่นใจว่าชาวอีสานก็จะต้องเลือกพรรคพลังประชารัฐทั้ง 133 เขต เพื่อให้พรรคพลังประชารัฐสามารถเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล และใน 133 เสียงที่พี่น้องชาวอีสานเลือกก็จะเข้าไปสู่สภาฯ ไปยกมือสนับสนุนให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคของเรา เป็นนายกฯ และผมยืนยันว่า โครงการเหล่านี้ทำจริง ทำทันที แต่เราจะต้องมีนายกรัฐมนตรีเป็นคนใช้อำนาจในการผลักดันโครงการดีๆ อย่างนี้ที่เราจะพัฒนาภาคอีสาน ผมยืนยันเราทำจริง ทำทันที” นายสันติ กล่าว

ด้านนายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ก่อนแถลงนโยบายได้ยื่นเรื่องไปยัง กกต.แล้ว และยืนยันว่าโครงการนี้ทำได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันเสาร์ที่ 22 เม.ย.นี้ พล.อ.ประวิตร และแกนนำ จะนั่งรถไฟไปจังหวัดนครราชสีมา พร้อมยอมรับว่าจะเป็นการไปสำรวจเส้นทางตามโครงการนี้ด้วย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

“วัดพระบาทน้ำพุ” แจงเงินวัด เข้าแล้วออกไปไหน

ลพบุรี 8 ส.ค. – หลังจากมีกระแสข่าวเกี่ยวกับวัดพระบาทน้ำพุ ก็มีเสียงสะท้อนออกมาหลายแง่มุม ขณะที่บางส่วนตั้งคำถามเกี่ยวกับเงินวัดที่มีการเปิดรับบริจาค และการดูแลผู้ป่วยเอชไอวี ว่ายังมีความจำเป็นหรือไม่.-สำนักข่าวไทย

บุกจับเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.-กำนัน ทุจริตที่ดินเอื้อนายทุน

สระบุรี 8 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” นำกำลังบุกจับเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.สระบุรี-กำนัน ร่วมกันทุจริตออกเอกสารสิทธิ ส.ป.ก. 600-700 ไร่ เอื้อประโยชน์นายทุนสร้างบ้านพักหรู พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อมด้วย นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ที่ปรึกษาด้านกฎหมายฯ รมว.เกษตรและสหกรณ์ นำกำลังเข้าจับกุมนายวิชยุตม์ อายุ 42 ปี นายช่างสำรวจชำนาญงาน ขณะกำลังนั่งปฏิบัติหน้าที่อยู่ในห้องทำงาน ที่สำนักงานปฏิรูปที่ดินจังหวัดสระบุรี และนายสิปปกร อายุ 57 ปี กำนัน ต.หนองย่างเสือ อ.หมวกเหล็ก ตามหมายจับศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นเจ้าหน้าที่รัฐร่วมกันปฏิบัติหรือเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นเจ้าพนักงานแต่กลับร่วมกันกระทำการรับรองเอกสารอันเป็นเท็จ หลังพบใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบเอื้อประโยชน์ให้กับนายทุนเข้าบุกรุกหรือครอบครองที่ป่าไม้ในพื้นที่ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้มีการตรวจสอบพบคาเฟ่ รีสอร์ตหรูแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ก่อสร้างบุกรุกผืนป่า จึงเร่งขยายตรวจสอบที่ไปที่มาของการเข้าครอบครองที่ดินดังกล่าว กระทั่งพบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐบางส่วนใช้อำนาจหน้าที่เอื้อประโยชน์ให้กับนายทุน ด้วยการออกเอกสารสิทธิ ส.ป.ก.4-01 เพื่อใช้อ้างสิทธิเข้าครอบครอง […]

ยิงกำนันเล้น

ออกหมายจับ “ไอ้ ด.” มือปืนขาเป๋ ยิงถล่มกำนันเล้น ตร.ไล่ล่ากระชั้นชิด

ตรัง 8 ส.ค. – ออกหมายจับ ไอ้ ด. มือปืนขาเป๋ ยิง M16 ถล่มดับกำนันเล้น จ.ตรัง เผยปมสังหารจากคนเคยช่วยเหลือกลับขัดแย้ง-ขู่ฆ่า ผู้การตรังเผยแกะรอยเบาะแสไล่ล่าเป็นประโยชน์ ติดตามตัวแบบหายใจรดต้นคอ ลั่นต้องจับให้ได้ ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดตรังเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 ว่า จากกรณีคนร้ายชายในชุดดำสวมหมวกกันน็อกปิดบังใบหน้า ใช้อาวุธสงคราม M16 ยิงถล่มนายบัณฑิต รองพล หรือ กำนันเล้น อายุ 57 ปี กำนันตำบลนาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง และประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอห้วยยอด จนเสียชีวิต กระสุนเจาะประตูรถฝั่งคนขับพรุน 15 นัด ปลอกกระสุนขนาด 5.56 ตกกระจายเกลื่อน เหตุเกิดช่วงเวลาประมาณ 01.00 น. วันที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมา บริเวณหน้าบ้านของนายบัณฑิต พื้นที่หมู่ 9 ต.นาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ซึ่งเป็นช่วงระหว่างที่นายบัณฑิตเดินทางกลับจากงานเลี้ยงงานแต่งงาน […]

“บุ๋ม ปนัดดา” พร้อมชน “มาลี”

กรุงเทพฯ 8 ส.ค. – ฮือฮาและเป็นที่พูดถึงอย่างมาก สำหรับการแต่งตั้ง “ดร.บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี” นั่งโฆษก ศบ.ทก.จิตอาสา ด้าน “บุ๋ม” เปิดใจ เป็นคนชัดเจน ตรงไปตรงมา พร้อมชน “มาลี” ลั่นไม่กลัวเฟคนิวส์.-สำนักข่าวไทย