พรรคพลังประชารัฐ 20 เม.ย.- “พล.อ.ประวิตร” นำทีมเปิดนโยบายอีสานประชารัฐ ทำรถไฟรางคู่อีสาน-ตะวันออก เอาใจคนอีสาน วอนเลือกผู้สมัครทั้ง 133 เขต ชนะแลนด์สไลด์ ดัน “ลุงป้อม” เป็นนายกฯ ทำทันที
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เปิดนโยบายพัฒนาอีสานประชารัฐ โดยพรรคมีแนวทางพัฒนาพื้นที่ 24 จังหวัดภาคอีสาน เป็นนโยบายพัฒนาภาคอีสานด้วยรถไฟรางคู่ บึงกาฬ-อู่ตะเภา สอดรับโครงการ EEC โดยทางรถไฟจะผ่าน 13 จังหวัด ได้แก่ บึงกาฬ อุดรธานี สกลนคร กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด สุรินทร์ บุรีรัมย์ นครราชสีมา สระแก้ว ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง และเชื่อมต่อ 11 จังหวัด ได้แก่ หนองคาย ขอนแก่น ชัยภูมิ นครพนม มุกดาหาร อุบลราชธานี อำนาจเจริญ ยโสธร ศรีสะเกษ หนองคาย และหนองบัวลำภู ระยะทางรวมประมาณ 480 กิโลเมตร โดยเราจะสร้างเมื่อเราเป็นรัฐบาล พร้อมกันนี้ ยังมีโครงการสร้างทางหลวงพิเศษ 8 ช่องจราจร สร้างนิคมอุตสาหกรรมขนาด 20,000 ไร่ 6 แห่ง สร้างวิทยาลัยอาชีวะใกล้นิคม นิคมละ 2 แห่ง รวม 12 แห่ง เพื่อเตรียมคน และสร้างท่าเรือบก 3 แห่ง รองรับการขนส่งสินค้าอุตสาหกรรม ดังนั้น ขอให้ชาวอีสานเลือกผู้สมัครพลังประชารัฐทั้ง 133 เขต
“ทำเพื่อคนอีสานโดยเฉพาะ เพื่อให้คนอีสานมีงานทำ สร้างงาน สร้างอาชีพ เราทำโครงการนี้ขึ้นมาเพื่อชาวอีสาน โดยเฉพาะภาคอีสาน 133 เขต เป็น 1 ใน 3 ของประเทศนะครับ” พล.อ.ประวิตร กล่าว
เมื่อถามถึงงบประมาณที่ใช้ในโครงการนี้ พล.อ.ประวิตร ถึงกับร้องว่า “โอ้โห เดี๋ยวเขาคิด ผมก็ยังไม่ได้คิดเหมือนกัน คุณจะคิดได้อย่างไร”
ส่วนการทำโครงการ Mega Project ไปที่ภาคอีสานอย่างเดียว จะทำให้ภาคอื่นน้อยใจหรือไม่นั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เราทำอีสานก่อน ต่อไปจะทำภาคเหนือและภาคใต้ต่อไป
เมื่อถามย้ำว่า โครงการนี้จะเน้นเฉพาะช่วงหาเสียงหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เฉพาะโครงการนี้โครงการเดียวก็คิดมาหลายปีแล้ว อย่าคิดว่าจะเสร็จพรุ่งนี้ เพราะถ้าเสร็จพรุ่งนี้ผมก็ทำเลย และขอไม่ต้องห่วงว่าที่อื่นจะน้อยใจ ขอบคุณนะครับที่เป็นห่วง แต่ผมไม่ห่วงนะครับ
สำหรับโครงการนี้คาดหวังจะได้คะแนนเสียงในภาคอีสานเพิ่มขึ้นหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ถ้าไม่คิดว่าได้คะแนนเสียงก็คงไม่คิดโครงการนี้
ด้านนายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า เป็นการเปิดนโยบายอีสานประชารัฐ เชื่อมต่อกับภาคตะวันออก ซึ่งเป็นเส้นทางขนส่งสินค้า สัญจรจากอีสานเชื่อมต่อกับทะเล และมาสนามบินอู่ตะเภา เพื่อเปิดภาคอีสานของเราให้ทันต่อโลก ที่ผ่านมาขอแต่แลนด์สไลด์ แต่ไม่เห็นพรรคการเมืองใดที่จะพัฒนาอีสานให้พ้นจากความยากจน อยู่ดีกินดี นำเทคโนโลยี นำเงินลงทุนจำนวนมหาศาล เพื่อไปพัฒนาภาคอีสาน มีเพียงพรรคพลังประชารัฐที่ให้ความสำคัญต่อพี่น้องชาวอีสาน ที่ตลอดเวลากว่า 20 ปี ไม่ได้รับการพัฒนาใดๆ พรรคจึงมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะก่อสร้างทางรถไฟความเร็วรางคู่ จากบึงกาฬ ผ่านอีสาน ทั้งภาคตะวันออก มาถึงท่าเรือมาบตาพุด-แหลมฉบัง และสนามบินอู่ตะเภา ทางรถไฟเพื่อเปิดโลกให้ชาวอีสาน
นายสันติ กล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีทางด่วนพิเศษ 8 ช่องจราจร ควบคู่มากับทางรถไฟ พร้อมกันนั้นตลอด 480 กิโลเมตรที่ทางรถไฟวิ่งผ่าน พลังประชารัฐมีโครงการสร้างนิคมอุตสาหกรรม ด้านละ 3 นิคมอุตสาหกรรม ตลอดแนวทางของรถไฟ และตลอดแนวทางของทางด่วน รวม 6 นิคมอุตสาหกรรม เพื่อเป็นการสร้างงาน และขณะเดียวกันได้เตรียมวิทยาลัยอาชีวะ เพื่อเรียนรู้พัฒนาอาชีพ เพื่อให้ลูกหลานชาวอีสานมีความรู้ความสามารถในเทคโนโลยีต่างๆ ให้ทันกับโลก เพื่อป้อนให้กับนิคมอุตสาหกรรมทั้ง 6 แห่ง ซึ่งแต่ละแห่งจะมีประมาณ 1,000 โรงงานอุตสาหกรรม รวม 6,000 โรงงาน ซึ่งจะสร้างเม็ดเงิน 4.5 ล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าคนอีสานจะสามารถลืมตาอ้าปากได้ ขณะเดียวกัน จะมีการสร้างท่าเรือบก ที่มีศักยภาพเท่าท่าเรือคลองเตย เพื่อรองรับสินค้า และรถไฟทางคู่ ความเร็วประมาณ 100-150 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ทั้งนี้ 6 นิคมอุตสาหกรรม จะเปิดให้ทั่วโลกเข้ามาตั้งโรงงานและลงทุนได้ ซึ่งขณะนี้มีจีนและยุโรปให้ความสนใจ
“การพัฒนาภาคอีสานครั้งนี้ได้ต่อเชื่อมกับ EEC ซึ่งอยู่ทางภาคตะวันออก ซึ่ง EEC ของเราพัฒนามาเกือบ 30 ปีแล้ว ขณะนี้มีความเจริญ มีความพร้อมเต็มที่ มีทั้งโรงงานตรวจสอบคุณภาพสินค้าต่างๆ ที่จะส่งออกต่างประเทศ” นายสันติ กล่าว
นายสันติ ย้ำว่า พรรคมีนโยบายก้าวข้ามความขัดแย้ง เพื่อให้พี่น้องประชาชนมีความสมัครสมานสามัคคีกัน ซึ่งจะทำให้การพัฒนาเป็นไปอย่างรวดเร็ว และเราตั้งใจว่าจะให้พี่น้องชาวอีสานก้าวข้ามความยากจน ซึ่งหากพี่น้องชาวอีสานเลือก ผู้สมัครจากพรรคพลังประชารัฐครั้ง 133 เขต หัวหน้าพรรคยืนยันว่าจะทำจริง ทำทันทีในโครงการอีสาน หากได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งเป็นความตั้งใจและเป็นความมุ่งมั่นในการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนอีสาน ให้เกิดความเจริญรุ่งเรือง
สำหรับงบประมาณที่จะใช้ทั้งโครงการนั้น นายสันติ ไม่ตอบว่าใช้เท่าไหร่ บอกเพียงว่า นิคมอุตสาหกรรมทั้ง 6 แห่ง ต้องเวนคืนที่ดิน โดยจะจ่ายค่าเวนคืนให้กับพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่ ให้การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเป็นแม่งานในการดำเนินการ ส่วนเงินทุนมาจากไหนนั้น ในนิคมอุตสาหกรรมแต่ละแห่งทั้ง 6 แห่ง เราจะเชิญชวนให้โรงงานจากทั่วโลกมาตั้งโรงงาน โดยใช้เทคโนโลยีของแต่ละประเทศมาใช้ที่เมืองไทย ดังนั้น เงินทุนก็เป็นเงินทุนที่จะมาจากแต่ละโรงงานที่จะมาเช่า หรือซื้อที่นี้เพื่อมาตั้งโรงงานอุตสาหกรรม
นายสันติ กล่าวว่า ในเรื่องของงบประมาณที่จะใช้กับรถไฟรางคู่และทางด่วนแต่ละช่องจราจรนั้น นอกเหนือจากการใช้งบประมาณแล้ว เรามีระบบ PPP ให้เอกชนมาร่วมลงทุนในการดำเนินการ ซึ่งเป็นเงินไม่มาก สามารถทำได้อยู่แล้ว และทางด่วนเหล่านี้เป็นทางด่วนเรื่องการขนส่ง ก็จะมีค่าขนส่งกลับมา
“ของเราอย่าใช้คำว่าไปแข่งกับแลนด์สไลด์ เรามีความตั้งใจจะพัฒนาอีสาน ให้ลูกหลานของชาวอีสานมีศักยภาพ มีความสามารถ และให้คนอีสานก้าวผ่านความยากจน ให้คนสร้างงาน สร้างอาชีพ พัฒนาความยากจน เรามั่นใจว่าชาวอีสานก็จะต้องเลือกพรรคพลังประชารัฐทั้ง 133 เขต เพื่อให้พรรคพลังประชารัฐสามารถเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล และใน 133 เสียงที่พี่น้องชาวอีสานเลือกก็จะเข้าไปสู่สภาฯ ไปยกมือสนับสนุนให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคของเรา เป็นนายกฯ และผมยืนยันว่า โครงการเหล่านี้ทำจริง ทำทันที แต่เราจะต้องมีนายกรัฐมนตรีเป็นคนใช้อำนาจในการผลักดันโครงการดีๆ อย่างนี้ที่เราจะพัฒนาภาคอีสาน ผมยืนยันเราทำจริง ทำทันที” นายสันติ กล่าว
ด้านนายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ก่อนแถลงนโยบายได้ยื่นเรื่องไปยัง กกต.แล้ว และยืนยันว่าโครงการนี้ทำได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันเสาร์ที่ 22 เม.ย.นี้ พล.อ.ประวิตร และแกนนำ จะนั่งรถไฟไปจังหวัดนครราชสีมา พร้อมยอมรับว่าจะเป็นการไปสำรวจเส้นทางตามโครงการนี้ด้วย.-สำนักข่าวไทย