“พล.อ.ประวิตร” นำทีมเปิดนโยบายอีสานประชารัฐ

พรรคพลังประชารัฐ 20 เม.ย.- “พล.อ.ประวิตร” นำทีมเปิดนโยบายอีสานประชารัฐ ทำรถไฟรางคู่อีสาน-ตะวันออก เอาใจคนอีสาน วอนเลือกผู้สมัครทั้ง 133 เขต ชนะแลนด์สไลด์ ดัน “ลุงป้อม” เป็นนายกฯ ทำทันที


พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เปิดนโยบายพัฒนาอีสานประชารัฐ โดยพรรคมีแนวทางพัฒนาพื้นที่ 24 จังหวัดภาคอีสาน เป็นนโยบายพัฒนาภาคอีสานด้วยรถไฟรางคู่ บึงกาฬ-อู่ตะเภา สอดรับโครงการ EEC โดยทางรถไฟจะผ่าน 13 จังหวัด ได้แก่ บึงกาฬ อุดรธานี สกลนคร กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด สุรินทร์ บุรีรัมย์ นครราชสีมา สระแก้ว ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง และเชื่อมต่อ 11 จังหวัด ได้แก่ หนองคาย ขอนแก่น ชัยภูมิ นครพนม มุกดาหาร อุบลราชธานี อำนาจเจริญ ยโสธร ศรีสะเกษ หนองคาย และหนองบัวลำภู ระยะทางรวมประมาณ 480 กิโลเมตร โดยเราจะสร้างเมื่อเราเป็นรัฐบาล พร้อมกันนี้ ยังมีโครงการสร้างทางหลวงพิเศษ 8 ช่องจราจร สร้างนิคมอุตสาหกรรมขนาด 20,000 ไร่ 6 แห่ง สร้างวิทยาลัยอาชีวะใกล้นิคม นิคมละ 2 แห่ง รวม 12 แห่ง เพื่อเตรียมคน และสร้างท่าเรือบก 3 แห่ง รองรับการขนส่งสินค้าอุตสาหกรรม ดังนั้น ขอให้ชาวอีสานเลือกผู้สมัครพลังประชารัฐทั้ง 133 เขต

“ทำเพื่อคนอีสานโดยเฉพาะ เพื่อให้คนอีสานมีงานทำ สร้างงาน สร้างอาชีพ เราทำโครงการนี้ขึ้นมาเพื่อชาวอีสาน โดยเฉพาะภาคอีสาน 133 เขต เป็น 1 ใน 3 ของประเทศนะครับ” พล.อ.ประวิตร กล่าว


เมื่อถามถึงงบประมาณที่ใช้ในโครงการนี้ พล.อ.ประวิตร ถึงกับร้องว่า “โอ้โห เดี๋ยวเขาคิด ผมก็ยังไม่ได้คิดเหมือนกัน คุณจะคิดได้อย่างไร”

ส่วนการทำโครงการ Mega Project ไปที่ภาคอีสานอย่างเดียว จะทำให้ภาคอื่นน้อยใจหรือไม่นั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เราทำอีสานก่อน ต่อไปจะทำภาคเหนือและภาคใต้ต่อไป

เมื่อถามย้ำว่า โครงการนี้จะเน้นเฉพาะช่วงหาเสียงหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เฉพาะโครงการนี้โครงการเดียวก็คิดมาหลายปีแล้ว อย่าคิดว่าจะเสร็จพรุ่งนี้ เพราะถ้าเสร็จพรุ่งนี้ผมก็ทำเลย และขอไม่ต้องห่วงว่าที่อื่นจะน้อยใจ ขอบคุณนะครับที่เป็นห่วง แต่ผมไม่ห่วงนะครับ


สำหรับโครงการนี้คาดหวังจะได้คะแนนเสียงในภาคอีสานเพิ่มขึ้นหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ถ้าไม่คิดว่าได้คะแนนเสียงก็คงไม่คิดโครงการนี้

ด้านนายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า เป็นการเปิดนโยบายอีสานประชารัฐ เชื่อมต่อกับภาคตะวันออก ซึ่งเป็นเส้นทางขนส่งสินค้า สัญจรจากอีสานเชื่อมต่อกับทะเล และมาสนามบินอู่ตะเภา เพื่อเปิดภาคอีสานของเราให้ทันต่อโลก ที่ผ่านมาขอแต่แลนด์สไลด์ แต่ไม่เห็นพรรคการเมืองใดที่จะพัฒนาอีสานให้พ้นจากความยากจน อยู่ดีกินดี นำเทคโนโลยี นำเงินลงทุนจำนวนมหาศาล เพื่อไปพัฒนาภาคอีสาน มีเพียงพรรคพลังประชารัฐที่ให้ความสำคัญต่อพี่น้องชาวอีสาน ที่ตลอดเวลากว่า 20 ปี ไม่ได้รับการพัฒนาใดๆ พรรคจึงมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะก่อสร้างทางรถไฟความเร็วรางคู่ จากบึงกาฬ ผ่านอีสาน ทั้งภาคตะวันออก มาถึงท่าเรือมาบตาพุด-แหลมฉบัง และสนามบินอู่ตะเภา ทางรถไฟเพื่อเปิดโลกให้ชาวอีสาน

นายสันติ กล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีทางด่วนพิเศษ 8 ช่องจราจร ควบคู่มากับทางรถไฟ พร้อมกันนั้นตลอด 480 กิโลเมตรที่ทางรถไฟวิ่งผ่าน พลังประชารัฐมีโครงการสร้างนิคมอุตสาหกรรม ด้านละ 3 นิคมอุตสาหกรรม ตลอดแนวทางของรถไฟ และตลอดแนวทางของทางด่วน รวม 6 นิคมอุตสาหกรรม เพื่อเป็นการสร้างงาน และขณะเดียวกันได้เตรียมวิทยาลัยอาชีวะ เพื่อเรียนรู้พัฒนาอาชีพ เพื่อให้ลูกหลานชาวอีสานมีความรู้ความสามารถในเทคโนโลยีต่างๆ ให้ทันกับโลก เพื่อป้อนให้กับนิคมอุตสาหกรรมทั้ง 6 แห่ง ซึ่งแต่ละแห่งจะมีประมาณ 1,000 โรงงานอุตสาหกรรม รวม 6,000 โรงงาน ซึ่งจะสร้างเม็ดเงิน 4.5 ล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าคนอีสานจะสามารถลืมตาอ้าปากได้ ขณะเดียวกัน จะมีการสร้างท่าเรือบก ที่มีศักยภาพเท่าท่าเรือคลองเตย เพื่อรองรับสินค้า และรถไฟทางคู่ ความเร็วประมาณ 100-150 กิโลเมตร/ชั่วโมง

ทั้งนี้ 6 นิคมอุตสาหกรรม จะเปิดให้ทั่วโลกเข้ามาตั้งโรงงานและลงทุนได้ ซึ่งขณะนี้มีจีนและยุโรปให้ความสนใจ

“การพัฒนาภาคอีสานครั้งนี้ได้ต่อเชื่อมกับ EEC ซึ่งอยู่ทางภาคตะวันออก ซึ่ง EEC ของเราพัฒนามาเกือบ 30 ปีแล้ว ขณะนี้มีความเจริญ มีความพร้อมเต็มที่ มีทั้งโรงงานตรวจสอบคุณภาพสินค้าต่างๆ ที่จะส่งออกต่างประเทศ” นายสันติ กล่าว

นายสันติ ย้ำว่า พรรคมีนโยบายก้าวข้ามความขัดแย้ง เพื่อให้พี่น้องประชาชนมีความสมัครสมานสามัคคีกัน ซึ่งจะทำให้การพัฒนาเป็นไปอย่างรวดเร็ว และเราตั้งใจว่าจะให้พี่น้องชาวอีสานก้าวข้ามความยากจน ซึ่งหากพี่น้องชาวอีสานเลือก ผู้สมัครจากพรรคพลังประชารัฐครั้ง 133 เขต หัวหน้าพรรคยืนยันว่าจะทำจริง ทำทันทีในโครงการอีสาน หากได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งเป็นความตั้งใจและเป็นความมุ่งมั่นในการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนอีสาน ให้เกิดความเจริญรุ่งเรือง

สำหรับงบประมาณที่จะใช้ทั้งโครงการนั้น นายสันติ ไม่ตอบว่าใช้เท่าไหร่ บอกเพียงว่า นิคมอุตสาหกรรมทั้ง 6 แห่ง ต้องเวนคืนที่ดิน โดยจะจ่ายค่าเวนคืนให้กับพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่ ให้การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเป็นแม่งานในการดำเนินการ ส่วนเงินทุนมาจากไหนนั้น ในนิคมอุตสาหกรรมแต่ละแห่งทั้ง 6 แห่ง เราจะเชิญชวนให้โรงงานจากทั่วโลกมาตั้งโรงงาน โดยใช้เทคโนโลยีของแต่ละประเทศมาใช้ที่เมืองไทย ดังนั้น เงินทุนก็เป็นเงินทุนที่จะมาจากแต่ละโรงงานที่จะมาเช่า หรือซื้อที่นี้เพื่อมาตั้งโรงงานอุตสาหกรรม

นายสันติ กล่าวว่า ในเรื่องของงบประมาณที่จะใช้กับรถไฟรางคู่และทางด่วนแต่ละช่องจราจรนั้น นอกเหนือจากการใช้งบประมาณแล้ว เรามีระบบ PPP ให้เอกชนมาร่วมลงทุนในการดำเนินการ ซึ่งเป็นเงินไม่มาก สามารถทำได้อยู่แล้ว และทางด่วนเหล่านี้เป็นทางด่วนเรื่องการขนส่ง ก็จะมีค่าขนส่งกลับมา

“ของเราอย่าใช้คำว่าไปแข่งกับแลนด์สไลด์ เรามีความตั้งใจจะพัฒนาอีสาน ให้ลูกหลานของชาวอีสานมีศักยภาพ มีความสามารถ และให้คนอีสานก้าวผ่านความยากจน ให้คนสร้างงาน สร้างอาชีพ พัฒนาความยากจน เรามั่นใจว่าชาวอีสานก็จะต้องเลือกพรรคพลังประชารัฐทั้ง 133 เขต เพื่อให้พรรคพลังประชารัฐสามารถเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล และใน 133 เสียงที่พี่น้องชาวอีสานเลือกก็จะเข้าไปสู่สภาฯ ไปยกมือสนับสนุนให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคของเรา เป็นนายกฯ และผมยืนยันว่า โครงการเหล่านี้ทำจริง ทำทันที แต่เราจะต้องมีนายกรัฐมนตรีเป็นคนใช้อำนาจในการผลักดันโครงการดีๆ อย่างนี้ที่เราจะพัฒนาภาคอีสาน ผมยืนยันเราทำจริง ทำทันที” นายสันติ กล่าว

ด้านนายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ก่อนแถลงนโยบายได้ยื่นเรื่องไปยัง กกต.แล้ว และยืนยันว่าโครงการนี้ทำได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันเสาร์ที่ 22 เม.ย.นี้ พล.อ.ประวิตร และแกนนำ จะนั่งรถไฟไปจังหวัดนครราชสีมา พร้อมยอมรับว่าจะเป็นการไปสำรวจเส้นทางตามโครงการนี้ด้วย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทหารกัมพูชาขุด “คูเลต” ลากยาว 650 เมตร

อุบลราชธานี 28 พ.ค.- เปิดภาพ! “คูเลต” ทหารกัมพูชาขุดลากยาว 650 เมตร จากต้นสัตบรรณถึงสามแยกลาว จุดปะทะทหารไทย เมื่อวันที่ 28 พ.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงาน ภายหลังเกิดเหตุปะทะระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี หลังพบขุดคูเลต จากจุดต้นสัตบรรณถึงสามแยกลาว ระยะทาง 650 เมตร ซึ่งเป็นพื้นที่อ้างสิทธิ์ โดยก่อนจะเกิดเหตุปะทะกัน ทหารไทยได้เข้าไปเจรจา เพราะเป็นการละเมิด MOU 2543 เป็นครั้งที่ 2 แต่ทางทหารกัมพูชากับยิงสวนออกมา จึงเกิดการปะทะกัน โดยช่วงนี้อยู่ระหว่างการเจรจาของผู้นำในพื้นที่ทั้งสองฝ่าย โดยฝ่ายทหารไทยยืนยันว่าให้ทหารกัมพูชา ออกจากพื้นที่อ้างสิทธิพร้อมกัน-313 .-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ย้ำกัมพูชาต้องยึด MOU 43 หลังละเมิดขุดคูเลต 2 รอบ

อุบลราชธานี 28 พ.ค.- มทภ.2 ย้ำกัมพูชาต้องยึด MOU 43 หลังละเมิดขุดคูเลต 2 รอบ ทหารไทยเข้าเจรจากลับยิงสวน ลั่นปกป้องอธิปไตยตามแผนที่ 1:50,000 เต็มที่ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึง เหตุปะทะระหว่างทหารไทยและทหารกัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ว่า ในช่วงเช้าที่ผ่านมา กำลังพลของกองกำลังสุรนารีได้ลาดตระเวนและพบว่า ทหารกัมพูชาขุดคูเลต เช่นเดียวกับเนิน 745 ช่องบก ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่อ้างสิทธิ์ โดยก่อนจะเกิดเหตุปะทะกัน ทหารไทยได้เข้าไปเจรจา แต่ทางกัมพูชา ยิงสวนออกมา จึงเกิดการปะทะกัน อย่างที่เป็นข่าว สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาต่อจากนี้ ผู้บังคับบัญชาในระดับพื้นที่กำลังพูดคุยเจรจา “ยืนยันว่าทหารไทยทำหน้าที่รักษาอธิปไตยตามแผนที่ 1:50,000 ซึ่งในพื้นที่ทับซ้อนของทั้ง 2 ประเทศ จะมีการออกลาดตระเวนอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายล้ำเข้ามา ซึ่งทุกฝ่ายต้องยึดตาม MOU 2543”.-313.-สำนักข่าวไทย

ปะทะทหารกัมพูชา

ทบ.แจงเหตุปะทะทหารกัมพูชาบริเวณช่องบก คลี่คลายแล้ว

กองทัพบก 28 พ.ค.-ทบ.แจงเหตุปะทะทหารกัมพูชาบริเวณชายแดนช่องบก จ.อุบลราชธานี ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว อยู่ระหว่างรอการเจรจา พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เผยถึงสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา โดยระบุว่าได้รับรายงานจาก กองกำลังสุรนารีเกี่ยวกับเหตุการณ์ปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 เวลา 05.30 น. โดย หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี ได้รับการรายงานว่ามีทหารกัมพูชาเข้ามาวางกำลังในพื้นที่อ้างสิทธิ์ ซึ่งไม่เป็นไปตามข้อตกลง ฝ่ายไทยจึงจัดชุดประสานงานเพื่อเข้าพูดคุยเจรจาตามแนวทางการปฏิบัติที่เคยกระทำมา เมื่อถึงบริเวณดังกล่าว กำลังส่วนระวังเหตุของทหารกัมพูชา ได้เข้าใจผิด และเริ่มใช้อาวุธ ฝ่ายไทยจึงใช้อาวุธตอบโต้กลับไป โดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที ต่อมาเวลา 05.55 น. พลตรี ทล โซะวัน รองผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 ฝ่ายกัมพูชา ได้โทรศัพท์ประสานงานกับ พันเอก บุญเสริม บุญบำรุง รองผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายยุติ โดยทั้งสองฝ่ายได้ตกลงหยุดยิงและตรึงกำลังบริเวณจุดปะทะ ปัจจุบันทั้งสองฝ่ายอยู่ระหว่างการเจรจาผ่านกลไกทวิภาคี เพื่อจัดการกรณีอ้างสิทธิในพื้นที่ และกำหนดแนวทางร่วมกันในการปฏิบัติอย่างสันติ ตามข้อตกลงที่มีอยู่ […]

มติเอกฉันท์ สภาอนุมัติ “พ.ร.ก.ไซเบอร์-สินทรัพย์ดิจิทัล”

รัฐสภา 28 พ.ค.- สภาเอกฉันท์อนุมัติ “พ.ร.ก.ไซเบอร์-สินทรัพย์ดิจิทัล” ให้ธนาคารร่วมชดใช้ค่าเสียหายจาก “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” เร่งคืนเงินผู้เสียหาย ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยวิสามัญ วาระการพิจารณาพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 และ พ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568 ที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ ซึ่งแบ่งเวลาในการอภิปรายฝ่ายละ 2 ชั่วโมง รวม 4 ชั่วโมง และจะเป็นการรวมพิจารณา และแยกลงมติทีละฉบับ โดยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เสนอหลักการว่า เนื่องจากปัจจุบัน มี พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญกรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 ยังมีมาตรการบังคับทางกฎหมายที่ยังไม่เพียงพอ กับรูปแบบอาชญากรรม กลุ่มมิจฉาชีพ จึงต้องแก้ไขปรับปรุงให้ทันสมัย เช่น การเร่งคืนเงินให้ผู้เสียหาย, การอาญัติบัญชีม้า, การกำหนดหน้าที่และความรับผิดชอบของสถาบันการเงิน ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ และมาตรการการโอนเงินผิดกฎหมาย ผ่านสินทรัพย์ดิจิทัล จากนั้น ได้เปิดโอกาสให้ สส.อภิปรายอย่างกว้างขวาง โดยนายจุติ […]

ข่าวแนะนำ

บินโดรนกระชับพื้นที่ไล่ล่าผู้ต้องหาฆ่ายัดถัง

นครสวรรค์ 29 พ.ค. – คดีฆ่ายัดถังที่นครสวรรค์ เช้านี้ตำรวจใช้โดรนบินไล่ล่าผู้ต้องหา รวมถึงจัดชุดเดินเท้ากระชับพื้นที่ หลังปิดล้อมข้ามคืนแต่ยังไร้วี่แวว กรณีพบศพนายจุฑาเพชร หรือ อ้วน ชาวอยุธยา ถูกฆ่ายัดถังพลาสติก 200 ลิตร โยนทิ้งอ่างเก็บน้ำห้วยใหญ่ตะคร้อ อำเภอไพศาลี จังหวัดนครสวรรค์ เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม โดยสภาพศพอยู่ในท่านั่งขัดสมาธิ สวมกางเกงขายาวคล้ายกางเกงวอร์มสีดำ เสื้อยืดแขนยาวสีเขียว ถูกยิงด้วยปืนลูกซองที่อกซ้าย กระสุนฝังกระจายทั่วอก ศีรษะมีรอยยุบ ส่วนตามตัวผู้ตายมีรอยสักหลายแบบ ทั้งพระนารายณ์แผลงศร พระนารายณ์สี่กร ยันต์เก้ายอด ยันต์มหาอุด และพ่อปู่ฤาษีนารอด เสียชีวิตมาแล้ว 3-5 วัน เมื่อวานนี้ (28 พ.ค.) พนักงานสอบสวน สภ.ตะคร้อ ได้นำหลักฐานขอศาลนครสวรรค์ ออกหมายจับนายปารวี หรือเกม อายุ 35 ปี เนื่องจากมีหลักฐานว่า เป็นคนใช้ปืนยิงเหยื่อเสียชีวิตในพื้นที่หมู่ 4 บ้านหนองมะค่า อำเภอโคกเจริญ จังหวัดลพบุรี ก่อนนำศพใส่รถกระบะมาทิ้งอำพรางที่อ่างเก็บน้ำตะคร้อ นครสวรรค์ […]

ปิดเส้นทางงดให้ชาวบ้านขึ้น “ช่องบก” หลังเหตุปะทะไทย-กัมพูชา

อุบลราชธานี 29 พ.ค. – บรรยากาศภายในจุดเฝ้าระวัง ภจ12 (ฐานมรกต) อุทยานแห่งชาติภูจองนายอย ในหมู่บ้านโนนสูง หมู่ 3 ตำบลโดมประดิษฐ์ อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นทางขึ้นสู่ช่องบก ยังคงตึงเครียดต่อเนื่อง หลังเกิดเหตุปะทะระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชาเมื่อวานนี้ (28 พ.ค.68) เช้าวันนี้ เจ้าหน้าที่ได้ปิดเส้นทางไม่ให้ชาวบ้านขึ้นไปยังพื้นที่ด้านบน พร้อมมีการตรึงกำลังทหารเพื่อดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ขณะเดียวกัน มีรถพยาบาลทยอยขึ้นไปยังพื้นที่เกิดเหตุอย่างต่อเนื่อง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้มีการบันทึกภาพบริเวณที่ตั้งกำลังของทหารไทย นอกจากนี้ยังมีการจัดตั้งจุดอำนวยการฉุกเฉิน โดยขนย้ายเต็นท์และอุปกรณ์ต่าง ๆ ขึ้นไปเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ ชาวบ้านในพื้นที่แสดงความกังวลต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นายสิทธิ์ อายุ 73 ปี กล่าวว่า ปกติจะขึ้นป่าเป็นประจำ แต่ตอนนี้เจ้าหน้าที่ห้ามเข้าพื้นที่ ทำให้ขาดรายได้ ขณะที่นางพวย อายุ 61 ปี เล่าว่า นี่เป็นครั้งที่ 3 ที่พบเหตุการณ์ในลักษณะนี้ ก่อนหน้านี้เคยมีกระสุนตกลงมาในหมู่บ้าน แม้รู้สึกกลัว แต่ก็พอทำใจได้ เพราะเคยผ่านเหตุการณ์คล้ายกันมาแล้ว ในช่วงบ่ายวันนี้ นายอำเภอน้ำยืนเตรียมเรียกประชุมหน่วยงานราชการในพื้นที่ เพื่อวางแนวทางรับมือและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ขณะที่เวลา […]

นายกฯ ยันศาลเบรกภาษี “ทรัมป์” ไม่กระทบแผนเจรจาไทย

กรุงเทพฯ 29 พ.ค. – นายกฯ ยันศาลการค้ารัฐบาลกลางเบรกภาษี “ทรัมป์” ไม่ส่งผลกระทบแผนเจรจาไทย ทีมงานยังเดินหน้าต่อ จนถึงวันนี้ยังไม่ได้วันนัดชัดเจน รู้สึกสบายใจหลายประเทศอาเซียนก็อยู่ระดับเดียวกับไทย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐบาลกลางสหรัฐฯ มีคำวินิจฉัยว่า ทรัมป์ ไม่สามารถใช้อำนาจฉุกเฉินในการกำหนดภาษีศุลกากรทั่วโลกได้ เรื่องนี้จะส่งผลกับประเทศไทยที่กำลังรอเจรจาเรื่องภาษีสหรัฐอเมริกาอยู่หรือไม่ ว่า ก็ให้เป็นไปตามกระบวนการไปตกลงจะมีผลอย่างไร ซึ่งตนเองก็ไม่แน่ใจแต่เราก็ต้องทำต่อ เตรียมความพร้อมต่อไป จะหยุดชะงักเลยก็คงไม่ได้และไม่แน่ใจว่ารับฟังหรือยัง เพราะระหว่างที่ไปประชุมที่มาเลเซียได้มีโอกาสได้คุยกับทุกประเทศ ได้คุยกันเรื่องของภาษีสหรัฐอเมริกา ทุกคนพูดเหมือนกันว่าหลายประเทศอยู่ในระดับเดียวกับประเทศไทย คือส่งรายงานเข้าไปและรอวันที่จะตอบกลับมาว่าจะได้ไปคุยวันไหน ยืนยันว่าเราไม่ได้ช้าและอยู่ในขั้นตอนของการรอวันที่จะไปคุยเช่นกันตามกรอบ 90 วัน จึงขอให้สบายใจได้ และจนถึงตอนนี้ยังไม่ได้วันชัดเจนว่าจะได้คุยวันไหนต้องรอให้ทางสหรัฐอเมริกานัดมา แต่ในทีมทำงานไม่เป็นทางการยังติดต่อกันได้ ยังได้คุยและอัพเดทสถานการณ์กันอยู่ และก็เป็นสัญญาณบวก และย้ำอีกครั้งว่า ตนเองไม่ได้ถูกแบนวีซ่าสหรัฐอเมริกาขอให้สบายใจได้. -420-สำนักข่าวไทย

หุ้นบวก-บาทอ่อน-ทองลง รับข่าวศาลระงับมาตรการภาษีตอบโต้ของ “ทรัมป์”

กรุงเทพฯ 29 พ.ค. – หุ้นไทยบวก-บาทอ่อนค่า-ทองลง รับข่าวที่ศาลฯ ระงับมาตรการภาษีตอบโต้ของ “ทรัมป์” ขณะ บล.กรุงศรี คาด SET จะกลับเหนือ 1,200-1,210 จุด ใน 1-3 วัน เงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 32.84-32.86 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (เวลา 09.56 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 32.62 บาทต่อดอลลาร์ฯ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุเงินบาทอ่อนค่าลงสอดคล้องกับสกุลเงินเอเชียอื่นๆ เงินเยน และเงินฟรังก์ สวนทางเงินดอลลาร์ฯ ที่แข็งค่าขึ้น รับข่าวที่ศาลการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ ในนิวยอร์กระงับการใช้มาตรการภาษีศุลกากรของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ที่ออกมาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ของประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 2 เม.ย.ที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นการใช้อำนาจเกินขอบเขต ในการเก็บภาษีแบบครอบคลุมจากประเทศที่ส่งออกสินค้ามายังสหรัฐฯ มากกว่าที่นำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ด้านทำเนียบขาวได้ยื่นอุทธรณ์คำตัดสินดังกล่าว และอาจยื่นเรื่องต่อไปจนถึงศาลสูงหากจำเป็น แต่ในระหว่างนี้ ตลาดมองว่าเป็นสัญญาณบวกว่าทรัมป์อาจยอมถอยจากการกำหนดภาษีในระดับสูงสุดที่เคยขู่ไว้ นอกจากนี้ การอ่อนค่าของเงินบาทยังสอดคล้องกับการปรับตัวลงของราคาทองคำในตลาดโลก และสัญญาณสะท้อนสถานะ outflows ของนักลงทุนต่างชาติออกจากตลาดพันธบัตรไทยในวันนี้ด้วยเช่นกัน สมาคมค้าทองคำ […]