กกต.แจงราษฎรที่แบ่งเขต คือคนไทยกับคนต่างชาติที่เข้าเงื่อนไข

กทม. 9 ก.พ.-กกต.ติวเข้มเครือข่ายประชาสัมพันธ์เลือกตั้ง หวังกู้ภาพลักษณ์ความน่าเชื่อถือ ด้าน เลขาฯ กกต. แจงราษฎรที่แบ่งเขต คือคนไทยกับคนต่างชาติที่เข้าเงื่อนไข ไม่ใช่แม่บ้าน แรงงานต่างด้าน

นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นประธานในพิธีเปิดอบรมให้ความรู้แก่ภาคีเครือข่ายประชาสัมพันธ์ระดับจังหวัดเกี่ยวกับการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจในแนวปฏิบัติ กฎหมาย กฎระเบียบที่ปรับปรุง   และเสวนาแลกเปลี่ยนความคิดในการพัฒนาการประชาสัมพันธ์ของภาคีเครือข่าย  โดยมีผู้บริหาร พนักงาน ที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัด  ตัวแทนสื่อมวลชน เข้าร่วมอบรม 


นายแสวง กล่าวว่า ใกล้จะมีการเลือกตั้ง นับถอยหลังในแต่ละวัน กกต.มีทำงานน้อยลง แต่ทุกอย่างอยู่ในแผน ยังอยู่บนเส้นทาง อาจจะเร็วกว่าแผนไปด้วยซ้ำ  ถือเป็นเรื่องที่ดี กกต. ทำงานตามกฎหมายแต่ว่าเราทำงานแต่ละอย่างออกไปไม่ได้ง่าย ไม่ราบรื่น  อย่างสองสามวันที่ผ่านมา มี 2-3 เรื่องที่ต้องอธิบาย เราอาจจะขาดทักษะวิธีการหรือช่องทางในการสื่อสารกับประชาชน  เรื่องราษฎร เรื่องการแบ่งเขต   ซึ่งที่จริงเป็นข้อเท็จจริง แต่คนรอบข้างที่เกี่ยวข้องเอาไปอธิบายโดยมีแรงรูงใจทางการเมือง ทำให้คนสำคัญผิดทั้งข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงหลายประการ อย่างคำว่า “ราษฎร” เป็นราษฎรตามกฎหมายทะเบียน  ซึ่งหลังประกาศจำนวน ส.ส.พึงมีแต่ะจังหวัด  ได้เอาจำนวนราษฎรที่กระทรวงมหาดไทยประกาศมาคำนวณ   แต่การประกาศสองครั้งหลัง  มีการแยกผู้มีสัญชาติไทยกับผู้ไม่มีสัญชาติไทยออกจากกัน   ซึ่งในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาก็ไม่เกิดปัญหา แต่ครั้งนี้เกิดปัญหาชวนสงสัย   

ทั้งนี้ ขอยืนยันสำนักงาน กกต.และ กกต.ทำงานภายใต้กฎหมาย  ไม่ได้คิดขึ้นเอง    คำว่าราษฎรตามความเข้าใจของคนทั่วไปอาจจะถูก แต่ราษฎรตามกฎหมายที่นำมาใช้  มีคนบอกเอาต่างด้าว แรงงานมาคำนวณด้วย  ขอชี้แจงว่าไม่ใช่ ราษฎรตามกฎหมายทะเบียนราษฎร  1.คนไทยแท้ๆ คือผู้ที่มีเลข 3 นำหน้าในบัตรประจำตัวประชาชน   โดยคนที่เป็นราษฎรได้มี 2 ประเภท หนึ่งคนไทย สองคนไม่มีสัญชาติไทย  โดยคนไม่มีสัญชาติไทยจะถือเป็นราษฎรมีสองเงื่อนไข  ไม่ใช่คนที่เป็นแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานในประเทศไทย  


นายแสวง กล่าวว่า คนที่เป็นราษฎร หนึ่งต้องมีเลขประจำตัว 13 หลักทุกคน แต่คนต่างด้าวจะได้รับเลข 13 หลักต้องเข้าเกณฑ์ตามกฎหมายไทย คือ พ.ร.บ. บัตรประชาชน และกฎหมายทะเบียนราษฎรเป็นเรื่องความมั่นคง  โดยคนต่างด้าวประเภทนี้ถือเป็นประเภทที่แปด ไม่ถือสัญชาติไทย   ได้รับอนุญาตให้อยู่ในเมืองไทยโดยถูกกฎหมายและมีใบสำคัญคนต่างด้าวหรือคนที่แปลงสัญชาติ และเงื่อนไขที่สองมีทะเบียนบ้านในประเทศไทย ไม่ใช่แรงงานต่างด้าวที่มาทำงาน  แม้จะเข้าเมืองถูกกฎหมายก็จริง  แต่ไม่เข้า 2 เงื่อนไข จึงไม่ถือเป็นราษฎร  แต่ต่างชาติที่เข้าเงื่อนไขตามกฎหมายทะเบียนราษฎร จึงมีสิทธิที่จะได้รับบริการ ทำงานให้บ้านเราเสียภาษี  ซึ่งคนกลุ่มนี้นำมาใช้ในการคำนวณจำนวน ส.ส. เท่านั้น ไม่ใช่ผู้ที่มีสิทธิเลือกตั้ง

“คนไทยก็ไม่ได้มีสิทธิเลือกตั้งทุกคน  ถ้าไม่เข้าเกณฑ์หรือมีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมาย ราษฎรมีสองประเภท  คือ ราษฎรตามกฎหมาย  ไม่ใช่ราษฎรตามความรู้สึกนึกคิดของใคร เรื่องถัดมาเรื่องการแบ่งเขต เราทำตามกฎหมาย  ไม่ได้บอกว่าแบ่งเพื่อให้คนพอใจ  ยิ่งครั้งนี้เราแบ่งมีเกณฑ์ให้จำนวนราษฎรในแต่ละเขตใกล้เคียงกันมากที่สุด เช่น กรุงเทพฯ มี 50 เขตการปกครอง มีเขตเลือกตั้ง 33 เขต    เมื่อคำนวณเขตต้องมีการผ่าแขวง เหมือนโคราชก็ต้องผ่าอำเภอ ผู้สมัครในครั้งนี้น่าจะมีการแข่งขันเข้มข้น 5-6 พรรค  หวังชัยชนะทุกพรรค ทุกคนมีฐานเสียงตัวเอง เราแบ่งตามกฎหมาย แต่ไม่รู้ว่าใครจะได้ประโยชน์ไม่ทราบ จะบอกว่าใครพอใจ ผมตอบไม่ได้ แต่ตอบได้ว่าเราทำตามกฎหมาย” นายแสวง กล่าว

นายแสวง   ยังกล่าวถึงการตั้งคำถามต่อการขอเวลาจัดการเลือกตั้ง 45 วัน  ว่าเป็นการขอเวลามากไปหรือขอเพื่อใคร  ขอเพื่อช่วยใครนั้น ซึ่งในขณะนี้ยังไม่มีพรรคการเมืองใดที่มีสาขาครบเพียงพอที่จะส่งผู้สมัครครบทุกจังหวัด  ย้ำกว่า กกต. คิดเพื่อพรรคการเมือง  เพราะไม่มีพรรคใดสามารถส่งผู้สมัครได้ครบทั่วประเทศ และคิดเพื่อประเทศชาติ  อยากให้การเลือกตั้งเรียบร้อย  สมมติยุบสภา มีกฎหมายยุบสภาเลย หน้างานก็จะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง  ไม่มีกฎหมาย กกต.ต้องเดินอีกแบบหนึ่ง  มีคนทักท้วงผลการเลือกตั้ง เมื่อรู้ว่าแพ้ อาจจะสร้างความเสียกับชาติ   ซึ่ง กกต.ไม่อยากให้เป็นแบบนั้น  และ กกต.คิดเรื่องความพร้อมของพรรคการเมือง  การแบ่งเขตจะเกิดขึ้นตามกฎหมาย การแบ่งเขตเหมือนพื้นฐานการแข่งขัน   ต้องมีขั้นตอนกระบวนการ ต้องใช้เวลา กฎหมายเขียนไว้อย่างนั้น    จึงไม่สามารถแบ่งเขตไว้ก่อน หรือมีกฎหมายแล้วประกาศแบ่งเขตทันที แต่สามารถเร่งขั้นตอนการทำงานในส่วนของ กกต. ขณะนี้เป็นไปตามแผนงานในการประกาศเขตเลือกตั้ง


นายแสวง กล่าวถึงความน่าเชื่อถือของ กกต. ในสายตาของสังคมว่า ความน่าเชื่อถือ บางครั้งเราพูดความจริง คนยังไม่เชื่อถือ  คิดว่าเราตกอยู่ในสถานการณ์นี้  ไม่อยากให้เป็นแบบนี้  ซึ่งต้องแก้ไข และเชื่อว่าทำดีอยู่แล้ว  แต่ต้องแก้ไขเรื่องการสื่อสารให้ดี  กกต. มีบทเรียนหลายเรื่องที่ผ่าน สิ่งไหนที่ต้องปรับปรุง เราต้องฟังความเห็นจากสังคมนั่ นเรียกว่าการบริหารสังคมที่เปราะบาง  มีความหวั่นไหวกับทุกเรื่อง สมมติฐานเกี่ยวกับ ตัว กกต. บางเรื่องทำให้เราทำงานยาก    ซึ่งเป็นโจทย์ที่นอกเหนือจากการปฏิบัติหน้าที่ การอยู่กับสังคมให้ได้รับความน่าเชื่อถือ อันอับแรกต้องทำงานให้ดีก่อน และการสื่อให้ดีขึ้น  ส่วนตัวหวังว่าเมื่อทุกคนที่ผ่านการอบรมวันนี้จะนำความรู้ไปใช้เกิดกับ สำนักงาน กกต. จึงอยากจะฝากในเรื่องความน่าเชื่อถือ และอีกเรื่องเป็นแนวโน้มที่ดีคือความร่วมมือ ครั้งนี้เราได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เริ่มมีองค์กรต่างๆ ที่เห็นต่างกับ กกต. เข้ามาร่วมงานกับ กกต.มากขึ้นในการจัดการเลือกตั้ง

“เราตกอยู่ในที่นั่งลักษณะนี้   ทำให้เราต้องมาอธิบายเรื่องเหล่านี้   ครั้งแรกคนยังไม่เข้าใจ ทำท่าไม่อยากจะเข้าใจด้วยซ้ำไป   เหมือนจะว่าแกล้งโง่ หรือดิสเครดิต   หรือไม่เข้าใจจริงๆ ผมก็ไม่ทราบ แต่นี่คือสถานะของเราที่อยู่แบบนี้  ซึ่งผมไม่อยากเป็นหรอก แต่คนเป็นกรรมการ จะเก่งไม่เก่งไม่สำคัญ   อย่างแรกต้องน่าเชื่อถือทั้งผู้แข่งขันทั้งกองเชียร์  ถ้ากรรมการไม่เชื่อถือแข่งอะไรก็ไม่สำเร็จ และกรรมการต้องรับผิดชอบเมื่อจบงานเอง เราก็ไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น ความน่าเชื่ออย่างหนึ่งเกิดจากการทำงานที่ดี แต่เราก็ทำดีอยู่แล้ว” นายแสวง กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“พี สะเดิด” เปิดใจเป็นมะเร็งเต้านมนานเกือบ 20 ปี แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – “พี สะเดิด” เจ้าของเพลงฮิต “จี่หอย” เผยเป็นมะเร็งเต้านมมานานเกือบ 20 ปี ตัดสินใจหยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งต่อสู้กับโรค จนค่ามะเร็งดีขึ้น แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย “พี สะเดิด” นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง อายุ 46 ปี เปิดใจว่าป่วยเป็นมะเร็งเต้านม มาเกือบ 20 ปีแล้ว รักษาโรคนี้โดยที่ไม่บอกใครเลย เพราะกลัวครอบครัวเป็นห่วง ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้าอก และพบว่าก้อนเนื้อมันขึ้นเรื่อยๆ ขนาดเท่าลูกมะนาว คิดว่าเป็นเพราะไม่ดูแลตัวเอง ทำงานหนัก กิน-นอนไม่เป็นเวลา แต่เพราะเป็นคนที่ตรวจสุขภาพตลอดทุก 6 เดือน พอเช็กดูเลยรู้ว่ามีเชื้อมะเร็งเต้านม หมอบอกว่าโอกาสน้อยที่จะเห็นผู้ชายเป็นมะเร็งเต้านม จะเป็นหนึ่งในล้าน หรือหนึ่งในสิบล้าน พี สะเดิด บอกว่าตอนแรกก็กลัว เลยตัดสินใจหันหน้าเข้าทางธรรม และปรับปรุงตัวเองควบคู่กันไป กินของที่มีประโยชน์ หยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเราแข็งแกร่งต่อสู้กับโรคมะเร็งของตัวเอง จนตอนนี้อยู่ทุกระยะค่ามะเร็งดีขึ้น ค่อยๆ ลดลงมา จนเหลือ 0 […]

“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ

รัฐสภา 13 ส.ค.-“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ ทั้งที่ตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาแล้ว ด้าน “อนุสรณ์” แจงยัน กมธ.ไม่ได้ตีเช็คเปล่า แต่ตรวจเช็กความพร้อมให้ทหาร การอภิปรายมาตรา 8 กระทรวงกลาโหม วงเงิน 9.51 หมื่นล้านบาท นายชยพล สท้อนดี สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายว่า ปีนี้ตัดงบกระทรวงกลาโหมยาก เมื่อถามหารายละเอียดจะมีคนพูดว่าปล่อยไปเถอะ ตอนนี้มีสถานการณ์ชายแดน ซึ่งตนเข้าใจถึงความจำเป็นที่ต้องใช้งบประมาณ เพราะเป็นห่วงทหารหน้างานเช่นกัน เลยต้องดูงบประมาณว่าใช้ถูกจุดหรือไม่ นายชยพล กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนเห็นงบเกี่ยวกับอุปกรณ์การแพทย์ คิดว่าเป็นอุปกรณ์ผ่าตัดแต่กลายเป็นว่าเป็นอุปกรณ์สำหรับม้า ตนหาอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อดูว่าใส่ใจทหารมากแค่ไหน แต่กลับไม่พบอุปกรณ์สำหรับขันชะเนาะห้ามเลือดที่ใช้ได้ด้วยมือข้างเดียว มีแค่สายยางไส้ไก่ ถ้าอยู่คนเดียวจะทำอย่างไร อยากถามว่าเราใส่ใจบุคลากรของเราจริงหรือไม่ และที่ข้องใจคือเราตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชา มีการเรียกทูตไทยประจำพนมเปญกลับ แต่ปรากฏว่ากองทัพบกสั่งอุปกรณ์ฟิตเนสไปเติมที่บ้านผู้ช่วยทูตทหารอยู่เลย จะมีใครได้อยู่ใช้หรือไม่ “นี่เป็นเหตุผลว่าแม้อยู่ในความขัดแย้งแต่ต้องตรวจสอบกองทัพอย่างเข้มข้น การที่รัฐบาลเซ็นเช็คเปล่าให้กองทัพโดยไม่ตรวจสอบ คือการทำให้กองทัพอ่อนแอ คนที่ชอบออกมาพูดเชียร์ทหารอยากให้คิดไว้ด้วยว่า หากรักชีวิตทหารจริง ก็อยากให้ฟังทหารชายแดนว่าเขาลำบากอย่างไร การทำงานของนายพลสะท้อนความต้องการคนเหล่านั้นจริงหรือไม่” ด้าน นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ กมธ.เสียงข้างมากชี้แจงว่า […]

“สืบพงษ์” ขึ้นศาลสืบพยานนัดแรก กรณียื่นฟ้องรักษาการอธิบดี ม.รามฯ ข้อหาเบิกความเท็จ

ศาลอาญา 13 ส.ค. – ศาลนัดสืบพยาน “สืบพงษ์” ยื่นฟ้อง รักษาการ อธ.รามคำแหง พร้อมพวก ข้อหาเบิกความเท็จถูกยื่นถอดถอนเมื่อปี 65 ชี้ “ฮุนเซน” ทิ้งใบปริญญาลงโถส้วมเป็นการไม่ให้เกียรติมหาวิทยาลัย วอนยุติพฤติกรรมไม่เหมาะสม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานที่ นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ รักษาการอธิการบดี ม.รามคำแหง กับพวกรวม 2 คน ในความผิดฐาน “ฟ้องเท็จ / เบิกความเท็จ นายสืบพงษ์ เปิดเผยว่า ศาลนัดสืบพยานนัดแรกในคดีที่ตนได้ฟ้องผู้บริหารมหาวิทยาลัยรามคำแหงฟ้องตนที่ศาลแขวงพระนครเหนือโดยกล่าวหาตนว่ากระทำตนเป็นเจ้าพนักงานทั้ง ๆ ที่ไม่มีอำนาจ จากนั้นทางศาลได้ยกฟ้องคดีดังกล่าว ซึ่งได้ดำเนินคดีที่ศาลอาญาในข้อหาฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ โดยวันนี้ตนเองเป็นพยานปากแรกที่ขึ้นเบิกความในวันนี้และจะมีพยานทั้งหมด 5 ปาก สืบพยานในวันนี้และวันที่ 14 ส.ค. ส่วนประเด็นที่ถูกถอดถอนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงเมื่อปี 2565 นั้น มีการถอดถอนตนเองทั้งหมด 2 ครั้ง หลังจากที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดีได้ […]

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

ข่าวแนะนำ

สภาถกงบฯ 69 วันที่ 2 “ปชน.” ซัดงบ ก.เกษตรฯ ไม่ตอบโจทย์

รัฐสภา 14 ส.ค.- สภาฯ ถกร่าง พ.ร.บ.งบฯ 69 วันที่ 2 “สส.ปชน.” ซัดงบกระทรวงเกษตรฯ ไม่ตอบโจทย์คนไทย ดูดีบนกระดาษ แต่ใช้ในชีวิตจริงของเกษตรกรไม่ได้ ข้องใจ ทำไมต้องทำโครงการตลาดกลางที่พะเยา ทั้งที่มูลค่าส่งออกแพ้เชียงราย-น่าน เสี่ยงผูกขาด หรือเป็นเหตุผลทางการเมือง ฉะ “ล้งแห่งชาติ” ของ อ.ต.ก. ล้มเหลวงตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่ม การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 วาระ 2 – 3 เป็นวันที่ 2 โดยพิจารณามาตรา 14 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานในกำกับ โดยนายวิทวิสิทธิ์ ปันสวนปลูก สส.ลำพูน พรรคประชาชน อภิปรายงบประมาณในส่วนขององค์การตลาดเพื่อเกษตรกร(อ.ต.ก.) ว่า มีสองโครงการที่ไม่ตอบโจทย์ให้กับคนไทยทั้งประเทศ และเสี่ยงต่อการใช้เงินภาษีอย่างไม่คุ้มค่า เสี่ยงต่อการล้มเหลวของโครงการ ได้แก่โครงการตลาดกลางที่ จ.พะเยา และโครงการล้งแห่งชาติ […]

มทภ.2 เผย “ในหลวง” ทรงติดตามกองทัพสู้ศึกชายแดน ถวายรายงานทุกวัน

สาธิตเกษตร 14 ส.ค.- “แม่ทัพภาค 2” บรรยายพิเศษ รร.สาธิต ม.เกษตรฯ เผย “ในหลวง” องค์จอมทัพไทย ทรงติดตามกองทัพ สู้ศึกชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุถวายรายงานสถานการณ์ทุกวัน พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 พร้อมด้วย พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ร่วมบรรยายพิเศษสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาและบทบาทหน้าที่ของกองทัพบก และคนไทยทุกคน พล.ท.บุญสิน เล่าถึงสถานการณ์ทหารแนวหน้าให้เด็กๆ ฟัง พี่เขาฝากมาว่า หากพี่น้องคนไทยสู้ ลูกหลานเราสู้ พี่ๆ ทหารก็สู้ พี่ๆ ทหารฝากบอกว่าไม่ต้องห่วงพวกผม ขอเพียงกำลังใจจากคนไทยเท่านั้น นี่คือทหารไทย เมื่อถึงเวลามีจิตวิญญาณของพระนเรศวร พวกเราไม่ต้องหวังว่าสถานการณ์ทหารไทยจะสู้หรือไม่ ชัดเจนอยู่แล้ว เพื่อแผ่นดินที่บรรพบุรุษได้รักษาไว้ เราจะต้องปกป้อง ใครรุกล้ำดินแดนของเรา ต้องผลักดันออกไป ยืนยันว่าเราไม่ได้รุกล้ำประเทศอื่น เรารบในประเทศไทยทั้งนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงห่วงใยอยู่ตลอดเวลา ท่านได้สอบถามสถานการณ์ไปที่แม่ทัพทุกวัน โดยกองงานของพระองค์ ได้สอบถามสถานการณ์จากแม่ทัพ และได้รายงานทุกวัน สิ่งเหล่านี้คือจอมทัพไทย และตั้งแต่ประวัติศาสตร์พระมหากษัตริย์ทรงเป็นองค์นำกองทัพ และปัจจุบันก็ยังเป็นเช่นเดิม ดังนั้นทหารทุกคนพร้อมสละชีพเพื่อชาติทุกคน […]

รวบ “จอนนี่ มือปราบ” พร้อมพวกตามหมายจับคดีรุกป่า

14 ส.ค.- “บิ๊กเต่า” บุกรวบ “จอนนี่ มือปราบ” พร้อมเมียและพวก ตามหมายจับศาลอาญาทุจริตภาค 3 กรณีรุกที่ดินนิคมลำโดมน้อย สร้างรีสอร์ต เมื่อวันที่ 14 ส.ค. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผบช.ก. และ พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ในจังหวัดอุบลราชธานี เข้าควบคุมตัวนายยุทธพล ศรีสมพงษ์ และนางสาวจิราพร สีบุระ ภรรยา พร้อมพวก ตามหมายจับศาลอาญาทุจริตภาค 3 ในความผิด ม.157 ซึ่งบัญญัติว่าด้วยความผิดของเจ้าพนักงานที่ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต โดยพฤติการณ์ของผู้ต้องหา เมื่อปี 2564 นายยุทธพล (จอนนี่) และภรรยา ได้ทำการซื้อที่ดินว่างไม่มีเอกสารสิทธิใน ต.คำเขื่อนแก้ว จ.อุบลราชธานี และก่อสร้างรีสอร์ตโดยไม่ขออนุญาต ซึ่งทางนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อยแจ้งว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ป่าไม้ส่วนกลาง 20% ต้องได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการจัดที่ดินฯ แต่ทั้งสองยังคงดำเนินการร่วมกับผู้ใหญ่บ้าน จัดประชาคมและรับรองเท็จว่าที่ดินไม่มีข้อพิพาท ไม่อยู่ในเขตป่าสงวน พร้อมแก้ไขเอกสารเพื่อปกปิดข้อเท็จจริง รวมถึงเจ้าหน้าที่ อบต. ได้รับรองสิ่งปลูกสร้างแม้ทราบว่าไม่ได้รับอนุญาต […]

อุตุฯ เผยเหนือ-อีสาน-ตอ.-ใต้ตะวันตก ฝนฟ้าคะนอง

กรุงเทพฯ 14 ส.ค. – กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนตกหนักบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณ จ.บึงกาฬ สกลนคร นครพนม จันทบุรี ตราด ระนอง พังงา ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 60% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชน โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดบึงกาฬ สกลนคร นครพนม จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนบนเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศลาว และประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร […]