โพลล์ชี้92.3% ของกลุ่มตัวอย่างอยากให้บริการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชันถูกกฎหมาย

กรุงเทพฯ  16 มิ.ย.-โพลล์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ชี้ 92.3% ของกลุ่มตัวอย่างอยากให้บริการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชันถูกกฎหมาย เนื่องจากช่วยอำนวยความสะดวก มีความโปร่งใสด้านราคา ลดปัญหาการปฏิเสธผู้โดยสาร


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่กรมการขนส่งได้ออกร่างกฎกระทรวงว่าด้วยรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคนแบบบริการทางเลือกและอยู่ระหว่างการพิจารณาผ่านข้อกฎหมายเพื่อให้เกิดทางเลือกในการให้บริการที่สอดคล้องวิถีชีวิตของประชาชนในปัจจุบันมากขึ้นและเพิ่มแนวทางการตรวจสอบ ควบคุม และติดตามความปลอดภัยของโดยสารให้กับภาครัฐ   ศูนย์ให้คำปรึกษาและพัฒนาผู้บริหารทางธุรกิจ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จึงทำการสำรวจความคิดเห็นของคนไทยที่มีต่อนโยบายการส่งเสริมและผลักดันให้การนำรถยนต์ส่วนบุคคลมาให้บริการรับ-ส่งผู้โดยสารผ่านแอปพลิเคชันได้อย่างถูกกฎหมาย

ทั้งนี้ การสำรวจความคิดเห็นในกลุ่มตัวอย่างที่เป็นประชาชนทั่วไป คนขับรถยนต์ส่วนบุคคลที่ให้บริการเรียกรถผ่านแอป และคนขับแท็กซี่ จำนวน 3,914 คน พบว่า  92.3% ของกลุ่มตัวอย่างอยากให้บริการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชันถูกกฎหมาย เนื่องจากช่วยอำนวยความสะดวก มีความโปร่งใสด้านราคา ลดปัญหาการปฏิเสธผู้โดยสาร สามารถช่วยเพิ่มรายได้เสริมให้คนไทยได้ และยังช่วยยกระดับมาตรฐานการเดินทางเพราะมีเทคโนโลยีติดตามการเดินทาง


83% ของประชาชนทั่วไปที่ตอบแบบสำรวจต้องการให้บริการเรียกรถผ่านแอปถูกกฎหมายภายในปี 64 สอดคล้องกับความคิดเห็นของกลุ่มคนขับรถยนต์ที่ให้บริการเรียกรถผ่านเเอป ขณะที่คนขับจำนวน 30% ไม่เชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะสามารถผลักดันกฎหมายนี้ได้สำเร็จ

64.3% ของกลุ่มตัวอย่างไม่เห็นด้วยกับการจำกัดจำนวนรถยนต์หรือคนขับ เนื่องจากมีความกังวลว่าการจำกัดจำนวนรถยนต์หรือผู้ให้บริการจะเป็นการปิดกั้นช่องทางการหารายได้เสริม และอาจนำไปสู่ปัญหาเรื่องการซื้อขายใบอนุญาตหรือระบบมาเฟีย ขณะที่ 11.2% ของกลุ่มที่อยากให้มีโควต้าต้องการให้สวงนสิทธิ์สำหรับคนขับแท็กซี่เดิมเท่านั้น

สำหรับเงื่อนไขเพิ่มเติมในข้อกฎหมายกลุ่มผู้ตอบแบบสำรวจที่เป็นประชาชนทั่วเห็นด้วยกับการแสดงราคาค่าโดยสารให้ทราบล่วงหน้า ให้มีการติดป้ายหรือสัญลักษณ์ที่ตัวรถเพื่อแสดงว่าเป็นรถให้บริการทางเลือก (ประชาชนทั่วไปเห็นด้วย 80% แต่ผู้ให้บริการผ่านแอป 65% ไม่เห็นด้วย) กำหนดเกณฑ์อายุรถยนต์ให้บริการแบบเดียวกับแท็กซี่ และจำกัดการจดทะเบียนรถยนต์ 1 คันต่อคนเท่านั้น


โดยผลสำรวจจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เมื่อทำการสำรวจความคิดเห็นเพิ่มเติมเฉพาะในกลุ่มคนขับรถแท็กซี่จำนวน 2,436 คน เกี่ยวกับบริการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชันถูกกฎหมายและความคาดหวังต่อภาครัฐในการช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน พบว่า

56.3% ของคนขับแท็กซี่ต้องการให้บริการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชันถูกกฎหมาย โดย 43.7% ที่ไม่เห็นด้วยมีความกังวลเรื่องต้นทุนการประกอบอาชีพที่สูงกว่าคนขับรถยนต์ส่วนตัวและข้อกำหนดในการให้บริการที่มีความเข้มงวดมากกว่า

 39.3% ต้องการให้ภาครัฐช่วยลดต้นทุนที่ไม่จำเป็น เช่น การติดตั้งอุปกรณ์ ค่าบริการรายเดือนในระบบของรัฐ และควบคุมราคาเชื้อเพลิง เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน

33.5% อยากให้รัฐปรับราคามิเตอร์ให้สูงขึ้น ให้สอดคล้องกับต้นทุนและสภาพเศรษฐกิจ

20.3% อยากให้ปรับลดหรือผ่อนผันข้อกำหนดต่างๆ ของรถแท็กซี่ เช่น การขยายอายุรถ การอนุญาตให้ใช้รถต่ำกว่า 1600 ซีซี และมีเพียง 4% เท่านั้นที่อยากให้มีการกำหนดโควต้าสำหรับผู้ให้บริการเรียกรถผ่านแอป

นายสุทธิกร กิ่งเเก้ว หัวหน้าโครงการวิจัย ศูนย์ให้คำปรึกษาและพัฒนาผู้บริหารทางธุรกิจ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ระบุว่า การออกร่างบริการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชันถูกกฎหมายถือเป็นก้าวสำคัญของภาคเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทยและตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน เเต่บางประเด็นในกฎหมายฉบับนี้ยังล้าหลังโดยเฉพาะเรื่องโควต้าที่เเม้เเต่คนขับเเท็กซี่เเบบดั้งเดิมเองก็ไม่ได้ต้องการ แต่ต้องการให้ภาครัฐช่วยเรื่องการลดต้นทุนและแก้ไขกฎระเบียบที่เข้มงวดโดยไม่จำเป็น รวมทั้งเพิ่มรายได้ให้สอดคล้องกับค่าครองชีพในปัจจุบันแทน

ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับร่างกฎกระทรวงว่าด้วยรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคนแบบบริการทางเลือก สำหรับรับฟังความคิดเห็น: 1. รถที่สามารถนำมาจดทะเบียนได้มี 4 ประเภท คือ ขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ และอเนกประสงค์2. ตัวรถต้องมีการติดตั้งและใช้อุปกรณ์เพื่อรับงานจ้างผ่านแอปพลิเคชันซึ่งมีระบบคิดอัตราค่าโดยสารล่วงหน้า มีระบบติดตา,ตรวจสอบเวลาและสถานที่รับส่งย้อนหลังได้อย่างน้อย 1 เดือน 3. ต้องแสดงเครื่องหมายการเป็นรถยนต์รับจ้างแบบทางเลือกไว้ที่ตัวรถ

อย่างไรก็ตามในร่างกฎหมายยังไม่ได้มีการกล่าวถึงแอปพลิเคชันที่จะนำมาใช้เพิ่มเติมว่าจะเป็นการพัฒนาขึ้นใหม่หรือเป็นการใช้แอปพลิเคชันที่มีอยู่ในปัจจุบันของบริษัทต่างๆ ซึ่งเป็นรายละเอียดที่ต้องติดตามประกาศและความคืบหน้าต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ปราสาทตาเมือนธม” วุ่น ทหารกัมพูชาเกือบ 1 กองร้อย กรูเข้าฝั่งไทย

กทม. 15 ก.ค.-ทบ.อยู่ระหว่างตรวจสอบปมความวุ่นวาย “ปราสาทตาเมือนธม” หลังมีข่าวทหารกัมพูชาเกือบ 1 กองร้อย กรูเข้าฝั่งไทย ด้าน มทภ.2 ยันสถานการณ์ปกติ อย่าตื่นตระหนก 15 ก.ค.68 ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อมูล หลังเกิดเหตุความไม่เรียบร้อยที่ปราสาทตาเมือนธม ตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ จากกรณีหญิงชาวกัมพูชา ตะโกนใส่ทหารไทยว่าล้ำเส้นเข้าไปในเขตประเทศกัมพูชา และมีการทะเลาะกันเสียงดัง ทำให้ทหารไทยและทหารกัมพูชาที่อยู่ในจุดนั้นต้องเข้ามาห้าม แต่เหตุการณ์ลุกลาม ทหารกัมพูชาเกือบ 1 กองร้อย วิ่งเข้ามาในบริเวณฝั่งไทย ตรงบันไดทางขึ้นปราสาทตาเมือนธม ทางด้านทหารไทยก็ได้เข้าไปอยู่ในจุดดังกล่าวด้วย โดยสถานการณ์มีการผลักอกกัน ตะโกนโวยวาย ล่าสุด พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 แจงว่า ปราสาทตาเมือนธม เหตุการณ์ปกติ ไม่มีอะไร ขอให้ประชาชนอย่าตื่นตกใจ.-313.-สำนักข่าวไทย

จับแล้ว! สีกากอล์ฟ เตรียมนำตัวเข้า บก.ปปป. ขยายผล

นนทบุรี 15 ก.ค. – จับแล้ว! สีกากอล์ฟ เตรียมนำตัวเข้า บก.ปปป. ขยายผลหาผู้เกี่ยวข้อง พร้อมตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. นำกำลังเข้าจับกุม สีกากอล์ฟ อายุ 35 ปี ตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติมิชอบกลาง ในข้อหาสนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ม.147, ร่วมกันฟอกเงิน สมคบกันฟอกเงิน, รับของโจร ภายในบ้านพักหมู่บ้านหรู ย่านนนทบุรี หลังพบเส้นทางการเงินของอดีตพระเทพพัชราภรณ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดชูจิตธรรมาราม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โอนเงินเข้าบัญชีสีกากอล์ฟ 3.8 แสนบาท ซึ่งบัญชีโอนเข้าเป็นเงินบัญชีของวัดชูจิตธรรมาราม ขณะนี้ควบคุมตัวสีกากอล์ฟ เข้ากองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) โดย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ทำการสอบปากคำด้วยตัวเอง ทั้งนี้ มีรายงานว่า พนักงานสอบสวน บก.ปปป. พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมขยายผลไปยังผู้ที่มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ โดยจะมีการตรวจสอบคลิปทุกคลิป […]

ยอมสึกแล้ว “เจ้าคณะจังหวัดพิจิตร” เซ่นปมฉาวพัวพันสีกากอล์ฟ

15 ก.ค. – ยอมสึกแล้ว! พระเทพวัชรสิทธิเมธี เซ่นปมฉาวพัวพันสีกากอล์ฟ หลังมีแชตหลุดคุยหวานสีกา แถมย้ำอย่าให้ภาพหลุด ขณะที่เช้านี้ไร้เงาเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร ล่าสุดมีหนังสือลาออกของพระเทพวัชรสิทธิเมธี จากการเป็นเจ้าคณะจังหวัดพิจิตรและเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง ส่วนสีกากอล์ฟ มีข่าวจะเข้าให้ปากคำกับ ปปป.เพิ่มอีก กรณีเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร หรือเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง ยืนยันไม่สึก เพราะไม่เคยมีสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ แต่ไม่ทันข้ามวันมีแชตหลุดคุยหวานสีกากอล์ฟ แถมย้ำอย่าให้ภาพหลุด วันนี้นักข่าวไปที่วัด ปรากฏ “พระล่องหน” ส่วนสีกากอล์ฟมีข่าวจะเข้าให้ปากคำกับ ปปป. เพิ่มเติม เสียงการให้สัมภาษณ์ของ พระเทพวัชรสิทธิเมธี เจ้าอาวาสวัดท่าหลวง และเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร ที่เมื่อวานนี้ (14 ก.ค.) ออกมายืนยันยังทำกิจของสงฆ์ต่อเนื่อง รอพระผู้ใหญ่และตำรวจเรียกไปให้ปากคำ เพราะมั่นใจว่าสามารถตอบได้ทุกคำถามที่โยงไปถึงสีกากอล์ฟ มั่นใจในความบริสุทธิ์ของตัวเอง ไม่คิดสึกจากความเป็นพระ ปรากฏว่าช่วงบ่ายๆ มีแชตหลุดของพระเทพวัชรสิทธิเมธีหลุดออกมา ในแชตเป็นการคุยโต้ตอบกับสีกากอล์ฟ และท่านสวมใส่เสื้อยืด ไม่ใช่จีวรพระ โดยการพูดคุยเริ่มจากบอกว่า “ทำอะไรก็คิดถึงตลอด” แล้วตามมาด้วยข้อความว่า “ภาพนี้อย่าให้หลุดนะ เดี๋ยวเป็นเรื่อง” ส่วนสีกากอล์ฟก็ตอบไปคำเดียวว่า “ค่ะ” เช้านี้ไร้เงา “พระเทพวัชรสิทธิเมธี”วันนี้ (15 ก.ค.) นักข่าวไปหาพระเทพวัชรสิทธิเมธี […]

ศาลออกหมายจับ “ลูกก๊กอาน” พร้อมพวกรวม 6 คน ลุยค้น 7 จุด

15 ก.ค.- ศาลออกหมายจับ “ลูกสาว-ลูกชาย” ก๊กอาน พร้อมพวกรวม 6 คน ข้อหามีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ก่อนลุยค้นพื้นที่เป้าหมาย 7 จุด ตำรวจไซเบอร์รวบรวมพยานหลักฐานคดีก๊กอาน แก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ พร้อมยื่นศาลออกหมายจับเครือข่ายก๊กอานเพิ่มอีก 6 คน ประกอบด้วย นางจุฬี หรือเชอร์รี่ นางสาวภูเฌหลิน นายกิตติศักดิ์ ซึ่งเป็นลูกสาวและลูกชายก๊กอาน และพวกรวม 6 คน ในฐานความผิดการมีส่วนร่วมในองค์อาชญากรรมข้ามชาติ และพบว่าบุคคลตามหมายจับมีบัตรประจำตัวประชาชนคนไทย รวมถึงมีการขอศาลออกหมายค้น 7 จุดในพื้นที่กรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายหลังศาลออกหมาย นอกจากนี้ ทางกรมปกครองอยู่ระหว่างตรวจสอบความผิดปกติบัตรประชาชนคนไทยของเชอรี่ หลังตำรวจตรวจสอบพบมีข้อมูลน่าสงสัยไม่ตรงกับข้อมูลทะเบียนราษฎร์ – สำนักข่าวไทย