ส.อ.ท. เตือนรัฐทำแผนลดคาร์บอนฯ งงแผนโซลาร์”กองทัพบก-อีอีซี”


กรุงเทพฯ 22 ก.พ. – ส.อ.ท. เตือนภาครัฐทำแผนลดคาร์บอนฯ ก่อนกระทบส่งออกหดตัว ยุโรป-สหรัฐ ใช้เป็นแผนกีดกันทางการค้า งงแผนโซลาร์”กองทัพบก-อีอีซี” ด้านกองทัพบก ย้ำเดินหน้า เมกพโซลาร์ 3 หมื่นเมกะวัตต์ เงินลงทุน 6 แสนล้านบาทเสนอนายกฯ มี.ค.


นายสุวิทย์ ธรณินทร์พานิช ประธานกลุ่มพลังงานหมุนเวียน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ขอให้ภาครัฐเร่งใส่ใจในเรื่องของโครงการลดภาวะโลกร้อน การใช้ส่งเสริมพลังงานทดแทน การลดใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล อย่างเร่งด่วน เพราะขณะนี้ทังสหภาพ ยุโรป (อียู ) และสหรัฐ ได้ประกาศเบื้องต้นว่า ในปี 2573 (ค.ศ. ) 2030 จะประกาศใช้ มาตรการเรื่องการส่งเสริมการลดการปลอดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ มาเป็น ข้อพิจารณาการนำเข้าสินค้า ซึ่งในขณะนี้ผู้ส่งออกได้ขอให้ ส.อ.ท.เรื่องหารือกับภาครัฐให้ ร่วมกันวางแผนรับมืออย่างจริงจัง ก่อนที่จะกระทบต่อการส่งออกของประเทศ โดยขณะนี้ ภาคประชาชนได้จัดทำแผนพัฒนาพลังงานทดแทน และพลังงานทางเลือก (AEDP) เสนอต่อกระทรวงพลังงานในเดือนมีนาคมนี้


“มาตรการคาร์บอน นับเป็นมาตรการกีกันทางการค้า ที่ไม่ใช่ภาษี (NBT ) ดังนั้นหากไทยยังใช้ฟอสซิล โดยเฉพาะก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงเป็นหลักก็ยังไม่สามารถลดคาร์บอนฯได้ ต้องใช้พลังงานทดแทน ซึ่งภาครัฐก็ต้องวางแผนให้พร้อมว่าจะลดอย่างไร ส่งเสริมพลังงานทดแทนอย่างไร เช่น โซลาร์ฟาร์มซึ่งขณะนี้ต้นทุนประมาณ 1บาท/หน่วยแต่ไม่เสถียร หากเสถียรต้องบวกกับแบตเตอรี่ (ESS)กลายเป็น 2.50-3.00 บาท/หน่วย ใกล้เคียงกับก๊าซฯที่ 2.50 บาท/หน่วย แต่แนวโน้มต้นทุน ESS อีก 5 ปีคาดจะลดลงครึ่งหนึ่ง”นายสุวิทย์กล่าว



นายสุวิทย์ ยังกล่าวถึงโครงการโซลาร์ฟาร์มที่กองทัพบกประกาศสนับสนุนให้เกิดขึ้น 3 หมื่นเมกะวัตต์ และ ในพื้นที่ โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี)อีก 500 เมกะวัตต์ ในขณะนี้ภาคเอกชนตั้งข้อสังเกตว่า โครงการนี้ไม่มีอยู่จิง เพราะยังไม่ได้อยู่ในแผนพัฒนากำลังไฟฟ้าระยะยาว (พีดีพี )ของประเทศแต่อย่างใด การดำเนินการควรอยู่กระดานเดียวกัน กระทรวงพลังงาน ควรหารือทั้ง 2 หน่วยงาน ว่าจะดำเนินการอย่างไร โดยแผนพีดีพี ฉบับปัจจุบันคือ พีดีพี 2018 ฉบับทบทวนครั้งที่ 1 กำหนด ถึงสิ้นปี 2580 จะมีโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์เข้าระบบประมาณ 12,000 เมกะวัตต์เท่านั้น ซึ่งแม้ว่าเอกขนต้องการเห็นพลังงานทดแทนเกิดขึ้นในประเทศ แต่ก็ต้องอยู่บนฐานเดียวกัน

พลโท รังษี กิติญาณทรัพย์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5 ในฐานะตัวแทนกองทัพบก เปิดเผยว่า โครงการเมกะโปรเจคโซลาร์ฟาร์ม 30,000 เมกะวัตต์ ทั่วประเทศ ในพื้นที่ดูแลกองทัพบกทั่วประเทศ 4.5 ล้านไร่ มาพัฒนาให้เกิดประโยชน์ในด้านเกษตรกรรมและพลังงาน คาดใช้พื้นที่ติดตั้งโซลาร์ฟาร์ม 300,000 ไร่ จะใช้เงินลงทุนทั้งโครงการประมาณ 6 แสนล้านบาท และเบื้องต้นในส่วนโครงการนำร่องที่จังหวัดพาญจนบุรี ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ(MOU) กับทางการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เมื่อวันที่ 28 มกราคม ที่ผ่านมา เพื่อพัฒนาเบื้องต้น 3 พันไร่ 300 เมกะวัตต์ คาดใช้เงินลงทุนประมาณ 6,000-7,000 ล้านบาท ซึ่งภาพรวมทั้งโครงการ ทางกองทัพบกจะสรุป เสนอไปยังนายกรัฐมนตรีได้ภายในเดือนมีนาคมนี้ หากได้รับการอนุมัติเข้า ครม. ก็จะเดินหน้าโครงการทันที คาดว่าจะสามารถลงนาม สัญญาซื้อขายไฟฟ้า( PPA )ภายในปลายปีนี้ ส่วนรูปแบบการร่วมทุนนั้น เป็นหน้าที่ของ กฟผ. เปิดประมูลต่อไป

ล่าสุด มีผู้ประกอบธุรกิจด้านพลังงาน 50-60 บริษัท ทั้งขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็ก รวมทั้งผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ติดต่อเข้าขอรับทราบรายละเอียดและข้อมูลเพิ่มเติม พร้อมแสดงเจตจำนงเข้าร่วมลงทุน “เมกะโซลาร์ฟาร์ม” รวมถึงลงทุนในอุตสาหกรรมโซลาร์เซลล์ครบวงจร ทั้งการผลิตแผงโซลาร์เซลล์ อุตสาหกรรมที่เป็นนวัตกรรมทางเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต และการลดต้นทุน


” โครงการ”เมกกะโซลาร์ฟาร์ม” ขนาดติดตั้ง 30,000 เมกะวัตต์ คาดใช้พื้นที่ทั้งหมด 300,000 ไร่ จะใช้เงินลงทุนทั้งโครงการประมาณ 6 แสนล้านบาท มีบริษัทพลังงานสนใจเป็นจำนวนมาก และ ปตท. เสนอทำESSเพื่อป้อนโครงการ แต่เนื่องจากเป็นโครงการขนาดใหญ่ จึงอาจต้องร่วมมือกับบริษัทจีนต่อไป” พลโท รังษีกล่าว

ส่วนกรณีโครงการดังกล่าวยังไม่บรรจุในแผน PDP นั้น ขณะนี้กระทรวงพลังงานอยู่ระหว่างปรับปรุงฉบับใหม่ และหากโครงการนี้ได้รับอนุมัตจาก ครม.แล้ว ก็เอาไปใส่ในแผน และปรับพลังงานอื่นๆให้เหมาะสม เพราะเชื่อว่าโครงการดังกล่าวจะสร้างประโยชน์ต่อประเทศ โดยต้นทุนอยู่ที่ราว 18ล้านบาทต่อเมกะวัตต์ ค่าไฟเพียง 1.50 บาทต่อหน่วย (ยังไม่รวมESS) ซึ่งคาดว่า ประชาชนจะได้ประโยชน์ จ่ายค่าไฟฟ้าในอัตราที่ลดลง ประมาณยูนิตละ 2.50 บาท จากเดิม 3.50 บาท. ประเทศจะลดการขาดดุลในการซื้อไฟฟ้าจากประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงการนำเข้าก๊าซและถ่านหิน ประมาณปีละ 700,000-800,000 ล้านบาท . – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

อุดพนังกั้นน้ำสำเร็จ น้ำท่วมหล่มสักเริ่มคลี่คลาย

เพชรบูรณ์ 21 ก.ย.-น้ำท่วมตัวอำเภอหล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ รวมทั้งย่านการค้า เริ่มลดลงแล้ว หลังเจ้าหน้าที่อุดพนังกั้นน้ำที่พังลงมาได้สำเร็จ และน้ำในแม่น้ำป่าสักลดลง จุดที่พนังกั้นน้ำริมแม่น้ำป่าสักแตกยาวกว่า 10 เมตร ทำให้น้ำทะลักเข้าท่วมเขตเศรษฐกิจ อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ เจ้าหน้าที่สามารถปิดพนังกั้นน้ำที่พังลงมาได้แล้ว แม้จะยังไม่ 100% ทำให้ยังมีน้ำรั่วซึมเข้ามาบ้าง แต่ช่วยลดปริมาณน้ำจากแม่น้ำป่าสักที่ทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนและอาคารร้านค้าหลายร้อยหลังในย่านการค้าของหล่มสักลงได้ ส่งผลให้น้ำที่ท่วมหลายจุดตั้งแต่เมื่อวานลดลง บางจุดเริ่มเห็นผิวถนนแล้ว และคาดว่าจะลดลงต่อเนื่อง หลังระดับน้ำในแม่น้ำป่าสักที่ไหลผ่านตัวอำเภอหล่มสัก ลดลงเฉลี่ยชั่วโมงละ 10 เซนติเมตร จนต่ำกว่าพนังที่ทางเทศบาลเสริมขึ้นมาแล้ว แต่ยังมีบ้านเรือนตามชุมชนที่อยู่ริมน้ำใกล้จุดพนังแตก ถูกน้ำท่วมขังอยู่บ้าง ขณะที่ชาวบ้านหลายครอบครัวเร่งนำข้าวของเครื่องใช้ที่ถูกน้ำท่วมเสียหายออกมาล้างทำความสะอาด เร่งล้างคราบโคลนภายในบ้านกันบ้างแล้ว หลังต้องเจอน้ำท่วมหนักถึง 2 รอบ ในช่วง 3 สัปดาห์ และกว่าจะอุดพนังกั้นน้ำที่พังลงมาได้สำเร็จไม่ใช่เรื่องง่าย เจ้าหน้าที่ต้องใช้ความพยายามตลอดทั้งคืน ระดมกำลังคนและเครื่องจักรหนักเข้ากู้สถานการณ์ อุดรอยรั่วซ่อมพนังกั้นน้ำ ตรงข้ามสวนดงตาล ที่พังลงมายาวกว่า 10 เมตร โดยใช้แบริเออร์ กระสอบทรายบิ๊กแบ็ก วางอุดรอยรั่วได้สำเร็จ แม้ตอนนี้ยังคงมีน้ำรั่วซึมเข้ามาจากจุดพนังแตกอยู่บ้าง แต่หากระดับน้ำในแม่น้ำป่าสักลดลงอย่างต่อเนื่องแบบนี้ คาดว่าสถานการณ์น้ำท่วมในเขตเทศบาลเมืองหล่มสักจะลดลงต่อเนื่อง.-สำนักข่าวไทย

ทบ.ชี้แจงปมกัมพูชาประท้วงไทย ย้ำพื้นที่อยู่ในเขตไทย

กทม. 21 ก.ย.-กองทัพบก ชี้แจงปมกัมพูชาประท้วงไทย ย้ำพื้นที่อยู่ในเขตไทย ไม่ใช่พื้นที่พิพาท กรณีกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา ออกแถลงการณ์เมื่อ 20 ก.ย.68 ระบุว่า “กัมพูชาได้ยื่นหนังสือประท้วงและคัดค้านอย่างเป็นทางการต่อรัฐบาลไทย เกี่ยวกับเจตนาที่จะใช้กฎหมายภายในประเทศของไทยกับพลเมืองกัมพูชาในหมู่บ้านโจกเจย และหมู่บ้านไปรจัน ตำบลโอเบยเจือน อำเภอโอโจรว จังหวัดบันเตียเมียนเจย โดยมีรายละเอียดกล่าวหาฝ่ายไทยว่า ฝ่ายไทยอ้างสิทธิ์ใช้กฎหมายภายในประเทศกับพลเมืองกัมพูชาในพื้นที่พิพาท โดยการอ้างสิทธิ์ดังกล่าวของไทยละเมิดพันธกรณีตามกฎบัตรสหประชาชาติ (มาตรา 2(3) และ 2(4)) เป็นการละเมิดบันทึกความเข้าใจ MOU 2000 ว่าด้วยการสำรวจและปักปันเขตแดนทางบก ขัดต่ออำนาจหน้าที่ของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม ขอเรียกร้องให้ไทยยุติกิจกรรมที่บ่อนทำลายความพยายามลดความตึงเครียด ตามข้อตกลงหยุดยิง พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้ชี้แจงต่อกรณีนี้ว่า ฝ่ายไทยมีสิทธิและหน้าที่ในการบังคับใช้กฎหมายภายในประเทศกับบุคคลที่อยู่ในเขตดินแดนของไทย ซึ่งเป็นหลักการสากลที่ทุกประเทศยอมรับ และขอยืนยันว่า พื้นที่ที่ฝ่ายไทยอาจจำเป็นต้องดำเนินการก่อนนั้น ไม่ได้อยู่ในเขตของพื้นที่ที่ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์ อย่างที่ฝ่ายกัมพูชาพยายามบิดเบือน แต่อยู่ในเขตอธิปไตยของประเทศไทยอย่างชัดเจน ซึ่งทำให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปอย่างถูกต้องตามหลักอธิปไตยของรัฐ ส่วนเรื่องพันธกรณีตามกฎบัตรสหประชาชาติ ในมาตรา 2(3) ที่ได้ระบุไว้ว่า “รัฐสมาชิกต้องระงับข้อพิพาทระหว่างประเทศด้วยวิธีสันติ เพื่อไม่ให้สันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศตกอยู่ในอันตราย” นั้น ในความเป็นจริงกลับพบว่า ฝ่ายกัมพูชามักจะเป็นผู้ละเมิด อย่างกรณีการปลุกปั่น จัดฉาก […]

จับตาปลาย ก.ย. พายุถี่ขึ้น ลุ้นเคลื่อนเข้าไทย

กรุงเทพฯ 21 ก.ย.- กรมอุตุฯ เผยแนวโน้มเกิดพายุถี่ขึ้นช่วงปลายเดือน ก.ย. ทั้งในมหาสมุทรแปซิฟิกและทะเลจีนใต้ ขณะที่พายุไต้ฝุ่น “รากาซา” แม้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทยโดยตรง แต่ส่งอิทธิพลต่อร่องมรสุมและมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ทำให้หลายพื้นที่มีฝนเพิ่มขึ้น ต้องเฝ้าระวังฝนตกหนักและฝนตกสะสม นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า ช่วงปลายเดือนกันยายนนี้มีแนวโน้มเกิดพายุถี่ขึ้นบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกและทะเลจีนใต้ โดยเฉพาะในช่วงวันที่ 26–27 กันยายน มีโอกาสเกิดพายุลูกใหม่เพิ่มอีก แม้ขณะนี้ยังไม่มีทิศทางชัดเจนว่าจะเคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทยหรือไม่ แต่ต้องจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ปัจจุบัน พายุไต้ฝุ่น “รากาซา” (RAGASA) ยังคงเคลื่อนตัวอยู่บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตก แม้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ไทยโดยตรง แต่ส่งอิทธิพลต่อสภาพอากาศในประเทศ ทำให้ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ขณะเดียวกันมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยก็มีกำลังแรงขึ้น ส่งผลให้หลายพื้นที่มีฝนเพิ่มขึ้น และบางแห่งมีฝนตกหนักถึงหนักมาก โดยเฉพาะในช่วงวันที่ 21–27 กันยายน 2568 พื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังฝนตกหนักและฝนตกสะสม ได้แก่ กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก เช่น จันทบุรี ตราด รวมถึงภาคเหนือตอนล่าง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง เช่น แม่ฮ่องสอน […]

ไทยตอนบนฝนตกหนักบางแห่ง

กทม. 21 ก.ย.-กรมอุตุฯ ไทยตอนบนฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะ จ.แม่ฮ่องสอน ตาก จันทบุรี และตราด ทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร กรุงเทพฯ และปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 60% ของพื้นที่ กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน ตาก จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง สำหรับบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทย 06.00 น. วันนี้ ถึง 06.00 น. วันพรุ่งนี้ ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ […]