กทม. 7 มิ.ย.-หมอตุลย์ โต้ หลังเลขาฯ รมว.สาธารณสุข ส่งบันทึกถึง ผอ.ศูนย์ปอท. ให้ตรวจสอบจริยธรรมของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ปมแชตไลน์ ชี้ รมว.สาธารณสุข ไม่มีอำนาจตรวจสอบ และแชตดังกล่าว เป็นไลน์กลุ่มบุคคลไม่ใช่กลุ่มกรรมการแพทยสภา ย้ำการพิจารณาของแพทยสภาเป็นไปตามหลักฐาน ปราศจากอคติ
ตามที่นายกิตติกร โล่ห์สุนทร เลขานุการ รมว.สาธารณสุข ได้ส่งบันทึกถึงผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ให้ตรวจสอบจริยธรรมของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม และกรรมการแพทยสภา กรณีส่งข้อความในกลุ่มไลน์แพทยสภาเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม และมีอคติในการวินิจฉัยการรักษาอาการป่วยของนายทักษิณ ชินวัตร โดยอ้างถึงหนังสือร้องเรียนของนายชวภณ กมลคณาวุฒิ ถึงนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ขอให้พิจารณาตรวจสอบจริยธรรมของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม และกรรมการแพทยสภา
นายแพทย์ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ จึงขอเรียนชี้แจงว่า
1.นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ไม่มีอำนาจหน้าที่ใดๆ ในการพิจารณาจริยธรรมของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม และกรรมการแพทยสภา
2.แพทยสภามีอำนาจหน้าที่พิจารณาจริยธรรมของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับการประกอบวิชาชีพเวชกรรมเท่านั้น หากเป็นการกระทำผิดจริยธรรมของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมในเรื่องอื่นใด ที่ไม่ใช่การประกอบวิชาชีพเวชกรรม แพทยสภาไม่มีอำนาจพิจารณาในเรื่องนี้ เช่นการฉ้อโกง หนีภาษี ขโมยของ หรือทำร้ายร่างกาย อันเป็นการกระทำผิดกฎหมายแพ่งและอาญาที่เสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของวิชาชีพแพทย์ เมื่อหน่วยงานอื่นได้สอบสวนลงโทษแล้ว และมีผู้กล่าวโทษต่อแพทยสภา แพทยสภาจึงจะพิจารณาว่าผู้ประกอบวิชาชีพนั้นจะต้องถูกลงโทษหรือไม่ในสถานใด
3.เป็นที่ปรากฏชัดแล้วว่า มีการอ้างถึง แชตไลน์ 2 กลุ่ม แชตดังกล่าวที่พาดพิงนายทักษิณ ชินวัตร ไม่ใช่ไลน์กลุ่มของกรรมการแพทยสภา ซึ่งในสื่อถูกตัดชื่อกลุ่มออกไป โดยเป็นแชตไลน์ที่เขียนโดยแพทย์ท่านหนึ่งที่ไม่ใช่กรรมการแพทยสภา หากจะมีการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อ ผอ.ศูนย์ปอท. ก็ต้องเป็นผู้เสียหายโดยตรง คือนายทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้ร้องเรียน หรือกล่าวได้ว่า เลขานุการ รมว.สาธารณสุข ไม่มีอำนาจหรือสิทธิใดๆ ในการร้องต่อ ผอ.ศูนย์ปอท. อนึ่งศูนย์ปอท. มีหน้าที่สอบสวนคดีที่เป็นการกระทำผิดกฎหมายอาญาด้านอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ไม่ใช่ตรวจสอบจริยธรรมของแชตไลน์ และกรรมการแพทยสภา
4.เมื่อแชตดังกล่าวไม่ได้อยู่ในไลน์กลุ่มของแพทยสภา แม้กรรมการแพทยสภาท่านหนึ่งจะมากดตอบ Yesss ก็ไม่ได้มาตอบในฐานะกรรมการแพทยสภา แต่เป็นเพียงสมาชิกคนหนึ่งใน Line group นี้
5.การที่นายธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรี ก. สาธารณสุข นำแชตไลน์ที่พาดพิงในทางลบต่อนายทักษิณ ชินวัตร ก็น่าจะมีการส่งต่อจากผู้ที่เป็นสมาชิกในกลุ่มไลน์นั้นส่งมาให้ จึงนับเป็นการเสียมารยาทในการอยู่ในไลน์กลุ่มอย่างร้ายแรง
6.เมื่อตรวจสอบแชตกลุ่มไลน์ของกรรมการแพทยสภา ที่นายธนกฤต นำมาเปิดเผย พบว่า เป็นข้อความที่ส่งต่อมาจากกลุ่มแพทย์และประชาชนที่สนับสนุนการลงมติของแพทยสภา เมื่อวันที่ 8 พ.ค. 68 และเรียกร้องให้กรรมการแพทยสภามาร่วมประชุมโดยพร้อมเพรียงกันในวันที่ 12 มิ.ย. 68 และออกเสียงยืนยันมติเดิมที่ถูกยับยั้งโดยนายสมศักดิ์ เทพสุทิน สภานายกพิเศษ เพราะแพทย์และประชาชนจำนวนมากไม่เห็นด้วยกับเหตุผลในการยับยั้งมติของแพทยสภา
7.กรรมการแพทยสภาพิจารณาและลงมติการรักษานายทักษิณ ชินวัตร โดยแพทย์ทั้ง 4 ท่านที่ถูกกล่าวโทษตามพยานหลักฐานจากการสอบปากคำพยานบุคคลจำนวนหลายปาก และเอกสารที่ได้จากกรมราชทัณฑ์ และรพ.ตำรวจ พร้อมด้วยความเห็นจากราชวิทยาลัยแพทย์ที่เกี่ยวข้อง จนได้ข้อสรุปว่า เมื่อไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ ที่ชี้ชัดว่า (นายทักษิณ ชินวัตร) มีการป่วยวิกฤต ตามการออกความเห็นทางการแพทย์ ไม่ว่าจะเป็นการให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน หรือการเขียนเอกสารแสดงความเห็นทางการแพทย์ที่ไม่ตรงตามความเป็นจริง เช่น ระบุว่าป่วยหนัก ต้องรักษาต่อเนื่องที่รพ.ตำรวจ ไม่สามารถส่งกลับไปรักษาที่ รพ.ราชทัณฑ์ได้ ทั้งๆที่ไม่มีความจำเป็นต้องรับไว้รักษาในรพ.ตำรวจแล้ว และสามารถส่งตัวกลับไปรักษาที่รพ.ราชทัณฑ์ได้ การดำเนินการพิจารณาจริยธรรมของแพทย์ผู้ตรวจรักษานายทักษิณ ชินวัตร จึงมีความจริงจากหลักฐานประกอบการพิจารณา โดยปราศจากอคติ ไม่ได้เบี่ยงเบนไปจากมาตรฐานตามคำร้องเรียนแต่อย่างใด
อนึ่ง แถลงการณ์ให้กำลังใจแพทยสภาที่ปรากฏในไลน์กลุ่มแพทยสภา เกิดขึ้นหลังจากนายสมศักดิ์ เทพสุทิน มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณามติแพทยสภา จนนายสมศักดิ์ เทพสุทิน สภานายกพิเศษมีมติยับยั้งมติเดิมของแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พ.ค. 68 แชตดังกล่าวจึงไม่มีผลต่อการลงมติเมื่อวันที่ 8 พ.ค. 68 อย่างแน่นอน
ทั้งนี้ นายแพทย์ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ ยังทิ้งท้ายว่า ขอย้ำว่า รมว.สาธารณสุข มีอำนาจต่อการทำหน้าที่ของแพทย์ และบุคลากรในสังกัด ก.สาธารณสุข เท่านั้น ไม่มีอำนาจสอบสวนผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมในสังกัดอื่น และไม่มีอำนาจในการตรวจสอบกรรมการแพทยสภาแต่อย่างใด.-สำนักข่าวไทย