“จตุพร” ลั่นปัญหาทั้งหมดเกิดจากพ่อนายกฯ ท้า “ทักษิณ” ไปศาล 13 มิ.ย.นี้

กทม 7 มิ.ย.-“จตุพร” ยันไม่ได้เรียกร้อง เพราะกระหายสงคราม-รัฐประหาร แต่คนที่เรียกรัฐประหารคือ นายกฯ ที่อ่อนแอ ลั่นปัญหาทั้งหมดเกิดจากพ่อนายกฯ เตรียมบุกแพทยสภาแสดงจุดยืน ท้า “ทักษิณ” ไปศาล 13 มิ.ย.นี้ แต่เชื่อไม่ไป ฟันธงหากหนีจะไปทาง “กัมพูชา” แน่

นายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีตประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และนายนิติธร ล้ำเหลือ ทนายนกเขา นักกิจกรรมและนักเคลื่อนไหวทางการเมืองพร้อมด้วย วิทยากรอื่นๆ ร่วมกันแถลงข่าวกิจกรรมในหัวข้อเมื่อประเทศไทยมีปัญหา ถึงเวลาของคนไทยทุกคน ที่ต้องมาร่วมกันทำวาระเพื่อชาติ


โดยนายจตุพร กล่าวว่า ขณะนี้มีสถานการณ์ที่ชี้ชะตาของประเทศอยู่ โดยเฉพาะกรณีไทย- กัมพูชา ซึ่งตนเคยพูดว่าถ้าไทยกับกัมพูชาจะมีปัญหากันได้นั้น จะต้องไม่ใช่วันที่ตระกูลชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะ 2 ครอบครัวนี้สนิทกันมาก นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีบ้านอยู่กรุงพนมเปญ ลูกของน้องสาวก็เป็นดองกับผู้แทนที่กัมพูชา โดยส่วนตัวก็รู้จักสมเด็จฮุน เซนและนายฮุน​ มาเนต แต่พวกเราก็แยกแยะได้ระหว่างการรู้จักส่วนตัว กับเรื่องผลประโยชน์ชาติ โดยเฉพาะเรื่องดินแดน

นายจตุพร​ กล่าวว่า การทำหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี และนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้สะท้อนให้เห็นซึ่งความอ่อนแอมาโดยตลอด และเป็นการพูดในลักษณะที่เสียเปรียบ เมื่อนายทักษิณ บอกว่าพูดคุยกันอย่างสนิทสนมกับนายฮุน เซน บอกว่าจะเปลี่ยนสนามรบให้เป็นสนามตะกร้อซึ่งไม่มีใครขำด้วย แม้บอกว่าจะทำให้พื้นที่เป็น No man’s land และนายภูมิธรรม บอกว่าไม่ใช่การรุกล้ำพื้นที่ ถ้าเป็น No man’s land จริง ไม่มีใครมีสิทธิ์เข้า แต่การไปสารภาพยอมรับว่า ไม่มีการรุกล้ำพื้นที่นั้น กัมพูชาเขาต้องการแค่นี้ จึงลากไปศาลโลก และแม้ว่าไทยไม่ได้เป็นสมาชิกศาลโลก แต่การสร้างความชอบธรรมในกระบวนการอื่นๆ จากความอ่อนแอของนายกรัฐมนตรี ทั้งพูดไม่รู้เรื่อง ควบคุมตัวเองไม่ได้ ไม่เหมาะสมกับ สถานการณ์การเมืองที่สุ่มเสี่ยงจะต้องเสียดินแดน เพราะเราเป็นประเทศที่เสียดินแดนมากกว่าที่เหลืออยู่ และจะไม่ยอมเสียดินแดน แม้แต่ตารางนิ้วเดียวอีกต่อไป


นายจตุพ รกล่าวอีกว่า ​การออกแถลงการณ์เรียงตามลำดับไม่ได้สะท้อนถึงความแข็งแรงของประเทศนี้ แม้กระทั่งนายภูมิธรรม ออกแถลงการณ์เมื่อช่วงเวลา 7.00 น. ก็ยังไม่ได้แสดงว่าประเทศแข็งแรง จนกระทั่งผู้บัญชาการทหารบก ออกคำสั่งให้ กองกำลังบูรพา กองกำลังสุรนารีพิจารณาเปิด-ปิดด่าน ชายแดน และอีกไม่กี่วันข้างหน้าตนเชื่อว่าแม่ทัพภาคที่ 2 จะประกาศใช้กฎอัยการศึกตามตะเข็บชายแดน

“การที่เราได้รัฐบาลที่มีความอ่อนแอ ในวันที่เราต้องการความเข้มแข็ง แน่นอนไม่มีใครกระหายสงคราม ตามที่มีการปลุกเรื่องการกระหายสงคราม แต่บทเรียนของเรา การเจรจาระหว่างรองนายกรัฐมนตรีควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ของ 2 ชาติที่สระแก้วนั้น ที่นายกฯ บอกว่า ok ok แต่ท้ายที่สุดทางกัมพูชาปฏิเสธทุกข้อ แล้วเราต้องยอมรับความเป็นจริงว่า ประเทศเขาได้นักรบปกครองบ้านเมือง เราได้นักอะไรก็ไม่รู้ปกครอง จนกระทั่งปัจจุบัน ไม่มีความเท่าทันในการที่จะทำหน้าที่ปกป้องดินแดน” นายจตุพร กล่าว

นายจตุพร ยังกล่าวด้วยว่า เรื่องนี้ตนเชื่อว่าประชาชนคนกัมพูชาทำงานในไทย คนไทยที่ทำงานในกัมพูชา ขออย่าให้มีปัญหาซึ่งกันและกัน นี่เป็นเรื่องระหว่างรัฐกับรัฐ กองทัพกับกองทัพ และการออกมาเรียกร้องในเรื่องดินแดน ไม่ใช่การเรียกร้องรัฐประหาร ตามที่มีการปั่นกระแสกันอยู่ ถ้าคนไทยประเทศนี้เงียบเพราะกลัวการทำรัฐประหาร เพื่อแลกกับการเสียดินแดนนั้น เป็นเรื่องที่อธิบายไม่ได้เลย


นายจตุพร ยังกล่าวด้วยว่าในวันที่ 10 มิถุนายนนี้ จะมีการประกาศแสดงจุดยืน แต่เมื่อเรามองเห็นว่าปัญหาของชาติมาจากพ่อของนายกรัฐมนตรี วันที่ 11 มิถุนายนนี้ ก็จะเดินทางไปที่แพทยสภา ในเวลา 10.00 น. เพราะนี่จะเป็นเรื่องจุดเปลี่ยน เชื่อว่า เกิน 60 เสียงในแพทยสภา ที่จะยืนตามมติเดิม โต้กลับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ส่วนวันที่ 13 มิถุนายนนั้น ที่ศาลฎีกานัดพร้อมและไต่สวน

“ผมขอทายท้านายทักษิณ ว่าให้แสดงความกล้าหาญท่านพูดถึงผม ว่าผมนี่เข้าป่าไปแล้วแต่ว่าท่านกล้าไปศาลหรือไม่ ที่พูดอวดดีตามที่ต่างๆนั้น ขอถามว่าจะไปที่ศาลฎีกาหรือไม่ ผมไม่ต้องการฟังเหตุผล ว่าป่วยอีกแล้ว ถ้าไปต้องไปในวันนั้น และถ้าศาลพิจารณาเสร็จในวันนั้นก็น้อมรับ คำสั่ง จึงจะได้เป็นแบบอย่าง ไม่ใช่ไปเก่งตามงานวันเกิด หรือตามงานต่างๆ แต่งานที่ตัวเองจะต้องรับผิดชอบ ในฐานะที่เคยเป็นผู้นำประเทศ เป็นนายกรัฐมนตรีถึง 2 ครั้งนั้น ควรจะต้องใช้ความกล้าหาญ กล้าประกาศว่าหัวเด็ดตีนขาดตายเป็นตายคุกเป็นคุกเลยไหม ว่าวันที่ 13 นี้ จะไปที่ศาลฎีกา” นายจตุพรกล่าว

นายจตุพรยังกล่าวต่อว่าประเด็นสุดท้ายที่ทางกัมพูชานัดประชุม JBC ที่กรุงพนมเปญ ซึ่งกัมพูชายืนยันว่าจะไม่เอา 4 เรื่องเข้า ทางกัมพูชาเขาบอกเขาไปศาลโลกอย่างเดียว แต่ทางการไทยยังซื้ออยู่ ทั้งที่ไม่มีวาระนี้แล้ว ส่วนที่นายภูมิธรรม อยากจะไป ก็คงต้องยอมให้ทางเขมรเขาไป

“หลักการในเรื่องการปักปันเขตแดน ตรงไหนตกลงกันไม่ได้ ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์ จะไม่มีใครมีสิทธิ์เข้าไป และตกลงกันว่าวันใดที่จุดนั้นมีความเจริญเท่าเทียมกัน ค่อยมาเจรจากันอีกครั้ง แต่ไม่ใช่มาขุดคูเรดในเขตพื้นที่อ้างสิทธิ์กันได้ นั่นคือการรุกล้ำ และแสดงความเป็นเจ้าของ และหลังจากที่นายภูมิธรรม ไปเจรจารัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รองนายกกัมพูชา เขากลับไปออกแถลงการณ์ ไม่ถอนกำลัง และไม่ถอย ประเทศไทยก็ไม่มีมาตรการใดๆ เมื่อเขาครอบครองก็มีหลักการเดียว เหมือนกฎหมายปิดปากกรณีปราสาทเขาพระวิหาร เราจะไปเสียโง่ซ้ำประเด็นเดิมๆ นี้ไม่ได้ เพราะฉะนั้นหัวใจหลักของเรื่อง ในประเทศไทยวันที่ 12-13 มิ.ย. นั่นคือจุดเปลี่ยนที่สำคัญ และถ้าคุณทักษิณ ให้ความร่วมมือก็ไปที่ศาลฎีกา ส่วนหลังจากไปใช้ชีวิตในเรือนจำ ตนเชื่อว่าร้อยทั้งร้อยไม่ไป” นายจตุพรกล่าว

นายจตุพร กล่าวต่อว่า ในบ้านเมืองที่เกิดการเสียดินแดนเพราะทัศนคติของคน ในชาติ เพราะฉะนั้นวันนี้เราในฐานะเป็นคนไทยที่มองเห็นว่าเศรษฐกิจก็พัง การเมืองก็พัง ขบวนการยุติธรรมก็พัง และจะเสียดินแดนอีกนั้น ดังนั้นจึงถึงเวลาที่คนไทยต้องทำหน้าที่

“ขอย้ำว่า นี่คือการปกป้องประเทศ ไม่ใช่การเรียกร้องรัฐประหาร การไม่รักชาติแล้วอ้างว่าคนที่เขารักชาติเรียกร้องรัฐประหารในแผ่นดินนี้ ถ้าจะมีใครเรียกร้องรัฐประหารนั้นก็มีทางเดียว คือความอ่อนแอของตัวนายกรัฐมนตรี การ สทร.ทุกเรื่องของพ่อนายกฯ การไม่รู้จักหน้าที่ของรองนายกและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นั่นคือการเรียกรัฐประหารตัวจริง คนไทยมีหน้าที่ปกป้องแผ่นดิน เช่นเดียวกับทหารที่เขาต้องทำหน้าที่ เพราะฉะนั้นอย่าไปโทษใคร การทำหน้าที่ของรัฐบาล อ้างความสนิทสนม นี่นายกฯ พึ่งไปที่กัมพูชามา เราก็มีปัญหากับดินแดน ก่อนหน้านี้ไปจีนมา นักท่องเที่ยวจีนหายหมด ขอร้องอย่าไปที่ไหนอีก” นายจตุพร กล่าว

นายจตุพร ยังกล่าวว่า ในภูมิภาคนี้ทางกัมพูชามีความมั่นคงภายในมากที่สุด หากไปทางฝั่งมาเลเซีย นายอันวาร์ ไม่ได้แข็งแรงแบบซีกกัมพูชา และวันที่ 13 มิ.ย. เชื่อขนมกินได้ว่านายทักษิณ ไม่ไป ตนอยากทายผิด อยากหน้าแตก แต่ตนเชื่อว่าเขาไม่ไป ฉะนั้น ช่องทางตะเข็บไทย-กัมพูชา มีช่องทางจำนวนมากที่จะออกไปได้ หากมีความปล่อยปละละเลย และที่ผ่านมาการออกนอกประเทศของนายทักษิณ แม้กระทั่งของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ถ้าไม่ร่วมมือกันกับผู้มีอำนาจ ไม่มีวันที่จะออกได้ ครั้งนี้ก็เหมือนกันสถานการณ์ขณะนี้ช่องทางธรรมชาติ กองกำลังบูรพา หรือสุรนารี ย่อมที่จะรู้กันเป็นอย่างดีว่ามีช่องไหนบ้าง ดังนั้น ตนก็ยังเห็นว่าถ้าจะมีการออกนอกประเทศ ช่องทางเดียวเท่านั้นคือกัมพูชา

“แม้ว่าคนทั่วไปเรื่องสงคราม แต่ดูบริบทของคุณทักษิณ หรือคุณอุ๊งอิ๊ง จะเห็นว่าไม่มีอะไร ผมรู้จักซีกฝั่งนั้น ไม่ได้แตกต่างกัน แต่ฝั่งเขาก็มีหน้าที่ปกป้องแผ่นดินเขา ฝั่งเราก็มีหน้าที่ปกป้องแผ่นดินเรา การรู้จักกับการเสียดินแดนเป็นเรื่องที่แลกกันไม่ได้อยู่แล้ว เพียงแต่ฝั่งเขารู้จักการแยกแยะ ฝั่งไทยไม่รู้จักการแยกแยะและเราจะมาตามใจผู้นำให้ไปทำหน้าที่อย่างนั้นก็ไม่ได้ ถ้าจะออกนอกประเทศ ถ้าเป็นทางบกหรือทางเรือ คิดมาทางซีกฝั่งกัมพูชา อันวาร์ทางมาเลเซียรับมือไม่ไหว”นายจตุพร กล่าว.-319​.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

วิศวกรรมสถานฯ ห่วงดินอ่อนเสี่ยงขยายวง หลังถนนหน้า รพ.วชิรพยาบาล ทรุดตัว

กรุงเทพฯ 24 ก.ย. – วิศวกรรมสถานฯ ตรวจสอบเหตุถนนทรุด หน้า รพ.วชิรพยาบาล เบื้องต้นพบยังมีน้ำรั่วซึม ทำให้ดินใต้ถนนอ่อนตัว มีโอกาสสไลด์เพิ่ม หากมีฝนตกลงมา นายธเนศ วีระศิริ ที่ปรึกษาวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ตรวจสอบเหตุผิวจราจรทรุดตัวบริเวณถนนหน้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาล ว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ายังมีน้ำรั่วซึม ทำให้ดินใต้ถนนอ่อนตัวและมีโอกาสสไลด์เพิ่มเติมได้ โดยเฉพาะหากมีฝนตกลงมา จะเพิ่มความเสี่ยงให้พื้นที่ไม่คงตัวมากขึ้น ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานเร่งหาทางปิดแหล่งน้ำที่รั่วซึม ทั้งจากท่อประปาและท่อระบายน้ำ ซึ่งยังมีน้ำไหลออกมาเป็นระยะ หากสามารถหยุดได้จะช่วยสร้างเสถียรภาพชั่วคราวให้กับดิน และลดโอกาสการขยายวงของการทรุดตัว พร้อมกันนี้มีการนำเครื่องมือสำรวจ เช่น 3D Scan มาช่วยวัดความกว้าง ความยาว และความลึกของหลุม เพื่อประเมินความปลอดภัยและแนวทางแก้ไขอย่างชัดเจน สำหรับอาคารที่อยู่ฝั่งตรงข้ามโรงพยาบาล (สน.ใหม่) พบว่าเสาเข็มบางต้นหักหรือแตกร้าว ทำให้ต้องตรวจสอบรอยร้าวของโครงสร้างอาคารอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันอันตรายต่อประชาชนและเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ นายธเนศ เน้นย้ำว่า มาตรการสำคัญที่สุดในขณะนี้ คือการปิดกั้นพื้นที่เสี่ยงและไม่อนุญาตให้ประชาชนเข้าใกล้ เพื่อความปลอดภัยสูงสุด ทั้งนี้วิศวกรรมสถานฯ ได้เสนอแนวทางเบื้องต้น คือการควบคุมน้ำไม่ให้รั่วซึม การกั้นเขตพื้นที่เสี่ยง และการติดตามโครงสร้างอาคารโดยรอบอย่างต่อเนื่อง ก่อนประเมินสถานการณ์อีกครั้งว่าพื้นที่จะกลับมาเสถียรและปลอดภัยเมื่อใด ด้านนายสุริยชัย รวิวรรณ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยหลังลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณถนนทรุด […]

นายกฯ รุดตรวจถนนยุบ สั่งเร่งหาสาเหตุ คุมสถานการณ์ได้แล้ว

สามเสน 24 ก.ย.- นายกฯ รุดตรวจเหตุถนนสามเสนยุบตัว ขึ้นตึกวชิรพยาบาล ดูมุมสูง ชี้ควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว บอกไม่มีผู้บาดเจ็บ แต่ทรัพย์สินเสียหาย ห่วง สน.สามเสน เสาเข็มขาด 2-3 ต้น ประสานโรงพยาบาลในเครือ รองรับผู้ป่วย มอบโยธารวบรวมผู้เชี่ยวชาญหาสาเหตุที่แท้จริง ด้าน รฟม. น้อมรับชดเชยค่าเสียหายทุกอย่าง ขณะผู้ว่าฯ กทม. สั่งเตรียมเครื่องสูบน้ำ หวั่นฝนถล่มซ้ำ กันประชาชนเข้าใกล้รัศมี 100 เมตร ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเวลา 10.35 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เดินทางลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ ถนนสามเสน บริเวณด้านหน้า โรงพยาบาลวชิรพยาบาล โดยมี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร รอรับและรายงานสถานการณ์ และการลงพื้นที่ครั้งนี้มี น.ส.มัลลิกา จิระพันธุ์วาณิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และผู้บริหารกระทรวงคมนาคม นายวรโชติ สุคนธ์ขจร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายไชยชนก […]

สั่งหยุดก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง พื้นที่เกิดเหตุถนนทรุด

กรุงเทพ 24 ก.ย.- รฟม. สั่งการให้หยุดก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วงในพื้นที่เกิดเหตุ หลังเกิดเหตุถนนทรุดตัว บริเวณหน้าทางเข้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาล ถนนสามเสน ตามที่เกิดเหตุพื้นถนนทรุดตัว บริเวณหน้าทางเข้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาล ถนนสามเสน ใกล้เคียงกับจุดก่อสร้างทางขึ้น-ลงที่ 4 สถานีวชิรพยาบาล (PP19) ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน – ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 24 กันยายน 2568 นั้น นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้แจ้งให้นางมัลลิกา จิระพันธุ์วานิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ ร่วมกับนายกาจผจญ อุดมธรรมภักดี ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เพื่อกำกับดูแลการแก้ไขปัญหาอย่างใกล้ชิด โดยในเบื้องต้น ผู้ว่าการ รฟม. พร้อมด้วยผู้อำนวยการโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงฯ และทีมงาน ได้สั่งการให้หยุดการก่อสร้างบริเวณพื้นที่เกิดเหตุในทันที เพื่อตรวจสอบหาสาเหตุ พร้อมทั้งปิดกั้นพื้นที่ก่อสร้างบางส่วน และอพยพประชาชนโดยรอบออกจากพื้นที่เพื่อความปลอดภัย รฟม. ได้ประสานหน่วยงานสาธารณูปโภคที่เกี่ยวข้อง ทั้งการประปานครหลวง การไฟฟ้านครหลวง บริษัทโทรคมนาคม และตำรวจในพื้นที่ เพื่อเร่งแก้ไขสถานการณ์ รวมถึงจัดการจราจรในพื้นที่เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนผู้สัญจร ทั้งนี้ […]

วชิรพยาบาลปิดรับผู้ป่วยนอก 2 วัน เหตุถนนทรุดไม่กระทบอาคาร

24 ก.ย.- คณบดีคณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล ยันตัวอาคารโรงพยาบาลไม่ได้รับผลกระทบ ขอปิดรับผู้ป่วยนอก 2 วัน รับกังวลการมาทำงานของเจ้าหน้าที่ เมื่อวันที่ 24 ก.ย. ผศ.นพ.จักราวุธ มณีฤทธิ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล กล่าวถึงกรณีการทรุดตัวลงของพื้นผิวถนนหน้าโรงพยาบาลวิชรพยาบาลว่า ตัวของโรงพยาบาลไม่มีผลกระทบอะไรเลย เพราะด้านหน้ามีกำแพงกั้นดินที่ลึกถึง 60 เมตร และตัวอาคารทีปังกรฯ มีกำแพงอยู่ แต่เพื่อความไม่ประมาทและการจราจรก็มีปัญหาจึงได้หยุดให้บริการตึกผู้ป่วยนอกเป็นเวลา 2 วัน และตึกดังกล่าวไม่ได้มีการอพยพผู้ป่วย เนื่องจากผู้ป่วยทั้งหมดในตึกนั้นเป็นผู้ป่วยนอกจึงไม่จำเป็นที่จะต้องอพยพ ทั้งนี้ หากมีเหตุจำเป็นและเป็นผู้ป่วยฉุกเฉินทางโรงพยาบาลยังเปิดให้บริการอยู่ ตอนนี้เราเป็นห่วงในเรื่องของการจราจรส่วนอาคารนั้นไม่ได้มีปัญหาอะไร ในส่วนของการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยก็ยังสามารถใช้ประตูอื่นบริเวณโดยรอบโรงพยาบาลได้ ส่วนที่เรากังวลคือการเดินทางมาทำงานของเจ้าหน้าที่ภายในโรงพยาบาล. -สำนักข่าวไทย