“จตุพร” ลั่นปัญหาทั้งหมดเกิดจากพ่อนายกฯ ท้า “ทักษิณ” ไปศาล 13 มิ.ย.นี้

กทม 7 มิ.ย.-“จตุพร” ยันไม่ได้เรียกร้อง เพราะกระหายสงคราม-รัฐประหาร แต่คนที่เรียกรัฐประหารคือ นายกฯ ที่อ่อนแอ ลั่นปัญหาทั้งหมดเกิดจากพ่อนายกฯ เตรียมบุกแพทยสภาแสดงจุดยืน ท้า “ทักษิณ” ไปศาล 13 มิ.ย.นี้ แต่เชื่อไม่ไป ฟันธงหากหนีจะไปทาง “กัมพูชา” แน่

นายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีตประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และนายนิติธร ล้ำเหลือ ทนายนกเขา นักกิจกรรมและนักเคลื่อนไหวทางการเมืองพร้อมด้วย วิทยากรอื่นๆ ร่วมกันแถลงข่าวกิจกรรมในหัวข้อเมื่อประเทศไทยมีปัญหา ถึงเวลาของคนไทยทุกคน ที่ต้องมาร่วมกันทำวาระเพื่อชาติ


โดยนายจตุพร กล่าวว่า ขณะนี้มีสถานการณ์ที่ชี้ชะตาของประเทศอยู่ โดยเฉพาะกรณีไทย- กัมพูชา ซึ่งตนเคยพูดว่าถ้าไทยกับกัมพูชาจะมีปัญหากันได้นั้น จะต้องไม่ใช่วันที่ตระกูลชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะ 2 ครอบครัวนี้สนิทกันมาก นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีบ้านอยู่กรุงพนมเปญ ลูกของน้องสาวก็เป็นดองกับผู้แทนที่กัมพูชา โดยส่วนตัวก็รู้จักสมเด็จฮุน เซนและนายฮุน​ มาเนต แต่พวกเราก็แยกแยะได้ระหว่างการรู้จักส่วนตัว กับเรื่องผลประโยชน์ชาติ โดยเฉพาะเรื่องดินแดน

นายจตุพร​ กล่าวว่า การทำหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี และนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้สะท้อนให้เห็นซึ่งความอ่อนแอมาโดยตลอด และเป็นการพูดในลักษณะที่เสียเปรียบ เมื่อนายทักษิณ บอกว่าพูดคุยกันอย่างสนิทสนมกับนายฮุน เซน บอกว่าจะเปลี่ยนสนามรบให้เป็นสนามตะกร้อซึ่งไม่มีใครขำด้วย แม้บอกว่าจะทำให้พื้นที่เป็น No man’s land และนายภูมิธรรม บอกว่าไม่ใช่การรุกล้ำพื้นที่ ถ้าเป็น No man’s land จริง ไม่มีใครมีสิทธิ์เข้า แต่การไปสารภาพยอมรับว่า ไม่มีการรุกล้ำพื้นที่นั้น กัมพูชาเขาต้องการแค่นี้ จึงลากไปศาลโลก และแม้ว่าไทยไม่ได้เป็นสมาชิกศาลโลก แต่การสร้างความชอบธรรมในกระบวนการอื่นๆ จากความอ่อนแอของนายกรัฐมนตรี ทั้งพูดไม่รู้เรื่อง ควบคุมตัวเองไม่ได้ ไม่เหมาะสมกับ สถานการณ์การเมืองที่สุ่มเสี่ยงจะต้องเสียดินแดน เพราะเราเป็นประเทศที่เสียดินแดนมากกว่าที่เหลืออยู่ และจะไม่ยอมเสียดินแดน แม้แต่ตารางนิ้วเดียวอีกต่อไป


นายจตุพ รกล่าวอีกว่า ​การออกแถลงการณ์เรียงตามลำดับไม่ได้สะท้อนถึงความแข็งแรงของประเทศนี้ แม้กระทั่งนายภูมิธรรม ออกแถลงการณ์เมื่อช่วงเวลา 7.00 น. ก็ยังไม่ได้แสดงว่าประเทศแข็งแรง จนกระทั่งผู้บัญชาการทหารบก ออกคำสั่งให้ กองกำลังบูรพา กองกำลังสุรนารีพิจารณาเปิด-ปิดด่าน ชายแดน และอีกไม่กี่วันข้างหน้าตนเชื่อว่าแม่ทัพภาคที่ 2 จะประกาศใช้กฎอัยการศึกตามตะเข็บชายแดน

“การที่เราได้รัฐบาลที่มีความอ่อนแอ ในวันที่เราต้องการความเข้มแข็ง แน่นอนไม่มีใครกระหายสงคราม ตามที่มีการปลุกเรื่องการกระหายสงคราม แต่บทเรียนของเรา การเจรจาระหว่างรองนายกรัฐมนตรีควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ของ 2 ชาติที่สระแก้วนั้น ที่นายกฯ บอกว่า ok ok แต่ท้ายที่สุดทางกัมพูชาปฏิเสธทุกข้อ แล้วเราต้องยอมรับความเป็นจริงว่า ประเทศเขาได้นักรบปกครองบ้านเมือง เราได้นักอะไรก็ไม่รู้ปกครอง จนกระทั่งปัจจุบัน ไม่มีความเท่าทันในการที่จะทำหน้าที่ปกป้องดินแดน” นายจตุพร กล่าว

นายจตุพร ยังกล่าวด้วยว่า เรื่องนี้ตนเชื่อว่าประชาชนคนกัมพูชาทำงานในไทย คนไทยที่ทำงานในกัมพูชา ขออย่าให้มีปัญหาซึ่งกันและกัน นี่เป็นเรื่องระหว่างรัฐกับรัฐ กองทัพกับกองทัพ และการออกมาเรียกร้องในเรื่องดินแดน ไม่ใช่การเรียกร้องรัฐประหาร ตามที่มีการปั่นกระแสกันอยู่ ถ้าคนไทยประเทศนี้เงียบเพราะกลัวการทำรัฐประหาร เพื่อแลกกับการเสียดินแดนนั้น เป็นเรื่องที่อธิบายไม่ได้เลย


นายจตุพร ยังกล่าวด้วยว่าในวันที่ 10 มิถุนายนนี้ จะมีการประกาศแสดงจุดยืน แต่เมื่อเรามองเห็นว่าปัญหาของชาติมาจากพ่อของนายกรัฐมนตรี วันที่ 11 มิถุนายนนี้ ก็จะเดินทางไปที่แพทยสภา ในเวลา 10.00 น. เพราะนี่จะเป็นเรื่องจุดเปลี่ยน เชื่อว่า เกิน 60 เสียงในแพทยสภา ที่จะยืนตามมติเดิม โต้กลับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ส่วนวันที่ 13 มิถุนายนนั้น ที่ศาลฎีกานัดพร้อมและไต่สวน

“ผมขอทายท้านายทักษิณ ว่าให้แสดงความกล้าหาญท่านพูดถึงผม ว่าผมนี่เข้าป่าไปแล้วแต่ว่าท่านกล้าไปศาลหรือไม่ ที่พูดอวดดีตามที่ต่างๆนั้น ขอถามว่าจะไปที่ศาลฎีกาหรือไม่ ผมไม่ต้องการฟังเหตุผล ว่าป่วยอีกแล้ว ถ้าไปต้องไปในวันนั้น และถ้าศาลพิจารณาเสร็จในวันนั้นก็น้อมรับ คำสั่ง จึงจะได้เป็นแบบอย่าง ไม่ใช่ไปเก่งตามงานวันเกิด หรือตามงานต่างๆ แต่งานที่ตัวเองจะต้องรับผิดชอบ ในฐานะที่เคยเป็นผู้นำประเทศ เป็นนายกรัฐมนตรีถึง 2 ครั้งนั้น ควรจะต้องใช้ความกล้าหาญ กล้าประกาศว่าหัวเด็ดตีนขาดตายเป็นตายคุกเป็นคุกเลยไหม ว่าวันที่ 13 นี้ จะไปที่ศาลฎีกา” นายจตุพรกล่าว

นายจตุพรยังกล่าวต่อว่าประเด็นสุดท้ายที่ทางกัมพูชานัดประชุม JBC ที่กรุงพนมเปญ ซึ่งกัมพูชายืนยันว่าจะไม่เอา 4 เรื่องเข้า ทางกัมพูชาเขาบอกเขาไปศาลโลกอย่างเดียว แต่ทางการไทยยังซื้ออยู่ ทั้งที่ไม่มีวาระนี้แล้ว ส่วนที่นายภูมิธรรม อยากจะไป ก็คงต้องยอมให้ทางเขมรเขาไป

“หลักการในเรื่องการปักปันเขตแดน ตรงไหนตกลงกันไม่ได้ ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์ จะไม่มีใครมีสิทธิ์เข้าไป และตกลงกันว่าวันใดที่จุดนั้นมีความเจริญเท่าเทียมกัน ค่อยมาเจรจากันอีกครั้ง แต่ไม่ใช่มาขุดคูเรดในเขตพื้นที่อ้างสิทธิ์กันได้ นั่นคือการรุกล้ำ และแสดงความเป็นเจ้าของ และหลังจากที่นายภูมิธรรม ไปเจรจารัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รองนายกกัมพูชา เขากลับไปออกแถลงการณ์ ไม่ถอนกำลัง และไม่ถอย ประเทศไทยก็ไม่มีมาตรการใดๆ เมื่อเขาครอบครองก็มีหลักการเดียว เหมือนกฎหมายปิดปากกรณีปราสาทเขาพระวิหาร เราจะไปเสียโง่ซ้ำประเด็นเดิมๆ นี้ไม่ได้ เพราะฉะนั้นหัวใจหลักของเรื่อง ในประเทศไทยวันที่ 12-13 มิ.ย. นั่นคือจุดเปลี่ยนที่สำคัญ และถ้าคุณทักษิณ ให้ความร่วมมือก็ไปที่ศาลฎีกา ส่วนหลังจากไปใช้ชีวิตในเรือนจำ ตนเชื่อว่าร้อยทั้งร้อยไม่ไป” นายจตุพรกล่าว

นายจตุพร กล่าวต่อว่า ในบ้านเมืองที่เกิดการเสียดินแดนเพราะทัศนคติของคน ในชาติ เพราะฉะนั้นวันนี้เราในฐานะเป็นคนไทยที่มองเห็นว่าเศรษฐกิจก็พัง การเมืองก็พัง ขบวนการยุติธรรมก็พัง และจะเสียดินแดนอีกนั้น ดังนั้นจึงถึงเวลาที่คนไทยต้องทำหน้าที่

“ขอย้ำว่า นี่คือการปกป้องประเทศ ไม่ใช่การเรียกร้องรัฐประหาร การไม่รักชาติแล้วอ้างว่าคนที่เขารักชาติเรียกร้องรัฐประหารในแผ่นดินนี้ ถ้าจะมีใครเรียกร้องรัฐประหารนั้นก็มีทางเดียว คือความอ่อนแอของตัวนายกรัฐมนตรี การ สทร.ทุกเรื่องของพ่อนายกฯ การไม่รู้จักหน้าที่ของรองนายกและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นั่นคือการเรียกรัฐประหารตัวจริง คนไทยมีหน้าที่ปกป้องแผ่นดิน เช่นเดียวกับทหารที่เขาต้องทำหน้าที่ เพราะฉะนั้นอย่าไปโทษใคร การทำหน้าที่ของรัฐบาล อ้างความสนิทสนม นี่นายกฯ พึ่งไปที่กัมพูชามา เราก็มีปัญหากับดินแดน ก่อนหน้านี้ไปจีนมา นักท่องเที่ยวจีนหายหมด ขอร้องอย่าไปที่ไหนอีก” นายจตุพร กล่าว

นายจตุพร ยังกล่าวว่า ในภูมิภาคนี้ทางกัมพูชามีความมั่นคงภายในมากที่สุด หากไปทางฝั่งมาเลเซีย นายอันวาร์ ไม่ได้แข็งแรงแบบซีกกัมพูชา และวันที่ 13 มิ.ย. เชื่อขนมกินได้ว่านายทักษิณ ไม่ไป ตนอยากทายผิด อยากหน้าแตก แต่ตนเชื่อว่าเขาไม่ไป ฉะนั้น ช่องทางตะเข็บไทย-กัมพูชา มีช่องทางจำนวนมากที่จะออกไปได้ หากมีความปล่อยปละละเลย และที่ผ่านมาการออกนอกประเทศของนายทักษิณ แม้กระทั่งของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ถ้าไม่ร่วมมือกันกับผู้มีอำนาจ ไม่มีวันที่จะออกได้ ครั้งนี้ก็เหมือนกันสถานการณ์ขณะนี้ช่องทางธรรมชาติ กองกำลังบูรพา หรือสุรนารี ย่อมที่จะรู้กันเป็นอย่างดีว่ามีช่องไหนบ้าง ดังนั้น ตนก็ยังเห็นว่าถ้าจะมีการออกนอกประเทศ ช่องทางเดียวเท่านั้นคือกัมพูชา

“แม้ว่าคนทั่วไปเรื่องสงคราม แต่ดูบริบทของคุณทักษิณ หรือคุณอุ๊งอิ๊ง จะเห็นว่าไม่มีอะไร ผมรู้จักซีกฝั่งนั้น ไม่ได้แตกต่างกัน แต่ฝั่งเขาก็มีหน้าที่ปกป้องแผ่นดินเขา ฝั่งเราก็มีหน้าที่ปกป้องแผ่นดินเรา การรู้จักกับการเสียดินแดนเป็นเรื่องที่แลกกันไม่ได้อยู่แล้ว เพียงแต่ฝั่งเขารู้จักการแยกแยะ ฝั่งไทยไม่รู้จักการแยกแยะและเราจะมาตามใจผู้นำให้ไปทำหน้าที่อย่างนั้นก็ไม่ได้ ถ้าจะออกนอกประเทศ ถ้าเป็นทางบกหรือทางเรือ คิดมาทางซีกฝั่งกัมพูชา อันวาร์ทางมาเลเซียรับมือไม่ไหว”นายจตุพร กล่าว.-319​.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ปลัด ศธ. แจง “รมว.นฤมล” ลงใต้ ไม่เน้นพิธีรีตอง

กทม. 21 ก.ค.-ปลัด ศธ. แจงภารกิจแรก “รมว.นฤมล” ลงใต้ ไม่เน้นพิธีรีตอง กำชับ “ครู-นักเรียน” วันหยุดใส่ไปรเวทได้ ไม่ต้องแต่งชุดเต็มยศมารอต้อนรับ ขอลงพื้นที่ไม่ให้ใครลำบาก จากกรณี ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการลงพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชและจังหวัดสุราษฎร์ธานี ระหว่างวันที่ 18-20 กรกฎาคม ที่ผ่านมา มีการแต่งกายใส่กางเกงยีนส์ขาด รองเท้าผ้าใบ พบปะบุคลากรการศึกษา ครูและนักเรียน ที่มารอต้อนรับ เป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโซเชียล การแต่งกายไม่เหมาะสมกับบทบาทของผู้บริหารระดับสูงในกระทรวงศึกษาธิการ และไม่สอดคล้องกับมาตรฐานการแต่งกายของข้าราชการโดยทั่วไป นายสุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวถึงกระแสวิจารณ์การแต่งกายของ ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ การลงพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชและจังหวัดสุราษฎร์ธานีระหว่างวันที่ 18 – 20 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ว่า ถือเป็นการลงพื้นที่ครั้งแรกตั้งแต่ ศ.ดร.นฤมล มารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ทำให้ยังไม่ได้มีการพูดคุยและทำความเข้าใจในเรื่องการแต่งกายของคณะครูและนักเรียนที่มาร่วมกิจกรรมในวันหยุดราชการ ซึ่งส่วนใหญ่จะมาด้วยชุดสุภาพ เพราะเห็นว่ามีผู้บริหารระดับสูง ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชามาร่วมลงพื้นที่ด้วย ศ.ดร.นฤมล ได้กำชับมาว่าการลงพื้นที่ในช่วงวันหยุดเสาร์ – อาทิตย์ ถือว่าไม่ได้เป็นวันทำงานปกติ […]

สึกแล้ว! “พระธรรมวชิรธีรคุณ” อดีตเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์

20 ก.ค.- สึกกลางดึก! “พระธรรมวชิรธีรคุณ” อดีตเจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์และอดีตเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ ลาสิกขาแล้วที่วัดนครสวรรค์ พระอารามหลวง นายบุญเชิด กิตติธรางกูร รอง ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เผยได้รับรายงานจาก ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครสวรรค์ ว่า “พระธรรมวชิรธีรคุณ อดีตเจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์และอดีตเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ ลาสิกขาแล้ว ณ พระอุโบสถ วัดนครสวรรค์ พระอารามหลวง เวลา 23.49 น.” ขณะที่ก่อนหน้านี้ เลขานุการเจ้าคณะใหญ่หนเหนือ ได้แจ้งว่า “พระธรรมวชิรธีรคุณ” ขอลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดสวรรค์และเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ ตั้งแต่วันที่ 18 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป เนื่องจากมีปัญหาด้านสุขภาพ -สำนักข่าวไทย

Astronomer CEO caught by kiss cam in Coldplay concert

CEO ลาออกหลังถูกแฉกลางคอนเสิร์ต Coldplay

ซินซินแนติ 20 ก.ค. – บริษัทเทคโนโลยีในสหรัฐแจ้งเรื่องซีอีโอลาออกแล้ว หลังจากช่วงเวลาขณะกอดกับผู้บริหารของบริษัทที่ไม่ใช่ภรรยาถูกจับภาพไปปรากฏบนจอภาพกลางคอนเสิร์ตวงโคลด์เพลย์ (Coldplay) และกลายเป็นคลิปไวรัลทั่วโลก แอสโตรโนเมอร์ (Astronomer) ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีผู้ให้บริการข้อมูลองค์กรเผยแพร่แถลงการณ์ผ่านเอ็กซ์ ( X) ว่า บริษัทยึดมั่นในคุณค่าและวัฒนธรรมที่นำทางองค์กรมาตั้งแต่ก่อตั้ง ผู้นำบริษัทถูกคาดหวังว่าจะต้องสร้างมาตรฐานด้านจริยธรรมและความรับผิดชอบ แต่เมื่อไม่นานมานี้กลับไม่เป็นเช่นนั้น นายแอนดี บายรอน ได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารหรือซีอีโอของบริษัท และคณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติให้ลาออกแล้ว แถลงการณ์ให้คำมั่นว่า บริษัทจะเดินหน้าทำในสิ่งที่ทำได้ดีที่สุด คือ การให้บริการแก้ปัญหาข้อมูลและเอไอ (AI) ให้แก่ลูกค้าต่อไป เรื่องราวอื้อฉาวนี้เกิดขึ้นในคอนเสิร์ตวง Coldplay ที่สนามยิลเลตต์สเตเดียม ในเมืองฟอกซ์โบโร รัฐแมสซาชูเสตต์เมื่อคืนวันที่ 16 กรกฎาคม เมื่อกล้องคิสแคม (kiss cam) ของคอนเสิร์ตจับภาพเจอชายหญิงคู่หนึ่งยืนกอดกันในโซนวีไอพี ซึ่งชายหญิงคู่นี้ไม่ใช่คู่รักธรรมดา แต่เป็นนายบายรอน ซีอีโอของแอสโตรโนเมอร์ และคริสติน คาบอต หัวหน้าฝ่ายพัฒนาทรัพยากรบุคคลหรือเอชอาร์ (HR) ของบริษัท เมื่อรู้ตัวว่าภาพถูกฉายขึ้นจอ ฝ่ายหญิงรีบเอามือปิดหน้าและหันหลังให้กล้อง ส่วนฝ่ายชายรีบนั่งลงให้พ้นจากมุมกล้อง ในจังหวะเดียวกันนั้น คริส มาร์ติน นักร้องนำของวง Coldplay ได้พูดแซวว่า […]

Hong Kong braves heavy rain and strong winds as typhoon Wipha approaches

ฮ่องกงเตือนภัย “ไต้ฝุ่นวิภา” ระดับสูงสุด

ฮ่องกง 20 ก.ค.- ฮ่องกงประกาศเตือนภัยระดับสูงสุดในวันนี้ เนื่องจากไต้ฝุ่นวิภา (Wipha) ที่มีความเร็วลมมากกว่า 167 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำให้เกิดฝนตกหนักและลมกระโชกแรงทั่วฮ่องกง และทำให้ต้องยกเลิกเที่ยวบินมากกว่า 200 เที่ยว สถานีอุตนิยมวิทยาของฮ่องกงยกระดับเตือนภัยพายุ จากหมายเลข 9 ที่ประกาศเมื่อเวลา 07.20 น.วันนี้ตามเวลาท้องถิ่น เร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง เป็นหมายเลข 10 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเมื่อเวลา 09.20 น. และคาดว่าจะคงระดับเตือนภัยสูงสุดไปอีกระยะหนึ่ง สถานีอุตุนิยมวิทยาฮ่องกงพยากรณ์ว่า ไต้ฝุ่นซึ่งมีกำลังลมแรงเท่ากับเฮอริเคนจะเคลื่อนตัวเฉียดสถานีฯ โดยห่างลงไปทางใต้ราว 50 กิโลเมตร และส่งผลกระทบกับพื้นที่ทางใต้ของฮ่องกง สายการบินคาเธ่ย์แปซิฟิคของฮ่องกงได้ยกเลิกเที่ยวบินขาเข้าและขาออกทั้งหมดตั้งแต่เวลา 05.00-18.00 น.วันนี้ ขณะที่บริการขนส่งมวลชนส่วนใหญ่ในฮ่องกง รวมถึงบริการเรือโดยสารข้ามฟากถูกระงับเพื่อความปลอดภัย.-814.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

แจ้งเอาผิด “โมนิก้า” ด่าทหาร-ประสาน กต.เรียกตัวให้ปากคำ

สุรินทร์ 22 ก.ค.- สภ.พนมดงรักษ์ รับแจ้งความเอาผิด “โมนิก้า” ม.116 – ดูหมิ่นเจ้าพนักงาน ปมชี้หน้าด่าทหารปราสาทตาเมือนธม ประสาน กต.เรียกตัวให้ปากคำ จากกรณี นักท่องเที่ยวหญิงชาวกัมพูชา ก่อความวุ่นวายประสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ ด้วยการชี้หน้าด่าทหารไทยในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ เมื่อวันที่ 15 ก.ค.ที่ผ่านมา ภายหลังมีการเผยแพร่ในโซเชียลมีเดียว่าผู้หญิงดังกล่าว ชื่อ นโรดม แพน โมนิก้า ล่าสุดสถานีตำรวจภูธรพนมดงรักษ์ (สภ.พนมดงรักษ์) จ.สุรินทร์ ได้รับแจ้งความจากเจ้าหน้าที่ทหารและประชาชนดำเนินคดีข้อหาก่อความวุ่นวาย ดูถูกเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่และการปลุกปั่นยุยงเพื่อนำเข้าในระบบคอมพิวเตอร์ คดีดังกล่าวเป็นที่พูดถึงกันอย่างกว้างขวางและเป็นที่สนใจของประชาชน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้รายงานไปยังผู้บังคับการจังหวัดสุรินทร์ เพื่อแต่งตั้งคณะทำงานสอบสวนดำเนินคดีนี้ เบื้องต้น ทางผู้บังคับการจังหวัดสุรินทร์ ลงนามแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสอบสวน ไปช่วยทำคดีนี้ เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานสอบพยาน พยายานบุคคล พยานแวดล้อม และคลิปเผยแพร่ในโซเชียลมีเดีย พร้อมทำหนังสือเรียกผู้ถูกกล่าวหาให้เดินทางมาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนที่ สภ.พนมดงรักษ์ โดยประสานผ่านกระทรวงการต่างประเทศ -313 -สำนักข่าวไทย

ครม.ไฟเขียว “วิทัย” นั่งเก้าอี้ผู้ว่าการ ธปท.คนใหม่

กรุงเทพฯ 22 ก.ค. – ครม.ไฟเขียว “วิทัย” นั่งเก้าอี้ผู้ว่าการ ธปท.คนใหม่ เดินหน้าผลักดันนโยบายการเงิน ควบคู่กับนโยบายการคลัง ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม.เห็นชอบแต่งตั้ง นายวิทัย รัตนากร ดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เนื่องจากครบกำหนด นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ครบวาระการดำรงตำแหน่ง ในวันที่ 30 กันยายน 2568 ให้มีผลตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป หลังจากพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายเศรษฐพุฒิ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ตั้งแต่ 21 สิงหาคม 2563 หลังจากสัปดาห์ที่ผ่านมา สำนักเลขาธิการ ครม.ให้ทำหนังสือถึง ปปง., ป.ป.ช. เพื่อตรวจสอบคุณสมบัติ ให้ชัดเจนมากขึ้น ตามที่กฎหมายกำหนดซึ่งเป็นไปตามข้อกฎหมายกำหนด การประชุม ครม.วันนี้ กระทรวงการคลังจึงส่งเอกสารเพื่อบรรจุในวาระพิจารณา ครม. […]

17 นักวิชาการอิสระ ยื่นหนังสือถึง ครม. ขอผู้ว่าฯ ธปท.เป็นอิสระ

กรุงเทพฯ 22 ก.ค.- 17 นักวิชาการอิสระ ยื่นหนังสือเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรี-ครม. ระบุผู้ว่าฯ ธปท.คนใหม่ ต้องเป็นอิสระ ไม่ถูกกดดันให้ลดดอกเบี้ย เพจเฟชบุ๊ก “เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง” โพสต์หนังสือเปิดผนึกถึงคณะรัฐมนตรี เรื่อง ตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เรียน นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี โดยระบุว่า กรณีการเสนอชื่อผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ที่จะเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีในวันอังคารที่ 22 กรกฎาคม 2568 ขอแสดงความห่วงใยและเสนอความเห็นต่อนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี ดังต่อไปนี้ 1.เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยควรจะต้องเป็นผู้ที่ให้ความสำคัญต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในระยะยาว แม้จะเข้าใจได้ว่าโดยธรรมชาติแล้ว รัฐบาลต้องการการเจริญเติบโตของประเทศในระยะสั้น ซึ่งประสบการณ์การของผู้ทำงานธนาคารของรัฐ อาจจะเคยชินในการสนองตอบต่อนโยบายของนักการเมืองที่เข้ามาบริหารประเทศ อย่างไรก็ดี เนื่องจากประเทศชาติต้องการการเติบโตที่มีเสถียรภาพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย จึงจำเป็นต้องเป็นบุคคลที่สามารถประคับประคอง และลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นจากการมุ่งการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะสั้นของรัฐบาล 2.ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย จะต้องไม่ถูกกดดันเพื่อลดหรือเพิ่มอัตราดอกเบี้ย หรือเพื่อเปลี่ยนแปลงอัตราการแลกเปลี่ยนเงินตรา ตามความต้องการของฝ่ายการเมืองและกลุ่มผลประโยชน์ เพราะจะทำให้นักการเมืองและคนบางกลุ่ม สามารถแสวงหาประโยชน์ในบางโอกาสจนร่ำรวย แต่ประเทศชาติเสียหาย 3.ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ต้องเป็นอิสระจากการกดดันของธนาคารพาณิชย์ ธนาคารและสถาบันการเงินของรัฐ แต่จะต้องกำกับดูแลสถาบันการเงินเพื่อประโยชน์ของประเทศระยะยาว 4.ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย จะต้องได้รับการยอมรับระหว่างประเทศ โดยเฉพาะองค์การการเงินระหว่างประเทศ ซึ่งจะทำให้นักลงทุนและสถาบันของต่างประเทศเกิดความมั่นใจที่จะทำธุรกิจและพันธสัญญาในระยะยาว 5.ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ต้องเข้าใจการพัฒนาประเทศในระดับมหภาค […]

กกต. เปิดแล้วคำวินิจฉัย “หมอเกศ” ใช้ตำแหน่ง “ศาสตราจารย์” หลอกลวง

กกต. 21 ก.ค.-กกต. เปิดแล้วคำวินิจฉัย “หมอเกศ” ใช้ตำแหน่ง “ศาสตราจารย์” หลอกลวง ให้ได้มาซึ่งการลงคะแนนเลือก สว. ไม่พบหลักฐานได้รับแต่งตั้ง หลังมีมติยื่นศาลฎีกา เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง และดำเนินคดีอาญา เว็บไซต์สำนักงาน กกต.ได้เผยแพร่คำวินิจฉัย กกต.รวม 13 หน้า ที่มีมติเมื่อวันที่ 30 เม.ย.68 ให้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาเพื่อสั่งให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ของนางสาวเกศกมล เปลี่ยนสมัยตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิก วุฒิสภา 2561 มาตรา 62 และรัฐธรรมนูญมาตรา 226 และให้ดำเนินคดีอาญาแก่ น.ส.เกศกมล ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา 2561มาตรา 77 (4) กรณีใช้ตำแหน่งศาสตราจารย์ในการยื่นสมัครและแนะนำตัวในการเลือกสมาชิกวุฒิสภา คดีนี้มีผู้ร้อง น.ส.เกศกมล รวม 7 รายร้องใน 6 ประเด็น ซึ่งมีข้อเท็จจริงเกี่ยวพันกันว่า น.ส.เกศกมล สมัครรับเลือกเป็น สว. กลุ่มที่ 19 โดยระบุในข้อมูลแนะนำตัวของผู้สมัคร (สว.3) […]