ระนอง 7 มิ.ย. – ชาวประมงพื้นบ้านใน จ.ระนอง เรียกร้องทางการไทย เร่งเจรจาแก้ปัญหาเหมืองเมียนมา ทำน้ำขุ่นข้น กระทบวิถีชาวประมง หากุ้ง-ปลา ไม่ได้ รายได้หดหาย

บริเวณปากกระ หมู่ 8 บ้านหาดตุ่น ต.ปากจั่น อ.กระบุรี จ.ระนอง ซึ่งเป็นจุดตัดระหว่างคลองกระนัย ซึ่งอยู่ฝั่งไทย ไหลมารวมกับน้ำในลำคลองยูงที่ไหลมาจาก บ้านอาวตะยา จังหวัดเกาะสอง ประเทศเมียนมา น้ำในลำคลองที่ไหลมาจากจังหวัดเกาะสอง มีสภาพขุ่นข้น เนื่องจากมีการทำเหมืองแร่เปิดหน้าดินในพื้นที่ด้านเหนือ ในขณะที่น้ำซึ่งไหลมาจากคลองกระนัย มีสภาพใสสะอาด แต่เนื่องจากน้ำจากจังหวัดเกาะสองมีมากกว่า เมื่อไหลมารวมกัน จึงทำให้น้ำคงมีสภาพขุ่นข้นไปทั้งลำคลองและไหลต่อเนื่องออกไปยังแม่น้ำกระบุรี
จากสภาพน้ำที่ขุ่นข้นดังกล่าวส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่อำเภอกระบุรี จังหวัดระนอง เป็นวงกว้าง ทั้งแหล่งน้ำดิบในการผลิตประปา วิถีชีวิต ท่องเที่ยวชุมชน และประมงพื้นบ้าน ชาวบ้าน เล่าว่าสภาพน้ำขุ่นแดงในแม่น้ำกระบุรีที่ไหลผ่านหน้าบ้านมีสภาพเปลี่ยนไปราว 3-4 ปี แต่ปีนี้หนักที่สุดจากเดิมน้ำจะแดงขุ่นเฉพาะช่วงน้ำหลาก แต่ตอนนี้น้ำแดงขุ่นตลอดทั้งปี น้ำที่ขุ่นแดงและข้นส่งผลให้ปลาและกุ้งแม่น้ำ ซึ่งเป็นของดีขึ้นชื่อของอำเภอกระบุรีลดลง จากเดิมเคยมีรายได้ ในการหากุ้งและปลา รอบละพันกว่าบาท เดี๋ยวนี้ได้ไม่ถึง 400 บาท กระชังปลาของชาวบ้านที่ทำไว้ เลี้ยงปลาขาย ก็ต้องปล่อยร้าง เพาะเลี้ยงปลาไม่ได้ และน้ำที่เคยลงอาบและเล่นได้ ตอนนี้ก็ลงไปอาบเล่นไม่ได้เหมือนเดิม อยากให้น้ำกลับมาดีเหมือนเดิม ชาวบ้านจะได้ทำมาหากินกับลำน้ำกระบุรีได้เหมือนเดิม

“กุ้งแม่น้ำกระบุรี” เป็นของดีขึ้นชื่อของอำเภอกระบุรี เป็นที่ต้องการของตลาด โดยเฉพาะร้านอาหาร จะรับซื้อจากชาวบ้านไปทำเมนู-กุ้งแม่น้ำต้มกะปิผักเหลียง-กุ้งแม่น้ำผัดน้ำมะขาม หรือกุ้งแม่น้ำเผา สร้างรายได้ให้กับชาวบ้าน แต่ตอนนี้กำลังกังวลใจ จากผลกระทบการทำเหมืองแร่ในเกาะสองของเมียนมา ที่ทำให้สัตว์น้ำเศรษฐกิจลดจำนวนลงไปมาก ชาวบ้านจึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งพูดคุยกับทางเมียนมา เพื่อป้องกันหรือบำบัดตะกอนก่อนปล่อยน้ำลงสู่ลำคลอง ก่อนที่กุ้งแม่น้ำกระบุรีจะเหลือแต่ชื่อ เช่นเดียวกับล่องแพแลชายแดน กลุ่มท่องเที่ยวชุมชน ที่ปัจจุบันเหลือเพียงความทรงจำ แต่พวกเขายังมีความหวังที่จะได้กลับมา.-สำนักข่าวไทย