กรมฝนหลวงปฏิบัติการเจาะชั้นบรรยากาศระบายฝุ่น กทม.-ปริมณฑล

กรุงเทพฯ 7 ม.ค. – กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ปฏิบัติการเจาะชั้นบรรยากาศระบายฝุ่น PM 2.5 ที่ปกคลุมกรุงเทพฯ และปริมณฑล ใช้ฐานปฏิบัติการ 3 แห่ง บินตรงสู่กรุงเทพฯ ชั้นใน โดยวันนี้ขึ้นบินปฏิบัติการ 2 ครั้ง เนื่องจากปริมาณฝุ่นอยู่ในระดับเริ่มส่งผลกระทบต่อสุขภาพ โดยสามารถลดการสะสมของฝุ่น PM 2.5 ลงได้


นายราเชน ศิลปะรายะ รองอธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร กล่าวว่า กรมฝนหลวงฯ ได้ปฏิบัติการโดยใช้เทคนิคลดอุณหภูมิชั้นบรรยากาศอุณหภูมิผกผันด้วยการสเปรย์น้ำซึ่งผสมน้ำแข็งเพื่อปรับลดอุณหภูมิ ซึ่งจะทำให้เกิดช่องในชั้นบรรยากาศ ส่งผลให้ฝุ่น PM2.5 ที่ปกคลุมอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลระบายผ่านช่องบรรยากาศขึ้นไปได้ โดยวันนี้ขึ้นบินปฏิบัติการ 2 ครั้ง ในช่วงเช้าและช่วงบ่าย หลังปฏิบัติการ ผลการตรวจวัดปริมาณฝุ่นสะสมลดลง

สำหรับฐานปฏิบัติการที่ใช้ส่งอากาศยานขึ้นบินเข้ามาในกรุงเทพฯ และปริมณฑล คือ ฐานปฏิบัติการที่จังหวัดกาญจนบุรี ระยอง และอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยขึ้นอยู่กับทิศทางลม ปีนี้เป็นปีแรกที่กรมฝนหลวงฯ สามารถบินเข้ามาปฏิบัติการในกรุงเทพฯ ชั้นในได้ โดยได้รับอนุญาตจากบริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย โดยกรมฝนหลวงฯ ต้องส่งพิกัดและระดับความสูงที่จะปฏิบัติการล่วงหน้า เมื่อได้รับอนุญาตจากวิทยุการบินจึงบินเข้ามาปฏิบัติการได้ โดยวิทยุการบินจะกำหนดชั้นความสูงที่เครื่องบินฝนหลวงสามารถบินได้และไม่กระทบต่อเส้นทางเดินอากาศของเครื่องบินพาณิชย์


ส่วนน้ำแข็งแห้งที่ได้รับมอบจากกรุงเทพมหานครจะนำมาใช้ในปฏิบัติการเจาะชั้นบรรยากาศ โดยน้ำแข็งแห้งสามารถลดอุณหภูมิชั้นบรรยากาศอุณหภูมิผกผันได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่าการสเปรย์น้ำผสมน้ำแข็ง ขึ้นบินเพียงครั้งเดียวก็สามารถเจาะช่องชั้นบรรยากาศได้

รองอธิบดีกรมฝนหลวงฯ กล่าวว่า พื้นที่ที่มีการสะสมของฝุ่น PM2.5 มากอีกพื้นที่คือ ภาคเหนือซึ่งใช้ฐานปฏิบัติการจังหวัดเชียงใหม่และแพร่ โดยในฤดูแล้งนี้ความชื้นสัมพัทธ์ในบรรยากาศต่ำ การปฏิบัติการทำฝนหลวงจึงทำให้เกิดฝนตกลงมาได้ยาก แต่นักวิทยาศาสตร์ของกรมฝนหลวงฯ ได้พัฒนาเทคนิคลดอุณหภูมิชั้นบรรยากาศอุณหภูมิผกผัน ซึ่งสามารถเจาะช่องชั้นบรรยากาศสำหรับระบายฝุ่นขึ้นมาเพื่อลดผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน

ด้าน GISTDA รายงานพบจุดความร้อนซึ่งตรวจพบโดยดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) ระบบ VIIRS และจากข้อมูลดาวเทียมดวงอื่นๆ วานนี้ (6 ม.ค.) ทั่วประเทศพบ 450 จุด โดยเกิดขึ้นในพื้นที่เกษตร 152 จุด พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 95 จุด พื้นที่ชุมชนและพื้นที่อื่น ๆ 75 จุด พื้นที่เขต สปก. 70 จุด พื้นที่ป่าอนุรักษ์ 52 จุด และพื้นที่ริมทางหลวง 6 จุด โดยจังหวัดที่พบจุดความร้อนมากที่สุดคือ ลพบุรี 54 จุด ขณะที่จุดความร้อนของประเทศเพื่อนบ้านพบมากที่สุดที่กัมพูชา 1,585 จุด เวียดนาม 478 จุด ลาว 181 จุด เมียนมา 95 จุด และมาเลเซีย 7 จุด


ทั้งนี้ GISTDA ยังคงติดตาม วิเคราะห์ และรายงานสถานการณ์อย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นข้อมูลให้แก่ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำไปใช้บริหารจัดการในพื้นที่แล้ว. -512 – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ยิงสส.กัมพูชา

ออกหมายจับชายไทย วัย 41 มือยิง ‘ลิม กิมยา” ดับกลางกรุงเทพฯ

ออกหมายจับชายไทย วัย 41 มือยิง ‘ลิม กิมยา” อดีต สส.ฝ่ายค้านกัมพูชา ดับใกล้วัดดังกลางกรุง พบเหยื่อมีบทบาทในการตรวจสอบรัฐบาลฮุนเซน

ครม.เห็นชอบร่างกฎกระทรวงเพิ่มบุหรี่ไฟฟ้า-บารากู่ไฟฟ้า เป็นของต้องห้าม

ครม. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดการประพฤติของนักเรียนและนักศึกษา เพิ่มบุหรี่ไฟฟ้า-บารากู่ไฟฟ้า เป็นของต้องห้าม พร้อมกำหนดบทลงโทษหากพบเข้าไปข้องเกี่ยว

สุดเจ๋ง! นศ.วอศ.เสาวภา-วอศ.สระบุรี ชนะเลิศแข่งขันแกะสลักหิมะนานาชาติ 2025

สุดเจ๋ง! นศ.วอศ.เสาวภา และ วอศ.สระบุรี ชนะเลิศในการแข่งขันแกะสลักหิมะนานาชาติ 2025 ณ เมืองฮาร์บิน สาธารณรัฐประชาชนจีน

ข่าวแนะนำ

ซิงซิง

ผลมติพบ “ซิงซิง” ตกเป็นผู้เสียหายค้ามนุษย์-ปลอดภัยดี พร้อมกลับบ้าน

“ซิงซิง” ตกเป็นผู้เสียหายค้ามนุษย์ หลังผลมติคัดแยก-คัดกรองออกแล้ว ล่าสุดเจ้าหน้าที่ส่งตัวเข้าสู่กระบวนการคุ้มครองแล้ว ให้ พม.ดูแลต่อ ขณะที่ทีมกฎหมายของดาราจีน เผยเจ้าตัวปลอดภัยดี พร้อมกลับบ้าน

เลือกตั้ง อบจ.

กกต.เปิดตัว “หมูเด้ง” เชิญชวนประชาชนไปใช้สิทธิเลือกตั้ง อบจ.

กกต.จัดกิจกรรม kick off เปิดตัว “หมูเด้ง” เชิญชวนประชาชนไปใช้สิทธิเลือกตั้ง อบจ. ภายใต้แนวคิด “สร้างสรรค์ประเทศไทย พร้อมใจไปเลือกตั้ง” ด้าน “อิทธพร” ให้ความมั่นใจพร้อมจัดการเลือกตั้งอย่างสุจริต

ยิงสส.กัมพูชา

ออกหมายจับชายไทย วัย 41 มือยิง ‘ลิม กิมยา” ดับกลางกรุงเทพฯ

ออกหมายจับชายไทย วัย 41 มือยิง ‘ลิม กิมยา” อดีต สส.ฝ่ายค้านกัมพูชา ดับใกล้วัดดังกลางกรุง พบเหยื่อมีบทบาทในการตรวจสอบรัฐบาลฮุนเซน