กรุงเทพฯ 9 มี.ค.- ตำรวจคุมตัว นายศรสุวีร์ ภู่รวีรัศวัชรี หรือ บอย ให้ข้อมูล เกี่ยวกับการกักตุนหน้ากากอนามัย 200 ล้านชิ้นตามที่ปรากฎในสื่อโซเชียล เบื้องต้นยังไม่มีการแจ้งข้อหาดำเนินคดี
พลตำรวจโทมนตรี ยิ้มแย้ม ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 นำตัวนายศรสุวีร์ ภู่รวีรัศวัชรี หรือ บอย ที่แอบอ้างคนสนิทผู้ติดตาม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ซึ่งเป็นบุคคลตามคลิปที่อ้างว่ามีการกักตุนหน้าอนามัยจำนวน 200 ล้านชิ้น มาสอบปากคำที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมี พลตำรวจเอกสุวัตน์ แจ้งยอดสุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สอบปากคำด้วยตนเอง
เบื้องต้น พลตำรวจโทมนตรี ระบุว่าขณะนี้เป็นเพียงการเชิญตัวนายศรสุวีร์ (บอย) มาให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่เพียงเท่านั้น ยังไม่ถือว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดตามที่มีการแชร์คลิปวีดีโอขนย้ายหน้ากากอนามัยเตรียมส่งขายต่อในสื่อโซเชียล โดยยังไม่มีการตั้งข้อกล่าวหาแต่อย่างใด ซึ่งจะต้องให้พลตำรวจเอกสุวัตน์ สอบปากคำในรายละเอียดให้แล้วเสร็จก่อน จึงจะมีการชี้แจงข้อเท็จจริงต่อสื่อมวลชนต่อไป
หลังการสอบปากคำนานประมาณครึ่งชั่วโมง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้ให้สื่อมวลชนเข้าซักถามนายบอย โดยนายบอยบอกว่า ตนไม่รู้จักกับร้อยเอกธรรมนัสเป็นการส่วนตัว แต่เคยเจอกันที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ตนจึงขอถ่ายรูปด้วย ก่อนนำรูปมาขึ้นเฟส ไม่มีเจตนาทำให้เสื่อมเสีย และขึ้นโพสต์คนละช่วงเวลากับการโพสต์เรื่องหน้ากากอนามัย ไม่คิดว่าสื่อมวลชนจะนำมาโยงกันจนทำให้ร้อยเอกธรรมนัส เดือดร้อนไปด้วย ซึ่งต้องขอโทษที่ถูกนำมาโยงกับเรื่องนี้ และการโพสต์รูปคู่กับร้อยเอกธรรมนัสใน Facebook ถือเป็นการรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของตนเอง จนส่งผลกระทบถูกนำมาโยงกับเรื่องหน้ากากอนามัย
นายบอยยังระบุอีกว่าตนไม่มีสินค้าหน้ากากอนามัย 200 ล้านชิ้นตามที่โพสต์ไปก่อนหน้านี้แต่อย่างใด เหตุที่โพสต์นั้นเพราะตนมีอาชีพเป็นนายหน้า ต้องการสร้างความเชื่อมั่นกับลูกค้า เพราะมั่นใจว่าถ้ามีลูกค้าสั่งสินค้ามา ตนมั่นใจว่าน่าจะหาของได้ ส่วนที่ไลฟ์สดในโรงงานผลิตหน้ากากนั้น ก็ขอเข้าไปถ่ายเท่านั้น แต่โรงงานนั้นผลิตหน้ากากจริง แต่กำลังผลิตน้อย
ด้านรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า ปคบ . ได้นำหมายค้นของศาลเข้าค้นพื้นที่ต่างๆที่นายบอยเกี่ยวข้องรวม 6 จุด รวมถึงโรงงานผลิตหน้ากากอนามัยที่นายบอยไลฟ์สดโชว์ผ่านสื่อโซเชียลด้วย ซึ่งหลังจากนี้ตำรวจจะสอบปากคำเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ส่วนจะผิดข้อหาอะไรบ้างนั้นยังไม่สามารถตอบได้ในขณะนี้ ต้องรอผลการตรวจค้นและผลการสอบอีกระยะหนึ่ง อย่างไรก็ตามคดีนี้เป็นหน้าที่ของ ปคบ.และปอท.ที่จะดำเนินการโดยตรง.-สำนักข่าวไทย