15 พ.ค.- ทลายคอกม้าจีนเทา ขบวนการฟอกเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ใครไม่ทำตามคำสั่งตบตีเยี่ยงทาส
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา จำนวน 31 ราย (คนไทย 18 ราย, คนจีน 13 ราย) โดยผู้ต้องหาทั้งหมด มีความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์,ร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันเป็นอั้งยี่,ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าและยาไอซ์) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย และมีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ประเภท 2 (คีตามีน) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย เป็นต้น
พร้อมยึดของกลางและทรัพย์สินตรวจยึด ประกอบด้วย สมุดบัญชีธนาคาร จำนวน 49 เล่ม, บัตรอิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 49 ใบ, โทรศัพท์มือถือ จำนวน 66 เครื่อง, คอมพิวเตอร์ (โน๊ตบุ๊ก) จำนวน 2 เครื่อง, รถยนต์ จำนวน 3 คัน, รถยนต์จักรยานยนต์ จำนวน 2 คัน, เงินสดกว่า 1 ล้านบาท และทรัพย์สินมีค่าอื่นๆ อีกจำนวนหลายรายการ รวมทรัพย์สินตรวจยึดรวมมูลค่ากว่า 6 ล้านบาท โดยจับกุมได้ในพื้นที่ อ.บ้านฉาง จ.ระยอง, อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ และ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
สืบเนื่องจากเมื่อประมาณปลายเดือนมีนาคม 2568 ผู้เสียหายพบเห็นโฆษณาทางเฟซบุ๊ก ที่มีการโฆษณาเกี่ยวกับการขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ จึงได้กดลิงก์โฆษณาดังกล่าว จากนั้นระบบอัตโนมัติได้นำผู้เสียหายไปยังกลุ่มไลน์ Open Chat ชื่อ “Shopping Center” ซึ่งกลุ่มไลน์ดังกล่าวมีสมาชิกจำนวนกว่า 700 คน มีการพูดคุยเกี่ยวกับการซื้อขายสินค้าจำนวนมาก ผู้เสียหายสนใจที่จะลงขายสินค้าจึงได้ทักหาแอดมินของไลน์ Open Chat ดังกล่าว โดยแอดมินแจ้งว่าสามารถลงรูปพร้อมระบุราคาให้ชัดเจนแล้วลงขายได้เลย ผู้เสียหายจึงได้ลงขายสินค้า จำนวน 1 ชิ้น ในราคา 1,420 บาท ต่อมา มีลูกค้า (หน้าม้า) แจ้งว่าสนใจจะซื้อสินค้าและถามหารหัสร้านค้า ซึ่งแอดมินของกลุ่มจึงแจ้งว่าจะต้องมีการลงทะเบียนร้านค้าก่อน จากนั้นจึงส่งลิงก์เว็บไซต์ “SELLER CENTER” ให้ผู้เสียหายทำการลงทะเบียน โดยให้กรอกข้อมูลส่วนตัวของผู้เสียหาย จากนั้นแอดมินได้ส่งบัญชีผู้ใช้ไลน์ให้แก่ผู้เสียหาย โดยแจ้งว่าเป็นเจ้าหน้าที่การเงินและบัญชี จะเป็นผู้ดูแลระบบร้านค้าและการเบิกถอนให้กับสมาชิก ต่อมา เจ้าหน้าที่การเงินได้แจ้งกับผู้เสียหายว่ามียอดเงินจากการขายสินค้าของผู้เสียหายเข้ามาในระบบแล้ว แต่ยังไม่สามารถถอนเงินได้ โดยออกอุบายว่า ผู้เสียหายยังไม่ได้ทำการทดสอบเปิดการมองเห็นร้านค้าครั้งแรก จากนั้นได้เชิญผู้เสียหายเข้ากลุ่มไลน์ ชื่อ “เปิดการมองเห็นร้านค้า” ซึ่งมีสมาชิกเพียง 4 คน (กลุ่มเชือด) และให้ผู้เสียหายออกกลุ่มไลน์ Open Chat ชื่อ “Shopping Center” (กลุ่มเดิม) โดยคนร้ายอ้างว่าจะดึงผู้เสียหายกลับเข้ากลุ่มในภายหลังจากทำแบบทดสอบเสร็จ จากนั้นให้ผู้เสียหายและบุคคลในกลุ่มทำแบบทดสอบเพื่อเปิดการมองเห็นร้านค้า โดยคนร้ายอ้างว่าสมาชิกใหม่จะต้องมีการเติมยอดเงินเข้ามายังแพลตฟอร์ม จากนั้นทางแพลตฟอร์มจะนำเงินลงทุนมาหมุนเวียนสตอกสินค้าเพื่อทำกำไรให้กับสมาชิกผ่านเว็บไซต์ ชื่อ “SELLER CENTER” โดยในการลงทุน ครั้งแรกผู้เสียหายสามารถเบิกถอนเงินลงทุนและผลกำไรได้ปกติ ต่อมาเมื่อผู้เสียหายลงทุนเพิ่มมากขึ้นและต้องการจะถอนเงิน คนร้ายจะสร้างเงื่อนไขต่างๆ ให้ผู้เสียหายโอนเงินเข้าระบบเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ท้ายที่สุดก็ไม่สามารถเบิกถอนเงินออกจากระบบได้ ผู้เสียหายเชื่อว่าถูกหลอกลวง มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 2.9 ล้านบาท
จากการสืบสวนทราบว่า คนร้ายกลุ่มนี้ใช้บ้านพักตากอากาศแห่งหนึ่งใน อ.บ้านฉาง จ.ระยอง เป็นคอกม้า โดยการนำเจ้าของบัญชีม้ามากักขังไว้และยึดอุปกรณ์สื่อสารทั้งหมด ไม่ให้มีการติดต่อกับบุคคลภายนอก นอกจากนั้นกลุ่มผู้ต้องหายังคอยควบคุมและบังคับให้ทำตามคำสั่ง หากขัดขืนจะถูกทุบตี ทำร้ายร่างกาย จากนั้นนำพาไปเปิดบัญชีธนาคารเพื่อรอรับออเดอร์จากชาวจีน (ผ่าน Telegram)
ต่อมาเมื่อวันที่ 8 เมษายน 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เปิดปฏิบัติการครั้งที่ 1 ร่วมกันเข้าทำการตรวจค้นจับกุมบ้านพักที่เป็นคอกม้า ในพื้นที่ จ.ระยอง รวม 3 แห่ง โดยสามารถทำการจับกุมกลุ่มผู้ต้องหา รวมทั้งสิ้น 21 ราย จากนั้นมีการบุกเข้าตรวจค้นในพื้นที่สมุทรปราการและชลบุรี ตามลำดับ จนรวมจับกุมผู้ต้องหารวม 31 ราย ส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป .-สำนักข่าวไทย