ดับเพิ่มเป็น 3 ราย เหยื่อยาดองมรณะ

27 ส.ค. – เหยื่อยาดองมรณะเสียชีวิตเพิ่มเป็น 3 ราย และอีกนับสิบรายยังต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ คาดทราบผลส่วนประกอบของสุราเถื่อน ใน 1-2 วันนี้ ด้านเขตมีนบุรีสั่งปิดร้านยาดองแล้ว 5 แห่ง พร้อมประชาสัมพันธ์ให้ความรู้กับประชาชนอย่างต่อเนื่อง


ความคืบหน้ากรณีพบผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตด้วยอาการภาวะพิษจากเมทานอล จากการดื่มสุราเถื่อนของซุ้มยาดองย่านหทัยราษฎร์ เขตมีนบุรี ระหว่างวันที่ 22-25 ส.ค. 67 ล่าสุดตัวเลขมีผู้ป่วยเพิ่มเติม อัปเดตเมื่อคืนที่ผ่านมา (26 ส.ค.) มีผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลทั้งสิ้น 31 ราย ในจำนวนนี้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ราย รวมเป็น 3 ราย โดยแบ่งพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลนพรัตน์ราชธานี 15 ราย (เสียชีวิต 1 ราย), โรงพยาบาลนวมินทร์ 9 จำนวน 9 ราย (เสียชีวิต 1 ราย), โรงพยาบาลราชวิถี 2 ราย, โรงพยาบาลเสรีรักษ์ 1 ราย (เสียชีวิต 1 ราย), โรงพยาบาลเลิดสิน 1 ราย, โรงพยาบาลเกษมราษฎร์รามคำแหง 1 ราย, โรงพยาบาลนวมินทร์ 1 ราย และโรงพยาบาลเวชการุณย์รัศมิ์ 1 ราย

ช่วงบ่ายวานนี้ (26 ส.ค.) นายแพทย์ไพโรจน์ สุรัตนวนิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ ประชุมติดตามความคืบหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้า โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี เปิดเผยว่า มีผู้ป่วยรุนแรงที่รักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู และใส่ท่อช่วยหายใจ 13 คน ซึ่งแพทย์ต้องเฝ้าระวัง เพราะในอนาคตอาจมีภาวะเสี่ยงอาจเป็นผู้พิการทางสายตา


สำหรับผู้ป่วยทั้งหมดที่เข้ารับการรักษาพบว่าเป็นคนไทยที่อาศัยอยู่ในเขตมีนบุรี หนองจอก และคลองสามวา ทุกคนมีประวัติเคยดื่มสุราเถื่อนในพื้นที่ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมด้วยว่านอกเหนือจาก 3 พื้นที่นี้ ยังมีผู้ป่วยที่ไปดื่มสุราเถื่อนมาจากตลาดย่านลำลูกกา จ.ปทุมธานี ถูกนำตัวรักษาที่โรงพยาบาลนพรัตน์ราชธานี

นายแพทย์ไพโรจน์ ย้ำเตือนประชาชนที่เคยดื่มสุราเถื่อน หรือเคยดื่มในพื้นที่ดังกล่าว หากมีอาการวิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน และสายตาพร่ามัว เข้ารับการตรวจได้ที่โรงพยาบาลใกล้เคียง ทั้งนี้ ผู้ป่วยบางคนจะออกฤทธิ์ช้า โดยจะออกฤทธิ์ในเวลา 24-48 ชั่วโมง ปกติจากการกลั่นสุราจะพบเมทานอลขึ้นบ้างเล็กน้อยไม่เกิน 1,000 ppm แต่จากการตรวจสอบแหล่งผลิตโรงงานในซอยกาญจนา 25 พบว่ามีเมทานอลสูงถึง 100,000 ppm ที่ผ่านมาโดยเฉลี่ยปีหนึ่งจะมีผู้ป่วย 50-100 คน ส่วนใหญ่เป็นสุราธรรมชาติ ชาวบ้านต้มกลั่นกันเอง ส่วนผลของส่วนประกอบอย่างละเอียดของสุราเถื่อน อยู่ระหว่างการตรวจสอบของศูนย์พิษวิทยา โรงพยาบาลรามาธิบดี คาดผลน่าจะออกมาใน 1-2 วันนี้

ด้านนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือแนวทางการป้องกันปัญหาการลักลอบผลิต บริโภค และอันตรายของเหล้าเถื่อน โดยมีเจ้าหน้าที่กรมสรรพสามิต ร่วมประชุมในครั้งนี้ด้วย


นายสมศักดิ์ เปิดเผยหลังการประชุมนาน 1 ชั่วโมง ว่ามีผู้บริโภคเหล้าเถื่อนเข้ารับการรักษาตัว ตาบอด 1 คน สายตามีปัญหาพร่ามัวมากกว่า 10 คน คาดว่าหลังจากนี้ 1-2 วัน จะมีผู้เข้ามารับการรักษาเพิ่มเติมอีก เนื่องจากยังมีคนซื้อไปเก็บตุนไว้ดื่มที่บ้าน ซึ่งความรุนแรงจะมากน้อยขึ้นอยู่กับปริมาณที่ดื่มเข้าไป หากดื่มเข้าไปเกิน 20 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต่อลิตร มีโอกาสเสียชีวิตสูง เพราะเมทิลแอลกอฮอล์ที่ผสมในเหล้าเถื่อนจะเข้าไปทำปฏิกิริยาในร่างกาย ทำให้เกิดเลือดเป็นกรด ทำให้เสียชีวิตได้ โดยเฉพาะคนที่ซื้อเหล้าริมถนนให้รีบสังเกตอาการตัวเอง หากมีอาการปวดท้อง ปวดหัว ตาพร่ามัว ให้รีบพบแพทย์โดยด่วน แม้จะบริโภคในปริมาณน้อยก็ใช่ว่าจะปลอดภัย ดังนั้น ต้องหมั่นสังเกตอาการตัวเอง เพราะกว่าจะเริ่มออกฤทธิ์อาจใช้เวลา 24-48 ชั่วโมง อย่างไรก็ตาม สำหรับเหตุการณ์นี้ เมทิลแอลกอฮอล์ที่ใช้ผลิตเหล้าพบว่าเป็นเมทิลแอลกอฮอล์ที่ใช้ผสมสี ซึ่งไม่สามารถบริโภคได้ จึงเป็นพิษต่อร่างกาย

ผู้ต้องหาให้การสั่งซื้อ “เอทิลแอลกอฮอล์” จากเซลส์ย่านบางพลัด
กรมสรรพสามิตและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดินหน้าตรวจสอบต้นตอโรงงานผลิต ผู้ขายทุกร้านรับว่าได้ของมาจาก “เจ๊ปู” ซึ่งตำรวจเชิญตัวเจ๊ปูมาสอบสวนแล้ว ว่ารับสุรามาจากสองพี่น้องคือ นายสุรศักดิ์ และนายสุรชัย ตรวจที่บ้านย่านซอยกาญจนาภิเษก 25 เขตสะพานสูง กรุงเทพฯ ทั้งสองอ้างว่าซื้อเอทิลแอลกอฮอล์ 95 ดีกรี มาแล้วเอามาผสมน้ำเปล่าเพื่อเจือจางให้เหลือ 35 ดีกรี ใส่แกลลอนนำไปส่งให้เจ๊ปู

ล่าสุดพนักงานสอบสวน สน.บางชัน คุมตัวนายสุรศักดิ์ และนายสุรชัย ส่งฝากขังต่อศาลอาญามีนบุรี ข้อหาร่วมกันผลิตสุราโดยไม่ได้รับอนุญาต และมีไว้เพื่อขายซึ่งสุราที่ผลิตโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยจะคัดค้านการประกันตัว สำหรับข้อหาดังกล่าวมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ มีรายงานว่าผู้ต้องหาทั้งสองคนให้การซัดทอดว่าสั่งซื้อเอทิลแอลกอฮอล์มาจากเซลส์ย่านบางพลัด ในราคาแกลลอนละ 1,250 บาท ครั้งล่าสุด 20 แกลลอน

เมื่อได้วัตถุดิบมาจะนำมาผสมในถังขนาด 200 ลิตร ในอัตราส่วนเอทิลแอลกอฮอล์ 3 แกลลอนต่อน้ำเปล่า 7 แกลลอน โดยผสมครั้งละ 6 ถัง หรือ 600 ลิตร เป็นประจำ พอกวนวัตถุดิบทั้งสองส่วนเข้ากันจนได้ที่จะใช้เครื่องมือมาตรวจวัดปริมาณดีกรีให้ได้ 35 ดีกรี ก่อนจะบรรจุใส่ถุงขนาด 25 ลิตร ส่งขายราคาถุงละ 900 บาท ทำมาประมาณ 1 ปี มีลูกค้าเจ้าประจำเพียง 1 ราย มารับซื้อเหล้าเถื่อนไปจำหน่ายต่อตามซุ้มยาดอง โดยไม่ทราบว่าเป็นซุ้มยาดองย่านไหนบ้าง เนื่องจากคนซื้อไม่ได้ให้ข้อมูลไว้ ยืนยันว่าใช้เฉพาะเอทิลแอลกอฮอล์เป็นวัตถุดิบหลักในการผสมทำเหล้าเถื่อนเท่านั้น ไม่ได้ใช้เมทิลแอลกอฮอล์แน่นอน เบื้องต้นตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การ โดยส่งตัวอย่างของกลางให้กองพิสูจน์หลักฐานกลางสำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจสอบหาส่วนผสม หากพบว่ามีส่วนผสมของเมทิลแอลกอฮอล์ หรือส่วนผสมอื่นที่เป็นอันตรายถึงชีวิต จะแจ้งข้อหาเพิ่มต่อไป

เขตมีนบุรีเฝ้าระวังต่อเนื่อง-ตรวจร้านยาดองต้องสงสัย
นายศักดิ์ชัย ใสสุข ผู้อำนวยการเขตมีนบุรี เปิดเผยว่า สำนักงานเขตยังประชุมกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง มอบหมายเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินการสั่งปิดร้านยาดองที่รับสุราปลอมไปจำหน่าย 5 แห่ง ในพื้นที่ พร้อมย้ำประชาสัมพันธ์ให้ความรู้กับประชาชนอย่างต่อเนื่อง

จาการสำรวจในเขตพบว่ามีซุ้มยาดองทั้งหมด 7 ร้าน โดยในจำนวนนี้มี 5 ร้าน ที่รับมาจากเครือข่ายเจ๊ปู และล่าสุดเขตพบอีก 2 ร้าน แต่รับยาดองมาจากอีกเครือข่ายหนึ่ง จึงประสานไปที่ตำรวจและสรรพสามิตให้เข้าตรวจสอบแล้ว

จากข้อมูลพบว่าเจ๊ปูรับวัตถุดิบจากย่านสะพานสูง เอามาผสมส่วนประกอบต่างๆ ที่บ้านในซอยหทัยราษฎร์ อ้างว่ามาผสมตามสูตรที่สืบทอดกันมาหลายสิบปี แต่จากการสอบถามญาติผู้ป่วยที่ดื่มประจำ เขาบอกว่าครั้งนี้รสชาติเปลี่ยนไป จึงตั้งข้อสงสัยว่าลอตนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงส่วนผสมหรือไม่

ขณะที่จากประกาศแจ้งเตือนพิกัดร้านผู้ที่เคยไปดื่มซุ้มยาดองที่รับมาจากเครือข่ายร้านเจ๊ปู 18 แห่ง โดยแบ่งเป็นในพื้นที่เขตมีนบุรี 5 แห่ง เขตหนองจอก 1 แห่ง เขตคลองสามวา 9 แห่ง เขตลาดกระบัง ประเวศ และคันนายาว เขตละ 1 แห่ง เจ้าหน้าที่ยังต้องลงสอบถามให้ได้ว่าซุ้มดังกล่าวมีใครเป็นลูกค้าขาจรและขาประจำ โดยอาจมีบางคนซื้อกลับบ้านไปแช่ตู้เย็นไว้และเพิ่งนำมาดื่ม ทำให้เพิ่งมีอาการ นอกจากนี้ยังคาดการณ์ว่าอาจมีกระจายไปตามซุ้มยาดองมากกว่านี้.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

กต.ประณามกัมพูชาใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ขัด กม.ระหว่างประเทศร้ายแรง

ก.ต่างประเทศ 20 ก.ค. – กต.ประณามกัมพูชาอย่างรุนแรงที่สุดต่อการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซัดขัด กม.ระหว่างประเทศร้ายแรง ละเมิดอธิปไตยไทย จี้ให้ความร่วมมือเก็บกู้ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ อ่านแถลงการณ์เรื่องการประท้วงการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลของกัมพูชา ซึ่งเป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่ บริเวณช่องบก ชายแดนไทย-กัมพูชา จังหวัดศรีสะเกษ จนเป็นเหตุให้กำลังพลของไทยได้รับบาดเจ็บ ว่า ตามที่เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2568 กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 รวม 3 นาย ซึ่งทำการลาดตระเวนตามปกติ ในดินแดนของไทย บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ประสบเหตุเหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลนั้น รัฐบาลไทยได้รับรายงานจากหน่วยงานความมั่นคงว่า ภายหลังการตรวจสอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปรากฏหลักฐานเชิงประจักษ์ว่า ทุ่นระเบิดที่พบ ไม่มีการใช้ หรือมีอยู่ในคลังอาวุธของไทย และเป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่ เมื่อประกอบกับการประมวลข้อมูล และหลักฐานสภาพแวดล้อมอื่น ๆ ที่หน่วยงานความมั่นคงตรวจพบ นำไปสู่การสรุปได้ว่า เป็นการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ที่ถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง รัฐบาลไทยขอประณามอย่างรุนแรงที่สุดต่อการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งเป็นเรื่องการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย และเป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักการพื้นฐานที่สำคัญของกฎหมายระหว่างประเทศ ที่ระบุไว้ในกฎบัตรสหประชาชาติ อีกทั้งยังเป็นการกระทำที่ละเมิดพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคลอย่างชัดเจน ไทยในฐานะรัฐภาคีอนุสัญญาฯ จะดำเนินการตามกระบวนการภายใต้อนุสัญญาฯ โดยจะยังคงหาทางแก้ปัญหากับกัมพูชาผ่านกลไกทวิภาคีต่าง […]

มทภ.2 ยินดีเขมรขนคนเที่ยวโบราณสถานไทย เตือนเคารพกฎ

20 ก.ค.- แม่ทัพภาค 2 ฮึ่มป่วน “ปราสาทตาเมือนธม-ปราสาทตาควาย” เจอมาตรการเบาไปหนัก ยินดีเขมรขนคนมาชมสองโบราณสถานของไทย ส่วนโซเชียลรณรงค์คนไทยเจ้าบ้านใส่เสื้อไทยร่วมต้อนรับ เมื่อวันที่ 20 ก.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงกรณีกัมพูชาขนประชาชนกัมพูชาหลายรถบัสขึ้นมาเที่ยวปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควายของไทย ว่า รู้สึกยินดีและขอต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาและประเทศอื่น ๆ ที่มาท่องเที่ยว เยี่ยมชมปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควายของไทย ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวทุกคนจะต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบที่กองทัพภาคที่ 2 กำหนดไว้ โดยได้จัดเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกและดูแลนักท่องเที่ยวให้ปฏิบัติตามกฎระเบียบ ไม่ก่อความวุ่นวาย เพื่อให้นักท่องเที่ยวทุกคนเข้าเยี่ยมชมได้ตามปกติ ทั้งนี้ ปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควาย เป็นโบราณสถานที่มีความสำคัญของไทยและมีประวัติศาสตร์มายาวนาน “หากนักท่องเที่ยวคนใดก่อเหตุวุ่นวาย เจ้าหน้าที่มีมาตรการจากเบาไปหาหนักดำเนินการ ดังนั้นขออย่าให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว เพราะนักท่องเที่ยวทุกคนเข้ามาเยี่ยมชมโบราณสถานของไทย ต้องเคารพกฎระเบียบของไทย” แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โซเชียลมีเดียมีการเผยแพร่ภาพคนไทย พร้อมข้อความภาษาไทยและภาษากัมพูชา ระบุว่า “รวมใจคนไทย ใส่เสื้อไทย ต้อนรับนักท่องเที่ยวกัมพูชา ด้วยรอยยิ้มและมิตรภาพจากเจ้าของบ้านตัวจริง” -สำนักข่าวไทย

ทบ.ส่งทหารช่างเก็บกู้ทุ่นระเบิดชายแดนไทย-กัมพูชา

20 ก.ค.- ทหารช่างปฏิบัติภารกิจเก็บกู้ทุ่นระเบิดพื้นที่ช่องบก ชายแดนไทย-กัมพูชา ขณะที่กองทัพบกเตรียมมาตรการตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสม จากกรณีทหารไทยประสบเหตุเหยียบกับระเบิด บาดเจ็บ 3 นาย ขณะปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนรักษาความสงบในพื้นที่ช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ล่าสุดเช้านี้ (20 ก.ค. 68) กองทัพภาคที่ 2 เสริมกำลังทหารช่างลงพื้นที่ทันที เพื่อตรวจพื้นที่และเก็บกู้ทุ่นระเบิดตลอดแนวชายแดน โดยใช้ยุทโธปกรณ์หนัก รถแทรกเตอร์หุ้มเกราะ ชุดตรวจค้นทุ่นระเบิดชำนาญการ กำลังชุดทหารช่างตรวจค้นกวาดล้างทุ่นระเบิด (Mine Clearing) เขตทางพื้นที่สงสัยให้ปลอดภัย พร้อมใช้รถโกยตัก ถางขุดตอ และรถถากถางติดตั้งเกราะเหล็กป้องกันพลขับในการทำงานในพื้นที่เสี่ยงภัย ปฏิบัติการดังกล่าว นอกจากดูแลความปลอดภัยของกำลังพลที่จะออกลาดตระเวนในพื้นที่เขตแดนไทยแล้ว ยังเป็นการเก็บหลักฐานเพื่อแสดงให้เห็นว่ากัมพูชามีพฤติการณ์ที่ขัดต่ออนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล แม้ทางฝ่ายกัมพูชาจะไม่ยอมรับ แต่กระทรวงการต่างประเทศ จะทำหนังสือเพื่อประท้วงอย่างเป็นทางการผ่านสหประชาชาติ (UN) และทางกองทัพบก จะมีมาตรการตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสม.-สำนักข่าวไทย

พฐ.เตรียมตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้โรงงานแปรรูปยางพารา

20 ก.ค.- เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเตรียมตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้โรงงานแปรรูปยางพารา จ.บุรีรัมย์ เบื้องต้นไม่มีผู้บาดเจ็บ คาดเสียหายหลายสิบล้านบาท เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา เกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานรับซื้อและแปรรูปยางพาราขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ริมถนนสาย 24 โชคชัย-เดชอุดม ตำบลโคกม้า อ.ประโคกชัย จ.บุรีรัมย์ โดยต้นเพลิงเป็นโกดังเก็บยางพาราอัดแท่ง จัดว่าเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ทำให้เพลิงลุกไหม้รวดเร็วและรุนแรง ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตอนเกิดเหตุช่วงแรก พนักงานช่วยกันดับแต่เอาไม่อยู่ จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เข้าช่วยเหลือ ตำรวจ สภ.ประโคนชัย พร้อมเจ้าหน้าที่ดับเพลิง ลงพื้นที่ตรวจสอบและประสานรถดับเพลิงกว่า 20 คัน เข้าฉีดสกัดนานกว่า 2 ชั่วโมง จึงคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัดได้ แต่ยังต้องฉีดน้ำหล่อเลี้ยงไว้ตลอดป้องกันไม่ให้ไฟปะทุลามไปจุดอื่นในโรงงาน พร้อมเคลื่อนย้ายถังแก๊ส ถังน้ำมัน จากอาคารใกล้เคียงไปไว้ยังจุดปลอดภัย เบื้องต้นไม่มีพนักงานได้รับบาดเจ็บ ด้านนายจำเริญ แหวนเพ็ชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่าแม้จะควบคุมเพลิงไว้ได้แล้ว แต่รถดับเพลิงก็ยังต้องฉีดน้ำเพื่อหล่อความเย็นจนกว่าไฟจะดับสนิท ส่วนสาเหตุเพลิงไหม้ยังไม่ทราบ ต้องรอเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจสอบ สำหรับมูลค่าความเสียหายอยู่ระหว่างการประเมิน คาดหลายสิบล้านบาท ทั้งนี้ โรงงานดังกล่าวเคยเกิดเหตุไฟไหม้มาแล้ว เมื่อปี 63 -สำนักข่าวไทย