ดับเพิ่มเป็น 3 ราย เหยื่อยาดองมรณะ

27 ส.ค. – เหยื่อยาดองมรณะเสียชีวิตเพิ่มเป็น 3 ราย และอีกนับสิบรายยังต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ คาดทราบผลส่วนประกอบของสุราเถื่อน ใน 1-2 วันนี้ ด้านเขตมีนบุรีสั่งปิดร้านยาดองแล้ว 5 แห่ง พร้อมประชาสัมพันธ์ให้ความรู้กับประชาชนอย่างต่อเนื่อง


ความคืบหน้ากรณีพบผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตด้วยอาการภาวะพิษจากเมทานอล จากการดื่มสุราเถื่อนของซุ้มยาดองย่านหทัยราษฎร์ เขตมีนบุรี ระหว่างวันที่ 22-25 ส.ค. 67 ล่าสุดตัวเลขมีผู้ป่วยเพิ่มเติม อัปเดตเมื่อคืนที่ผ่านมา (26 ส.ค.) มีผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลทั้งสิ้น 31 ราย ในจำนวนนี้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ราย รวมเป็น 3 ราย โดยแบ่งพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลนพรัตน์ราชธานี 15 ราย (เสียชีวิต 1 ราย), โรงพยาบาลนวมินทร์ 9 จำนวน 9 ราย (เสียชีวิต 1 ราย), โรงพยาบาลราชวิถี 2 ราย, โรงพยาบาลเสรีรักษ์ 1 ราย (เสียชีวิต 1 ราย), โรงพยาบาลเลิดสิน 1 ราย, โรงพยาบาลเกษมราษฎร์รามคำแหง 1 ราย, โรงพยาบาลนวมินทร์ 1 ราย และโรงพยาบาลเวชการุณย์รัศมิ์ 1 ราย

ช่วงบ่ายวานนี้ (26 ส.ค.) นายแพทย์ไพโรจน์ สุรัตนวนิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ ประชุมติดตามความคืบหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้า โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี เปิดเผยว่า มีผู้ป่วยรุนแรงที่รักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู และใส่ท่อช่วยหายใจ 13 คน ซึ่งแพทย์ต้องเฝ้าระวัง เพราะในอนาคตอาจมีภาวะเสี่ยงอาจเป็นผู้พิการทางสายตา


สำหรับผู้ป่วยทั้งหมดที่เข้ารับการรักษาพบว่าเป็นคนไทยที่อาศัยอยู่ในเขตมีนบุรี หนองจอก และคลองสามวา ทุกคนมีประวัติเคยดื่มสุราเถื่อนในพื้นที่ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมด้วยว่านอกเหนือจาก 3 พื้นที่นี้ ยังมีผู้ป่วยที่ไปดื่มสุราเถื่อนมาจากตลาดย่านลำลูกกา จ.ปทุมธานี ถูกนำตัวรักษาที่โรงพยาบาลนพรัตน์ราชธานี

นายแพทย์ไพโรจน์ ย้ำเตือนประชาชนที่เคยดื่มสุราเถื่อน หรือเคยดื่มในพื้นที่ดังกล่าว หากมีอาการวิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน และสายตาพร่ามัว เข้ารับการตรวจได้ที่โรงพยาบาลใกล้เคียง ทั้งนี้ ผู้ป่วยบางคนจะออกฤทธิ์ช้า โดยจะออกฤทธิ์ในเวลา 24-48 ชั่วโมง ปกติจากการกลั่นสุราจะพบเมทานอลขึ้นบ้างเล็กน้อยไม่เกิน 1,000 ppm แต่จากการตรวจสอบแหล่งผลิตโรงงานในซอยกาญจนา 25 พบว่ามีเมทานอลสูงถึง 100,000 ppm ที่ผ่านมาโดยเฉลี่ยปีหนึ่งจะมีผู้ป่วย 50-100 คน ส่วนใหญ่เป็นสุราธรรมชาติ ชาวบ้านต้มกลั่นกันเอง ส่วนผลของส่วนประกอบอย่างละเอียดของสุราเถื่อน อยู่ระหว่างการตรวจสอบของศูนย์พิษวิทยา โรงพยาบาลรามาธิบดี คาดผลน่าจะออกมาใน 1-2 วันนี้

ด้านนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือแนวทางการป้องกันปัญหาการลักลอบผลิต บริโภค และอันตรายของเหล้าเถื่อน โดยมีเจ้าหน้าที่กรมสรรพสามิต ร่วมประชุมในครั้งนี้ด้วย


นายสมศักดิ์ เปิดเผยหลังการประชุมนาน 1 ชั่วโมง ว่ามีผู้บริโภคเหล้าเถื่อนเข้ารับการรักษาตัว ตาบอด 1 คน สายตามีปัญหาพร่ามัวมากกว่า 10 คน คาดว่าหลังจากนี้ 1-2 วัน จะมีผู้เข้ามารับการรักษาเพิ่มเติมอีก เนื่องจากยังมีคนซื้อไปเก็บตุนไว้ดื่มที่บ้าน ซึ่งความรุนแรงจะมากน้อยขึ้นอยู่กับปริมาณที่ดื่มเข้าไป หากดื่มเข้าไปเกิน 20 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต่อลิตร มีโอกาสเสียชีวิตสูง เพราะเมทิลแอลกอฮอล์ที่ผสมในเหล้าเถื่อนจะเข้าไปทำปฏิกิริยาในร่างกาย ทำให้เกิดเลือดเป็นกรด ทำให้เสียชีวิตได้ โดยเฉพาะคนที่ซื้อเหล้าริมถนนให้รีบสังเกตอาการตัวเอง หากมีอาการปวดท้อง ปวดหัว ตาพร่ามัว ให้รีบพบแพทย์โดยด่วน แม้จะบริโภคในปริมาณน้อยก็ใช่ว่าจะปลอดภัย ดังนั้น ต้องหมั่นสังเกตอาการตัวเอง เพราะกว่าจะเริ่มออกฤทธิ์อาจใช้เวลา 24-48 ชั่วโมง อย่างไรก็ตาม สำหรับเหตุการณ์นี้ เมทิลแอลกอฮอล์ที่ใช้ผลิตเหล้าพบว่าเป็นเมทิลแอลกอฮอล์ที่ใช้ผสมสี ซึ่งไม่สามารถบริโภคได้ จึงเป็นพิษต่อร่างกาย

ผู้ต้องหาให้การสั่งซื้อ “เอทิลแอลกอฮอล์” จากเซลส์ย่านบางพลัด
กรมสรรพสามิตและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดินหน้าตรวจสอบต้นตอโรงงานผลิต ผู้ขายทุกร้านรับว่าได้ของมาจาก “เจ๊ปู” ซึ่งตำรวจเชิญตัวเจ๊ปูมาสอบสวนแล้ว ว่ารับสุรามาจากสองพี่น้องคือ นายสุรศักดิ์ และนายสุรชัย ตรวจที่บ้านย่านซอยกาญจนาภิเษก 25 เขตสะพานสูง กรุงเทพฯ ทั้งสองอ้างว่าซื้อเอทิลแอลกอฮอล์ 95 ดีกรี มาแล้วเอามาผสมน้ำเปล่าเพื่อเจือจางให้เหลือ 35 ดีกรี ใส่แกลลอนนำไปส่งให้เจ๊ปู

ล่าสุดพนักงานสอบสวน สน.บางชัน คุมตัวนายสุรศักดิ์ และนายสุรชัย ส่งฝากขังต่อศาลอาญามีนบุรี ข้อหาร่วมกันผลิตสุราโดยไม่ได้รับอนุญาต และมีไว้เพื่อขายซึ่งสุราที่ผลิตโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยจะคัดค้านการประกันตัว สำหรับข้อหาดังกล่าวมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ มีรายงานว่าผู้ต้องหาทั้งสองคนให้การซัดทอดว่าสั่งซื้อเอทิลแอลกอฮอล์มาจากเซลส์ย่านบางพลัด ในราคาแกลลอนละ 1,250 บาท ครั้งล่าสุด 20 แกลลอน

เมื่อได้วัตถุดิบมาจะนำมาผสมในถังขนาด 200 ลิตร ในอัตราส่วนเอทิลแอลกอฮอล์ 3 แกลลอนต่อน้ำเปล่า 7 แกลลอน โดยผสมครั้งละ 6 ถัง หรือ 600 ลิตร เป็นประจำ พอกวนวัตถุดิบทั้งสองส่วนเข้ากันจนได้ที่จะใช้เครื่องมือมาตรวจวัดปริมาณดีกรีให้ได้ 35 ดีกรี ก่อนจะบรรจุใส่ถุงขนาด 25 ลิตร ส่งขายราคาถุงละ 900 บาท ทำมาประมาณ 1 ปี มีลูกค้าเจ้าประจำเพียง 1 ราย มารับซื้อเหล้าเถื่อนไปจำหน่ายต่อตามซุ้มยาดอง โดยไม่ทราบว่าเป็นซุ้มยาดองย่านไหนบ้าง เนื่องจากคนซื้อไม่ได้ให้ข้อมูลไว้ ยืนยันว่าใช้เฉพาะเอทิลแอลกอฮอล์เป็นวัตถุดิบหลักในการผสมทำเหล้าเถื่อนเท่านั้น ไม่ได้ใช้เมทิลแอลกอฮอล์แน่นอน เบื้องต้นตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การ โดยส่งตัวอย่างของกลางให้กองพิสูจน์หลักฐานกลางสำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจสอบหาส่วนผสม หากพบว่ามีส่วนผสมของเมทิลแอลกอฮอล์ หรือส่วนผสมอื่นที่เป็นอันตรายถึงชีวิต จะแจ้งข้อหาเพิ่มต่อไป

เขตมีนบุรีเฝ้าระวังต่อเนื่อง-ตรวจร้านยาดองต้องสงสัย
นายศักดิ์ชัย ใสสุข ผู้อำนวยการเขตมีนบุรี เปิดเผยว่า สำนักงานเขตยังประชุมกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง มอบหมายเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินการสั่งปิดร้านยาดองที่รับสุราปลอมไปจำหน่าย 5 แห่ง ในพื้นที่ พร้อมย้ำประชาสัมพันธ์ให้ความรู้กับประชาชนอย่างต่อเนื่อง

จาการสำรวจในเขตพบว่ามีซุ้มยาดองทั้งหมด 7 ร้าน โดยในจำนวนนี้มี 5 ร้าน ที่รับมาจากเครือข่ายเจ๊ปู และล่าสุดเขตพบอีก 2 ร้าน แต่รับยาดองมาจากอีกเครือข่ายหนึ่ง จึงประสานไปที่ตำรวจและสรรพสามิตให้เข้าตรวจสอบแล้ว

จากข้อมูลพบว่าเจ๊ปูรับวัตถุดิบจากย่านสะพานสูง เอามาผสมส่วนประกอบต่างๆ ที่บ้านในซอยหทัยราษฎร์ อ้างว่ามาผสมตามสูตรที่สืบทอดกันมาหลายสิบปี แต่จากการสอบถามญาติผู้ป่วยที่ดื่มประจำ เขาบอกว่าครั้งนี้รสชาติเปลี่ยนไป จึงตั้งข้อสงสัยว่าลอตนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงส่วนผสมหรือไม่

ขณะที่จากประกาศแจ้งเตือนพิกัดร้านผู้ที่เคยไปดื่มซุ้มยาดองที่รับมาจากเครือข่ายร้านเจ๊ปู 18 แห่ง โดยแบ่งเป็นในพื้นที่เขตมีนบุรี 5 แห่ง เขตหนองจอก 1 แห่ง เขตคลองสามวา 9 แห่ง เขตลาดกระบัง ประเวศ และคันนายาว เขตละ 1 แห่ง เจ้าหน้าที่ยังต้องลงสอบถามให้ได้ว่าซุ้มดังกล่าวมีใครเป็นลูกค้าขาจรและขาประจำ โดยอาจมีบางคนซื้อกลับบ้านไปแช่ตู้เย็นไว้และเพิ่งนำมาดื่ม ทำให้เพิ่งมีอาการ นอกจากนี้ยังคาดการณ์ว่าอาจมีกระจายไปตามซุ้มยาดองมากกว่านี้.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ทบ.ชี้เหตุกำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิด สะท้อนกัมพูชาเริ่มใช้อาวุธก่อน

กรุงเทพฯ 9 ส.ค. – โฆษก ทบ. ชี้เหตุกำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิดขณะลาดตระเวนเส้นทาง พื้นที่รอยต่อบ้านโดนเอาว์-บ้านกฤษณา จ.ศรีสะเกษ บาดเจ็บ 3 นาย สะท้อนกัมพูชาเริ่มใช้อาวุธก่อน พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า วันที่ 9 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00 น. กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 กรณีกำลังพลของหน่วยกองร้อยทหารราบที่ 111 เหยียบกับระเบิด ขณะทำการลาดตระเวนเส้นทาง เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่รอยต่อบ้านโดนเอาว์-บ้านกฤษณา จังหวัดศรีสะเกษ ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ได้แก่ 1. จ่าสิบเอก ธานี พาหา ตำแหน่งผู้บังคับหมู่ป้องกัน บาดเจ็บรุนแรง ข้อเท้าซ้ายท่อนล่างขาด2. พลทหาร ภาคภูมิ ไชยสุระ ตำแหน่งพลปืนเล็ก บาดเจ็บบริเวณแขนและด้านหลัง3. พลทหาร ธนันชัย ไกรวงค์ […]

จับผับรังสิต

สั่งเด้งผู้การปทุมธานี ขาดจากตำแหน่งเดิม เซ่นจับผับดังรังสิต

8 ส.ค. – โดนด้วย! สั่งเด้งผู้การปทุมธานี โดยให้ขาดจากตำแหน่งเดิม พร้อมพวกอีก 5 นาย เซ่นจับผับดังรังสิต พบฉี่ม่วงเพียบเฉียด 200 คน พล.ต.ต.ศิลปคมณ์ เอี่ยมวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ลงนามในคำสั่งตำรวจภูธรภาค 1 ที่ 209/2568 เรื่อง ข้าราชการตำรวจช่วยราชการ ใจความว่า ด้วย ตำรวจภูธรภาค 1 มีคำสั่งที่ 208/2568 ลงวันที่ 8 สิงหาคม 2568 แต่งตั้ง คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ในกรณีเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 เวลา 01.00 น. ชุดปฏิบัติการ พิเศษกรมการปกครอง ได้มีการจัดระเบียบสังคม โดยเปิดปฏิบัติการ (Zero Drug) โดยนำกำลังเข้าทำการ ตรวจสอบและจับกุมสถานบริการ ชื่อ ร้าน “Skin […]

ข่าวแนะนำ

นิด้าโพล เผยประชาชนไว้วางใจกองทัพ ปกป้องชาติมากถึง 75%

กทม. 10 ส.ค.-นิด้าโพล เผยประชาชนไว้วางใจกองทัพ ปกป้องผลประโยชน์ชาติ จากสถานการณ์ไทย-กัมพูชา มากถึง 75% แนะเปิดเจรจาทางการทูตสองฝ่ายจริงจัง รวมทั้งเห็นว่าไม่ควรรับผู้ป่วยชาวกัมพูชาทุกคน ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจ เรื่อง “สถานการณ์ไทย-กัมพูชา ไปต่อแบบไหนดี” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 4-5 สิงหาคม 2568 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป เกี่ยวกับความไว้วางใจและความพอใจต่อบทบาทของภาคส่วนต่างๆ ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา พบว่า -กองทัพ ตัวอย่าง ร้อยละ 75.73 ระบุว่า ไว้วางใจมาก รองลงมา ร้อยละ 19.31 ระบุว่า ค่อนข้างไว้วางใจ ร้อยละ 3.66 ระบุว่า ไม่ค่อยไว้วางใจ ร้อยละ 1.07 ระบุว่า ไม่ไว้วางใจเลย และร้อยละ 0.23 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ -กระทรวงการต่างประเทศ ตัวอย่าง ร้อยละ 41.76 […]

พบหลุมระเบิดที่กัมพูชายิงใส่ไทย 824 หลุม ใน 4 จังหวัดชายแดน

กทม. 10 ส.ค.-เพจกองทัพบก ทันกระแส โพสต์เจ้าหน้าที่ EOD เข้าเก็บกู้ระเบิด พบหลุมระเบิดที่เกิดจากฝีมือกัมพูชามากถึง 824 หลุม ใน 4 จังหวัดชายแดนไทย ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่พลเรือนและโรงพยาบาล เพจเฟซบุ๊ก “กองทัพบก ทันกระแส” โพสต์ว่า เจ้าหน้าที่ EOD เข้าพื้นที่เก็บกู้ระเบิด พบหลุมระเบิดที่เกิดจากฝีมือกัมพูชามากถึง 824 หลุม ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่พลเรือนและโรงพยาบาล ซึ่งสร้างความเสียหายและความหวาดกลัวให้ประชาชน ที่กำลังทยอยกลับเข้าพื้นที่เพื่อสำรวจความเสียหายของบ้านพักอาศัย ข้อมูลที่เพจโพสต์แสดงให้เห็นถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นใน 4 จังหวัดชายแดน ได้แก่ สุรินทร์ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ซึ่งเป็นผลจากการยิงอาวุธของกัมพูชาใส่เป้าหมายพลเรือน ทำให้ประชาชนในพื้นที่ต้องอพยพหนีภัยสงคราม และหากสถานการณ์เริ่มคลี่คลายลง ประชาชนเริ่มกลับเข้าสู่พื้นที่ตนเอง แต่ต้องเผชิญกับอันตรายจากระเบิดที่ยังคงหลงเหลืออยู่ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ EOD ทำงานอย่างหนัก เพื่อเร่งเก็บกู้ระเบิดให้แล้วเสร็จ เพื่อให้ประชาชนได้กลับมาใช้ชีวิตอย่างปลอดภัยในบ้านของตนเองอีกครั้ง.-สำนักข่าวไทย

ชวนชมดวงไฟประดับรอบกรุงเทพฯ วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม

ทำเนียบ 10 ส.ค.-รัฐบาลเชิญชวนชมความงดงามของดวงไฟประดับรอบกรุงเทพฯ ในโอกาสเฉลิมพระเกียรติ วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง วันที่ 12 สิงหาคมของทุกปี (วันแม่แห่งชาติ) กรมทางหลวงชนบท (ทช.) และ MEA หรือการไฟฟ้านครหลวง ร่วมใจกัน ติดตั้งไฟประดับทั้ง 2 ข้างทาง เพื่อเฉลิมพระเกียรติและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ขอเชิญชวนประชาชนได้ร่วมสัมผัสความงดงามของดวงไฟประดับ เนื่องในโอกาสมหามงคลนี้ โดยการไฟฟ้านครหลวง ได้ดำเนินการติดตั้งไฟประดับจำนวนกว่า 2 ล้านดวง เพื่อประดับในสถานที่ต่าง ๆ ได้แก่ พระที่นั่งอัมพรสถาน วังศุโขทัย พระบรมมหาราชวัง บริเวณท้องสนามหลวง รอบพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน วังสระปทุม พระที่นั่งอนันตสมาคม ลานพระบรมรูปทรงม้า สนามเสือป่า ทำเนียบองคมนตรี กระทรวงมหาดไทย ถนนราชดำเนินใน ถนนราชดำเนินกลาง ถนนราชดำเนินนอก ถนนศรีอยุธยา ตั้งแต่วันนี้ – […]

ไทยฝนเพิ่มขึ้น ตกหนักบางแห่ง

กทม. 10 ส.ค.-กรมอุตุฯ รายงานไทยฝนเพิ่มขึ้น ตกหนักบางแห่งบริเวณภาคอีสาน ตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก คลื่นลมทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 60% ของพื้นที่ กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศลาวตอนบนและประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนจะมีกำลังค่อนข้างแรง โดยทะเลอันดามันตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1 – 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทย 06:00 น. วันนี้ ถึง 06:00 น. วันพรุ่งนี้ ภาคเหนือ […]