สน.บางเขน 22 เม.ย. – หนุ่มกู้ภัยขับรถย้อนศรช่วยคนเจ็บเตรียมแจ้งความเอาผิดผู้โพสต์คลิปทำให้ได้รับความเสียหายในข้อหาหมิ่นประมาท
จากกรณีคลิปภาพวงจรปิดหน้ารถมีรถกู้ภัย 2 มูลนิธิกู้ภัยฯ ขับรถย้อนศรไปช่วยผู้บาดเจ็บ จนทำให้ประชาชนเห็นแล้วรู้สึกเป็นอันตราย ด้วยความรีบทำให้อาสาสมัครตกจากรถได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 20 เม.ย.ที่ผ่านมา
นายจักรพันธุ์ เจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิเพชรเกษม ผู้ขับขี่รถกู้ภัยในวันเกิดเหตุ เตรียมเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.บางเขน เพื่อเอาผิดกับผู้ที่นำคลิปไปโพสต์ในสังคมออนไลน์จนทำให้ได้รับความเสียหาย ในความผิดฐานหมิ่นประมาท โดยนายจักรพันธุ์ กล่าวว่า วันที่ 20 เม.ย.67 เวลา 09.30 น. ได้รับแจ้งเหตุเกิดอุบัติเหตุ (ว.40) ที่บริเวณ กม.4 มีผู้บาดเจ็บหลายราย จึงไปตรวจสอบ โดยออกมาจากตลาดหัวมุมรามอินทราขณะไปตรวจสอบเห็นรถพยาบาลคันหนึ่ง อยู่ข้างหน้าขับย้อนศรจึงขับตามไป คิดว่าจุดเกิดเหตุอยู่ใกล้กับยูเทิร์น แต่เมื่อขับไปแล้วพบว่าจุดเกิดเหตุอยู่ห่างจากยูเทิร์นประมาณ 300-400 เมตร รถพยาบาลคันหน้าติดรถที่เลี้ยวออกจากซอย ตนจึงขับเบี่ยงออกไปในเลนที่มีประชาชนปิดกั้นถนนไว้ให้แล้ว จังหวะที่จะถึงที่เกิดเหตุมีน้องอาสาที่มาด้วยกันเปิดประตูออกมา เพราะคิดว่าตนเองได้จอดรถแล้ว จะลงไปช่วยคนเจ็บ แต่เราขับรถเดินหน้าไปจึงทำให้น้องอาสาตกรถแต่ไม่เป็นอะไรมาก โดยบาดเจ็บปากแตกเท่านั้น
นายจักรพันธุ์ ได้ยกมือไหว้พร้อมกล่าวขอโทษสังคมหรือประชาชนในวันนั้นด้วย ที่ได้ขับรถย้อนศร ระบุไม่ได้ตั้งใจที่จะย้อนศรเพื่อจะแข่งหรืออะไรทั้งสิ้น คิดอยากจะไปช่วยคนเจ็บจริงๆ พร้อมยอมรับผิดว่าย้อนศรไปไกลเกินไปแต่เพราะไม่ทราบจุดเกิดอุบัติเหตุอยู่ช่วงไหน หลังจากนี้อะไรที่ผิดพลาดจะต้องปรับปรุงแก้ไขทั้งตัวบุคลากรและองค์กร กรณีนี้คงเป็นเคสตัวอย่างเป็นบทเรียนคงไม่มีใครกล้าขับรถย้อนศรอีก ส่วนตัวจะไม่ทำอีก และได้รับบทลงโทษแล้วโดยโดนให้หยุดปฏิบัติงาน 7 วัน
นายจักรพันธุ์ กล่าวว่า วันนี้แจ้งความเอาผิดคนที่นำภาพไปโพสต์ทำให้สังคมรุมโจมตีว่าขับรถประมาท รวมถึงผู้ที่แสดงความคิดเห็นหมิ่นประมาทด้วย ซึ่งทำให้ได้รับความเสียหายมีญาติพี่น้องโทรมาด่า ทั้งนี้ พร้อมยอมรับความผิดทุกข้อกล่าวหาที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะแจ้ง
ทีมข่าวได้โทรศัพท์สอบถามไปยังเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญูคู่กรณี ซึ่งเจ้าตัวชี้แจงว่า วันเกิดเหตุได้รับแจ้งอุบัติเหตุบริเวณปากซอยรามอินทรา 39 และได้มีการโทรประสานงานกับผู้แจ้งเหตุมาโดยตลอด โดยทราบว่าคนเจ็บมีอาการเจ็บหัวไหล่ ยกหัวไหล่ไม่ขึ้น และลุกไม่ขึ้น ซึ่งผู้แจ้งเหตุบอกว่าสามารถไปกลับรถมาได้ แต่เนื่องจากเส้นที่ตนเองขับมารถติดหนัก จึงขอให้ผู้แจ้งเหตุช่วยกั้นรถ ปิดช่องทางจราจรให้ เพื่อที่ตนเองจะได้ย้อนศรเข้าไปรับผู้บาดเจ็บได้โดยเร็ว จากนั้นก็มีรถกู้ภัยของอีกมูลนิธิขับตามมา ก็แซงปาดหน้าขึ้นไปจนปรากฏตามคลิป
ตนเองขอโทษสังคมที่ขับรถย้อนศร แต่ยืนยันว่าไม่ได้เป็นคนนำคลิปดังกล่าวไปโพสต์ลงโซเชียลมีเดียแต่อย่างใด ตนเพียงแชร์คลิปลงในกลุ่มมูลนิธิตนเอง ซึ่งมีสมาชิกอยู่ประมาณ 80 คน เพื่อที่จะหารือถึงแนวทางความปลอดภัยในอนาคต หากเกิดเหตุการณ์ลักษณะเช่นนี้ ไม่ได้ตั้งใจให้หลุดไปถึงบุคคลภายนอก และก็ไม่ทราบว่าหลุดไปได้อย่างไร
ส่วนที่ตนเองใช้คำพูดหยาบคายด่าทออีกฝ่ายนั้น ตนเองมองว่าเป็นเรื่องส่วนตัวที่พูดกับเพื่อนร่วมงานในรถกัน 2 คน หากทำให้คู่กรณีไม่พอใจไปแจ้งความ ก็ให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย โดยเบื้องต้นมีตำรวจ สน.บางเขน ติดต่อมาสอบถามข้อเท็จจริงและว่ากล่าวตักเตือนที่ขับรถย้อนศรในเบื้องต้นแล้ว แต่ยังไม่มีการประสานให้เข้าไปรับทราบข้อหาที่สถานีตำรวจ. -419-สำนักข่าวไทย