สน.ดินแดง 24 มี.ค. – “พ.ต.ต.จิรภัทร” ติดต่อมอบตัวค่ำนี้หลังหลบหนีไปตั้งหลักหาทนายและหลักทรัพย์ประกันตัว-เตรียมขอศาลออกหมายจับคนชี้เป้าเพิ่มอีก 1 คน และดำเนินคดีกับคนช่วยเหลือให้ผู้ต้องหาหลบหนี
พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยหลังการประชุมชุดสืบสวนสอบสวนคดีตำรวจ ตรวจคนเข้าเมืองอุ้มรีดทรัพย์ชาวจีนกว่า 10 ล้านบาท ว่า ขณะนี้ได้รับการประสานจากญาติของ พ.ต.ต.จิรภัทร ว่าจะเข้ามอบตัวภายในวันนี้ หลังจากชุดสืบสวนได้ติดตามทั้งในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล
โดย พ.ต.ต.จิรภัทร เป็นหนึ่งในหัวหน้าชุดที่กำกับการเข้าตรวจค้นจับกลุ่มผู้เสียหายชาวจีนในวันดังกล่าว เบื้องต้นยังพบว่า พ.ต.ต.จิรภัทร ยังมีความเครียด และสาเหตุที่ยังไม่เข้ามามอบตัว เนื่องจากกำลังเตรียมความพร้อมทั้งทนายความ และหลักทรัพย์การประกันตัว แต่แนวทางของพนักงานสอบสวนก็เตรียมจะคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเป็นคดีที่มีอัตราโทษสูง แต่หาก พ.ต.ต.จิรภัทร ยังไม่เข้ามอบตัว ก็ไม่ส่งผลต่อการดำเนินคดี เพราะตำรวจมีพยานหลักฐานในคดีครบถ้วนแล้ว เหลือแค่นำตัวมาดำเนินคดี ซึ่งชุดสืบสวนก็เร่งติดตามตัวมาดำเนินคดีเต็มที่ แม้ว่าจะติดต่อมอบตัวก็ตาม
ส่วนบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ ได้เตรียมขอศาลออกหมายจับเพิ่ม 1 คน ซึ่งเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องอยู่ในวันเกิดเหตุ ทำหน้าที่เป็นผู้ชี้เป้า ซึ่งเป็นคนละคนกับนายโอภาส ที่ตำรวจคุมตัวมาสอบก่อนหน้านี้ นอกจากนั้นก็จะดำเนินคดีกับผู้ที่ให้ความช่วยเหลือ พ.ต.ต.จิรภัทร ในการหลบหนีด้วย
ขณะเดียวกันได้ให้ชุดสืบสวนของตำรวจตรวจคนเข้าเมืองประสานงานกับสถานทูตจีน เพื่อติดตามตัวผู้เสียหายมาสอบปากคำเพิ่มเติม รวมทั้งจะสอบถามถึงพฤติการณ์ที่เกิดขึ้นในคดี ขณะนี้อยู่ในระหว่างการดำเนินการประสานงาน ส่วนผู้เสียหายจะมีความผิดเรื่องของการสวมบัตรประชาชนหรือไม่ ทางตำรวจจะแยกดำเนินคดีเป็นอีกหนึ่งคดีไป ไม่เกี่ยวข้องกับคดีที่ชาวจีนเป็นผู้เสียหาย
สำหรับผู้ต้องหาที่ถูกจับได้ก่อนหน้านี้ทั้งหมดยังให้การปฏิเสธ แต่ตำรวจมีพยานหลักฐานโดยเฉพาะเส้นทางการเงินการโอนเงินจากผู้เสียหาย แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้เนื่องจากเป็นรายละเอียดในสำนวนคดี ซึ่งผู้เสียหายยืนยันว่าถูกรีดทรัพย์ไปเป็นเงิน 10 ล้านบาท ส่วนจะมีการโอนเข้ามาให้ตำรวจชุดจับกุมเท่าไหร่นั้น ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด
ส่วนความผิดของผู้ต้องหาขณะนี้ตำรวจยังไม่ได้แจ้งข้อหาเกี่ยวกับทรัพย์เนื่องจากผู้เสียหายโดยตรงยังไม่มาแจ้งความ แต่สำหรับความผิด ดังกล่าว ตำรวจสามารถแจ้งข้อหาเองได้ เนื่องจากเป็นความผิดอาญาแผ่นดิน ส่วนจะเป็นการปล้นทรัพย์ หรือกรรโชกทรัพย์ถ้าพยานหลักฐานไปถึงในความผิดไหนก็จะแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมต่อไป
สำหรับนายโอภาส ที่ถูกจับได้ในจังหวัดชัยภูมิแล้วพบว่าเป็น เป็นนายหน้าทำบัตรประชาชนปลอมให้กับผู้เสียหายชาวจีน ขณะนี้ได้ส่งไปดำเนินคดีตามหมายจับเดิมที่จังหวัดพิษณุโลกแล้ว ซึ่งนายโอภาสให้การกับตำรวจว่าได้รับติดต่อมาจากผู้เสียหาย และรับผู้เสียหายมาส่งที่บ้านพักย่านดินแดงส่วนจะเกี่ยวข้องกับคดีในส่วนไหนจะต้องมีการสอบสวนต่อไป. -สำนักข่าวไทย