คุมฝากขัง 2 ผู้ต้องหากักขัง-ทำร้ายอดีตพยาบาลและลูก

กรุงเทพฯ 18 ต.ค.- ตำรวจคุมตัว 2 ผู้ต้องหากักขัง-ทำร้ายอดีตพยาบาลและลูก ฝากขังศาล พร้อมค้านประกัน โดย “ฮารุ” ยังไม่ยอมให้การเกี่ยวกับคดี ขณะที่มีผู้เสียหายถูกหลอกลงทุนแจ้งความประสงค์เข้ามาดูตัวแล้วราว 20 คน มูลค่าความเสียหายกว่า 10 ล้านบาท ส่วนปมคลั่งลัทธิอยู่ระหว่างตรวจสอบ


ตำรวจ สน.บวรมงคล คุมตัวนายฮารุ และนายตรีเพชรรัตน ไปขออำนาจศาลอาญาตลิ่งชันฝากขัง โดยมีการคุมตัวไปพร้อมกับของกลางที่นำมาจากห้องพักที่เกิดเหตุ ซึ่งทีมข่าวสังเกตเห็นว่ามีในส่วนของผ้ายันต์และเครื่องรางต่างๆ ที่ผู้ต้องหาเคยตั้งเป็นแท่นบูชาไว้ภายในห้องไปพร้อมกันด้วย ผู้ต้องหาทั้งสองไม่มีการตอบคำถามสื่อมวลชนและให้ข้อมูลใดๆ ก่อนจะขึ้นรถควบคุมผู้ต้องหาออกไป

พนักงานสอบสวน สน.บวรมงคล แจ้งข้อหาทั้ง 2 คน คือ ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น จนได้รับบาดเจ็บสาหัส, ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่น ให้กระทำการต่างๆ จนเกิดอันตรายต่อชีวิตและเสรีภาพ พร้อมยื่นคำร้องท้ายสำนวนคัดค้านการประกันตัว เพราะคดีมีอัตราโทษสูง เกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี


ทั้งนี้ มีรายงานว่า หลังจากควบคุมตัวนายฮารุ และนายตรีเพชร มาสอบปากคำที่ สน.บวรมงคล ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมาจนถึงช่วงบ่าย นายฮารุ ยังคงไม่ยอมให้การใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับคดี ทั้งรูปแบบของการฉ้อโกงทรัพย์จากผู้เสียหายที่พบภายในคอนโดมิเนียม และผู้เสียหายที่กำลังจะเข้าแจ้งความเพิ่มเติม รวมถึงลัทธิการบูชาไพ่ยิปซี และลัทธิประหลาดต่างๆ ที่ก่อตั้งขึ้น โดยตลอดทั้งคืนที่ผ่านมายังกินข้าว นอนหลับได้ และมีอาการเครียดเล็กน้อย

ขณะที่การสอบปากคำนายตรีเพชร พบว่าเจ้าตัวให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ให้การซัดทอดว่า ได้ร่วมกับนายฮารุ ตั้งรูปแบบการหลอกลงทุน-ฉ้อโกงผู้เสียหายรายต่างๆ ตระเวนพาผู้เสียหายแม่ลูกไปขอเงิน รวมถึงการลงโทษผู้เสียหาย ซึ่งที่ผ่านมารับทราบพฤติการณ์ของนายฮารุ มาโดยตลอด แต่ไม่สามารถห้ามปรามได้

จากการตรวจสอบประวัติครั้งเก่าของนายฮารุ พบว่ามีคดีที่เกี่ยวข้องกับคดีฉ้อโกงหลายคดี กระจายอยู่หลายพื้นที่ของกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ล่าสุดมีผู้เสียหายที่แจ้งความประสงค์จะเข้ามาดูตัวและแจ้งความแล้วรวมประมาณ 20 คน มูลค่าความเสียหายมากกว่า 10 ล้านบาท ทั้งนี้ พบว่าผู้เสียหายส่วนใหญ่จะเป็นบุคลากรทางการแพทย์ในกรุงเทพมหานคร 3-4 โรงพยาบาล ส่วนสาเหตุที่เจ้าตัวเข้าถึงกลุ่มผู้เสียหายที่เป็นบุคลากรทางการแพทย์ได้เป็นจำนวนมาก เนื่องจากมารดาของผู้ต้องหาเคยเป็นพยาบาลอยู่ในโรงพยาบาลต่างจังหวัดมาก่อน


ขณะที่แม่ของนายตรีเพชรรัตน อายุ 20 ปี ผู้ต้องหาอีกคนที่ถูกจับพร้อมกับนายฮารุ เดินทางมาเยี่ยมลูกชาย พร้อมกับเปิดเผยสั้นๆ ว่า ไม่รู้มาก่อนว่าลูกชายทำแบบนี้

หนึ่งในผู้เสียหายถูกหลอกลงทุน ไม่รู้ว่าผู้ต้องหามีความเชื่อเรื่องลัทธิหรือไม่

นอกจากนี้ นางเจริญศรี หนึ่งในผู้เสียหายที่เคยถูกนายฮารุ หลอกสูญเงินลงทุนกว่า 1 ล้านบาท เดินทางเข้าดูตัวผู้ต้องหาเพิ่มเติม หลังได้รับการประสานจากพนักงานสอบสวน สน.บุปผาราม ที่ตนเองเคยแจ้งความไว้เมื่อปี 2560

นางเจริญศรี เล่าว่า รู้จักกับนายฮารุ เมื่อประมาณ 8 ปีที่แล้ว เนื่องจากนายฮารุ เป็นลูกค้าที่ร้านอาหาร ก่อนจะมาสอนพิเศษภาษาอังกฤษให้ลูกสาว ซึ่งนายฮารุ เข้ามาตีสนิทโดยการพูดคุยโชว์โปรไฟล์ดี บ้านมีฐานะ ประกอบกับลักษณะการพูดคุยดูเป็นมิตร อัธยาศัยดี หลังจากรู้จักกันมาประมาณ 4 ปี นายฮารุ ชวนไปเซ้งที่ดินของพี่สาวย่านตรอกข้าวสาร พร้อมพูดจาโน้มน้าว ทำให้หลงเชื่อนำเงินสดไปลงทุนประมาณ 1 ล้านบาท โดยแต่ละครั้งแบ่งจ่ายเป็นหลักแสน ภายใน 1 เดือน หลังจากที่จ่ายเงินไปแล้วไม่นาน นายฮารุ อ้างว่าไปต่างประเทศ และไม่สามารถติดต่อได้อีก ถูกบล็อกเบอร์ช่องทางติดต่อทุกช่องทาง จึงรู้ตัวว่าถูกหลอกจึงไปแจ้งความไว้ที่ สน.บุปผาราม ซึ่งหลังจากที่โดนโกงไปแล้ว ก็ไปสอบถามร้านทำผมที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ทราบมาว่าเจ้าของร้านทำผมก็ถูกหลอกให้โอนเป็นหมื่นเช่นกัน

ผู้เสียหายคนนี้ยังปฏิเสธว่า ไม่รู้เรื่องว่าผู้ต้องหามีความเชื่อเกี่ยวกับลัทธิใดหรือไม่ ส่วนตัวรู้จักในฐานะที่เป็นครูสอนพิเศษภาษาอังกฤษให้ลูก ซึ่งตลอดเวลาที่รู้จักกันก็ไม่พบเห็นว่านายฮารุ มีพฤติกรรมหรืออารมณ์รุนแรง

อดีตสามีพยาบาลเผยภรรยาตาสว่าง เพราะถูกบังคับให้ทำร้ายลูก

นายแบงค์ อายุ 42 ปี อดีตสามีของนางสาวไพริน และเป็นพ่อของเด็กที่ถูกช่วยเหลือทั้ง 2 คน เปิดเผยว่า แยกกันอยู่กับอดีตภรรยามากว่า 2 ปีแล้ว เมื่อปลายปี 2563 อดีตภรรยาไปรู้จักกับปาร์ค ซอยอ จากกลุ่มขายอาหารเสริม และชักชวนกันไปลงทุน โดยอ้างว่าจะดูแลความเป็นอยู่และค่าเล่าเรียนของลูกๆ ซึ่งช่วงแรกจะพาไปทำบุญ วิปัสสนา บูชาพระเจ้า และสาบานว่าจะเริ่มชีวิตใหม่ จากนั้นผู้ก่อเหตุก็ให้ไปเปลี่ยนชื่อและนามสกุลเป็นชื่ออัญมณีทั้งหมด และยังพูดจาหว่านล้อมให้อดีตภรรยาหลงเชื่อจนลาออกจากงานประจำไปอยู่กับผู้ก่อเหตุ

จนมาทราบภายหลังว่า อดีตภรรยาถูกสาดน้ำร้อน ถูกทำร้ายร่างกาย มิหนำซ้ำลูกสาวและลูกชายของตนเองก็ถูกทำร้ายร่างกายเช่นกัน และอดีตภรรยาบอกว่าต้องการออกจากที่นี่ ให้ช่วยเธอหน่อย ตนเองจึงไปร้องหลายหน่วยงาน แต่ไม่ได้รับการช่วยเหลือ จึงนำหลักฐานไปร้องตำรวจนครบาล จึงนำไปสู่การจับกุม

ส่วนที่ทำไมอดีตภรรยาถึงไม่หลบหนีออกมา เพราะว่าผู้ก่อเหตุจะใช้วิธีในการหลอกผู้เสียหายว่าเป็นหนี้กว่า 100 ล้านบาท จากการลงทุนอาหารเสริม และบังคับให้ผู้เสียหายทุกคนทำงานหาเงินมาให้วันละ 60,000 บาท เพื่อชดใช้หนี้ หากหาไม่ได้ก็จะทำร้ายร่างกายด้วยการให้นำน้ำร้อนสาดตัวเอง ด้วยความสมัครใจที่จะยอมถูกลงโทษ

จุดเปลี่ยนที่ทำให้ผู้เสียหายตื่นจากภวังค์ เพราะว่าผู้ก่อเหตุให้ลูกทั้งสองเรียกผู้ก่อเหตุว่าแม่ แต่เรียกแม่ว่า “คุณ” และบังคับให้แม่ตบทำร้ายร่างกายลูก และผู้ก่อเหตุยังสร้างเรื่องหลอกว่า พ่อแท้ๆ ของเด็กทิ้งไป ให้เด็กเกลียดชังพ่อแม่ อีกทั้งผู้ก่อเหตุยังบังคับให้เด็กชายแต่งกายเป็นหญิง โดยอ้างว่าเกิดวันเดือนเดียวกันอยากให้เป็นเหมือนกับผู้ก่อเหตุ

ปมคลั่งลัทธิอยู่ระหว่างตรวจสอบ-ตรวจสุขภาพจิตผู้ต้องหาเบื้องต้นไม่พบผิดปกติ

ด้าน พล.ต.ต.สมควร พึ่งทรัพย์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ในฐานะหัวหน้าชุดสอบสวน เปิดเผยว่า เบื้องต้นตำรวจเเจ้งข้อกล่าวหา 3 ข้อหา คือ 1.ความผิดทางเสรีภาพ ฝืนใจผู้อื่นหรือไม่ให้กระทำการผู้อื่น 2.ทำร้ายร่างกายผู้อื่น 3.ข้อหาใช้บัตร ATM ผู้อื่น ส่วนข้อหา อาทิ ข้อหาทารุณกรรม คาดว่าจะเข้าข่ายความผิด เพราะมีการบังคับให้ผู้เสียหายทุบตีลูก และให้เรียกผู้ต้องหาว่าแม่ ส่วนข้อหาการค้ามนุษย์อยู่ในขั้นตอนของการพิจารณาเพิ่มเติมว่าเข้าข่ายหรือไม่ จากพฤติกรรมที่เเสดงให้เห็นว่ามีการสร้างหนี้ทิพย์ ขูดรีด และให้ผู้เสียหายพยายามหาเงินมาให้ หากเข้าข่ายค้ามนุษย์ เสนอให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินตรวจยึดทรัพย์สิน

เบื้องต้นมีผู้เสียหายมากกว่า 5 ราย ส่วนผู้เสียหายอื่นที่ถูกหลอกเข้าข่ายข้อหาฉ้อโกงก็จะแยกย่อยไปอีกคดี ส่วนเรื่องที่ผู้ต้องหาเคยเข้าร่วมการอบรมเรื่องจิตวิทยานั้น ตำรวจให้ความสำคัญกับประเด็นนี้ ต้องหาผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้มาวิเคราะห์ว่าพฤติกรรมของผู้ต้องหาเป็นไปตามหลักวิชาการด้านไหน ส่วนมีการคลั่งลัทธิหรือไม่นั้น เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบ เบื้องต้นตรวจสุขภาพจิตแล้วไม่พบความผิดปกติ ส่วนแนวทางการสืบสวนเบื้องต้นตรวจสอบแล้วพบว่ามีผู้ทำความผิดแค่ 2 ราย

หากมีผู้เสียหายเพิ่มเติมสามารถมาแจ้งความได้ที่ สน.บวรมงคล และกองบังคับการสืบสวนสอบสวนนครบาล สำหรับผู้เสียหายเบื้องต้นจากการพูดคุยยังตกใจและยังเสียขวัญอยู่ ขณะนี้อยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่อย่างใกล้ชิด ส่วนญาติของผู้ต้องหาอยู่ในระหว่างการพูดคุย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ลั่นไม่มีอีกแล้ว ใช้สัมพันธ์ส่วนตัวคุย “ฮุนเซน”

วัดบ้านไร่ 19 ก.ค.-“ทักษิณ” ลั่นไม่มีอีกแล้ว ใช้สัมพันธ์ส่วนตัวคุย “ฮุนเซน” หวั่นโดนอัดเทปซ้ำรอย ชี้หากพิสูจน์ได้ทหารพรานเหยียบทุ่นระเบิดใหม่ต้องประท้วงตามกติกา ซัดหากเล่นนอกบทต้องดำเนินการ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ทหารพรานถูกเหยียบทุ่นระเบิด ที่ช่องบก อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ที่มีกระแสข่าวว่ากว่า 80% จากการตรวจสอบเป็นระเบิดใหม่ว่า ทั้งสองฝ่ายต้องพูดคุยกัน ถ้าไม่คุยกันอยู่อย่างนี้ไม่เป็นผลดี และขณะนี้อยู่ระหว่างการวิเคราะห์ว่าเป็นระเบิดใหม่หรือเก่า ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า แต่ล่าสุดกระแสข่าวจากภาคสองยืนยันว่ากว่า 80% เป็นระเบิดใหม่ นายทักษิณ กล่าวว่าก็ต้องว่ากันไป ก็ต้องประท้วงตามกติกา และประท้วงเสร็จก็ต้องมาคุยกันทั้งสองฝ่าย ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า ฝั่งกัมพูชามักเล่นนอกเกมบ่อยๆ เราต้องรับมืออย่างไร นายทักษิณ ระบุว่าก็ว่ากันไปตามสิ่งที่ควรจะเป็น ถ้าเขาทำอะไรที่นอกกติกา เราก็ต้องดำเนินการ เมื่อถามว่าถ้าพิสูจน์ได้แล้วเป็นเรื่องจริง จะร้ององค์กรโลกหรือไม่ เนื่องจากมีสนธิสัญญาออตตาวา ว่าด้วยเรื่องทุ่นระเบิด นายทักษิณ ระบุว่าที่จริงแล้ว เรามีสนธิสัญญาหลายฉบับ แต่ไม่ได้หยิบขึ้นมาใช้ เมื่อถามย้ำว่าหลังจากนี้จะไม่เจรจาโดยใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวแล้วใช่หรือไม่ นายทักษิณ ยืนยันด้วยเสียงหนักแน่นว่าไม่มีอีกแล้ว เพราะกลัวโดนอัดเทปเหมือนกัน.-313.-สำนักข่าวไทย

ศบ.ทก. เรียกถกด่วนพรุ่งนี้ นำหลักฐานฟ้องยูเอ็น

กทม. 19 ก.ค.-ศบ.ทก.เรียกถกด่วน 20 ก.ค. หารือ กต. นำหลักฐานฟ้องยูเอ็น กัมพูชาละเมิดอนุสัญญาออตตาวา พร้อมส่งทหารช่าง ปูพรมเก็บกู้วัตถุระเบิดช่องบก พื้นที่อธิปไตยไทย 19 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) เตรียมนัด ศบ.ทก.ประชุมในวันที่ 20 ก.ค.นี้ เวลา14.00 น. กำหนดแนวทางการดำเนินการ กรณีกำลังพลจากหน่วยร้อย ร.6021 ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนรักษาความสงบในพื้นที่ช่องบกและประสบเหตุเหยียบกับระเบิด ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ซึ่งจากหลักฐานพลว่าเป็นการวางกับระเบิดใหม่นั้น เบื้องต้น พล.อ.ณัฐพล ได้สั่งการกองทัพภาคที่2 เก็บข้อมูลหลักฐานทั้งหมด พร้อมให้แถลงข่าว และรายงานผลเป็นลายลักษณ์อักษรมาให้ทราบ เนื่องจากต้องเก็บทุกอย่างเป็นหลักฐาน เพื่อส่งให้กระทรวงการต่างประเทศต่อไป โดยในวันพรุ่งนี้ (20 ก.ค.) จะมีกระทรวงการต่างประเทศเข้ามาร่วมประชุม ศบ.ทก.ด้วย เพื่อมาให้คำแนะนำว่าขั้นตอนต่อไปในการดำเนินการ ควรจะทำอย่างไร ร่วมถึงตรวจสอบข้อมูลหลักฐานของแต่ละฝ่ายว่าตรงกันหรือไม่ เมื่อได้ข้อสรุปแล้วจะแถลงเป็นทางการ ในการประชุม ศบ.ทก. 21 ก.ค.นี้ […]

สำนักพุทธฯ สั่งเข้มทุกวัด เร่งจัดการบัญชีรายรับ-รายจ่าย ยึดตามมติ มส.

19 ก.ค.-สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ออกหนังสือเวียน กำชับไปยังทุกวัดทั่วประเทศ เร่งจัดการบัญชีรายรับ-รายจ่าย ยึดตามมติ มส. สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ออกหนังสือเวียน กำชับไปยังทุกวัดทั่วประเทศ ให้เร่งดำเนินการจัดทำบัญชีเงินฝาก รายรับ-รายจ่าย และงบดุลของวัด ให้ถูกต้องและเป็นระบบ ตามมติมหาเถรสมาคม ที่มีผลบังคับใช้แล้ว โดยการเปิดบัญชีและการเบิกถอนเงินฝากธนาคารของวัด จะต้องเปิดกับธนาคารที่มีสำนักงานตั้งอยู่ในเขตจังหวัดเดียวกับวัด และระบุชื่อบัญชีเงินฝากเป็นชื่อวัดเท่านั้น โดยมีรายชื่อผู้มีอำนาจถอนเงินอย่างน้อย 3 คน ซึ่งในการถอนเงินต้องมีผู้ลงนามจำนวน 2 ใน 3 และมีเจ้าอาวาสลงนามด้วยทุกครั้ง โดยใช้ใบถอนเงินของธนาคารและสมุดบัญชีเท่านั้น ในส่วนของบัญชีรายรับ-รายจ่าย ให้รายงานบัญชีของวัดทุกบัญชี สรุปเป็นรายเดือน จำนวน 12 เดือน ส่งสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ ภายในวันที่ 20 มกราคมของปีถัดไป โดยสำเนาเอกสารไว้ที่วัดด้วยทุกฉบับ นอกจากนี้ทุกวัดควรพิจารณาใช้ระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ร่วมด้วย เพื่อแสดงข้อมูลบริจาคที่ครบถ้วน และให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ ติดตามอย่างเคร่งครัด โดยสำนักพระพุทธศาสนาฯ จะกำกับดูแล หรือประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการตรวจสอบบัญชี และรายงานการตรวจสอบให้มหาเถรสมาคมทราบ.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” สยบข่าวลือพาดพิงพระชั้นผู้ใหญ่

กทม. 19 ก.ค. – รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สยบข่าวลือพาดพิงพระชั้นผู้ใหญ่ ระบุข้อมูลคดีใหม่ เป็นพระในพื้นที่ต่างจังหวัด และไม่เกี่ยวกับคดี “กอล์ฟ” พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่า เพิ่งรับทราบจากสื่อมวลชนเกี่ยวกับกระแสข่าวลือพาดพิงถึงพระชั้นผู้ใหญ่บางรูป ซึ่งไม่ต้องการให้มีการเผยแพร่ข่าวลือจนสร้างความเสียหาย โดยยืนยันว่าที่เคยให้สัมภาษณ์ว่า ยังมีพระชั้นผู้ใหญ่มีความเกี่ยวข้องสีกาอีก แต่ไม่เกี่ยวข้องกับกอล์ฟ เป็นพระที่มีสมณศักดิ์สูงกว่าพระในคดีกอล์ฟ แต่อยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัด ไม่ใช่ในกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีการกระทำเข้าข่ายผิดวินัยสงฆ์ โดยไม่เกี่ยวข้องกับคดีกอล์ฟ และยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ขอเวลาตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ได้หลักฐานชัดเจนก่อน ส่วนการตั้งศูนย์ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา เพื่อรับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับพระโดยเฉพาะ ขณะนี้ มีประชาชนแจ้งเบาะแสมาแล้วหลายร้อยสาย ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังคัดแยกข้อมูล จึงยังไม่สามารถตอบได้ว่า จะมีเรื่องที่เกี่ยวกับกอล์ฟอีกหรือไม่.-412-สำนักข่าวไทย