คุมฝากขัง 2 ผู้ต้องหากักขัง-ทำร้ายอดีตพยาบาลและลูก

กรุงเทพฯ 18 ต.ค.- ตำรวจคุมตัว 2 ผู้ต้องหากักขัง-ทำร้ายอดีตพยาบาลและลูก ฝากขังศาล พร้อมค้านประกัน โดย “ฮารุ” ยังไม่ยอมให้การเกี่ยวกับคดี ขณะที่มีผู้เสียหายถูกหลอกลงทุนแจ้งความประสงค์เข้ามาดูตัวแล้วราว 20 คน มูลค่าความเสียหายกว่า 10 ล้านบาท ส่วนปมคลั่งลัทธิอยู่ระหว่างตรวจสอบ


ตำรวจ สน.บวรมงคล คุมตัวนายฮารุ และนายตรีเพชรรัตน ไปขออำนาจศาลอาญาตลิ่งชันฝากขัง โดยมีการคุมตัวไปพร้อมกับของกลางที่นำมาจากห้องพักที่เกิดเหตุ ซึ่งทีมข่าวสังเกตเห็นว่ามีในส่วนของผ้ายันต์และเครื่องรางต่างๆ ที่ผู้ต้องหาเคยตั้งเป็นแท่นบูชาไว้ภายในห้องไปพร้อมกันด้วย ผู้ต้องหาทั้งสองไม่มีการตอบคำถามสื่อมวลชนและให้ข้อมูลใดๆ ก่อนจะขึ้นรถควบคุมผู้ต้องหาออกไป

พนักงานสอบสวน สน.บวรมงคล แจ้งข้อหาทั้ง 2 คน คือ ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น จนได้รับบาดเจ็บสาหัส, ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่น ให้กระทำการต่างๆ จนเกิดอันตรายต่อชีวิตและเสรีภาพ พร้อมยื่นคำร้องท้ายสำนวนคัดค้านการประกันตัว เพราะคดีมีอัตราโทษสูง เกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี


ทั้งนี้ มีรายงานว่า หลังจากควบคุมตัวนายฮารุ และนายตรีเพชร มาสอบปากคำที่ สน.บวรมงคล ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมาจนถึงช่วงบ่าย นายฮารุ ยังคงไม่ยอมให้การใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับคดี ทั้งรูปแบบของการฉ้อโกงทรัพย์จากผู้เสียหายที่พบภายในคอนโดมิเนียม และผู้เสียหายที่กำลังจะเข้าแจ้งความเพิ่มเติม รวมถึงลัทธิการบูชาไพ่ยิปซี และลัทธิประหลาดต่างๆ ที่ก่อตั้งขึ้น โดยตลอดทั้งคืนที่ผ่านมายังกินข้าว นอนหลับได้ และมีอาการเครียดเล็กน้อย

ขณะที่การสอบปากคำนายตรีเพชร พบว่าเจ้าตัวให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ให้การซัดทอดว่า ได้ร่วมกับนายฮารุ ตั้งรูปแบบการหลอกลงทุน-ฉ้อโกงผู้เสียหายรายต่างๆ ตระเวนพาผู้เสียหายแม่ลูกไปขอเงิน รวมถึงการลงโทษผู้เสียหาย ซึ่งที่ผ่านมารับทราบพฤติการณ์ของนายฮารุ มาโดยตลอด แต่ไม่สามารถห้ามปรามได้

จากการตรวจสอบประวัติครั้งเก่าของนายฮารุ พบว่ามีคดีที่เกี่ยวข้องกับคดีฉ้อโกงหลายคดี กระจายอยู่หลายพื้นที่ของกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ล่าสุดมีผู้เสียหายที่แจ้งความประสงค์จะเข้ามาดูตัวและแจ้งความแล้วรวมประมาณ 20 คน มูลค่าความเสียหายมากกว่า 10 ล้านบาท ทั้งนี้ พบว่าผู้เสียหายส่วนใหญ่จะเป็นบุคลากรทางการแพทย์ในกรุงเทพมหานคร 3-4 โรงพยาบาล ส่วนสาเหตุที่เจ้าตัวเข้าถึงกลุ่มผู้เสียหายที่เป็นบุคลากรทางการแพทย์ได้เป็นจำนวนมาก เนื่องจากมารดาของผู้ต้องหาเคยเป็นพยาบาลอยู่ในโรงพยาบาลต่างจังหวัดมาก่อน


ขณะที่แม่ของนายตรีเพชรรัตน อายุ 20 ปี ผู้ต้องหาอีกคนที่ถูกจับพร้อมกับนายฮารุ เดินทางมาเยี่ยมลูกชาย พร้อมกับเปิดเผยสั้นๆ ว่า ไม่รู้มาก่อนว่าลูกชายทำแบบนี้

หนึ่งในผู้เสียหายถูกหลอกลงทุน ไม่รู้ว่าผู้ต้องหามีความเชื่อเรื่องลัทธิหรือไม่

นอกจากนี้ นางเจริญศรี หนึ่งในผู้เสียหายที่เคยถูกนายฮารุ หลอกสูญเงินลงทุนกว่า 1 ล้านบาท เดินทางเข้าดูตัวผู้ต้องหาเพิ่มเติม หลังได้รับการประสานจากพนักงานสอบสวน สน.บุปผาราม ที่ตนเองเคยแจ้งความไว้เมื่อปี 2560

นางเจริญศรี เล่าว่า รู้จักกับนายฮารุ เมื่อประมาณ 8 ปีที่แล้ว เนื่องจากนายฮารุ เป็นลูกค้าที่ร้านอาหาร ก่อนจะมาสอนพิเศษภาษาอังกฤษให้ลูกสาว ซึ่งนายฮารุ เข้ามาตีสนิทโดยการพูดคุยโชว์โปรไฟล์ดี บ้านมีฐานะ ประกอบกับลักษณะการพูดคุยดูเป็นมิตร อัธยาศัยดี หลังจากรู้จักกันมาประมาณ 4 ปี นายฮารุ ชวนไปเซ้งที่ดินของพี่สาวย่านตรอกข้าวสาร พร้อมพูดจาโน้มน้าว ทำให้หลงเชื่อนำเงินสดไปลงทุนประมาณ 1 ล้านบาท โดยแต่ละครั้งแบ่งจ่ายเป็นหลักแสน ภายใน 1 เดือน หลังจากที่จ่ายเงินไปแล้วไม่นาน นายฮารุ อ้างว่าไปต่างประเทศ และไม่สามารถติดต่อได้อีก ถูกบล็อกเบอร์ช่องทางติดต่อทุกช่องทาง จึงรู้ตัวว่าถูกหลอกจึงไปแจ้งความไว้ที่ สน.บุปผาราม ซึ่งหลังจากที่โดนโกงไปแล้ว ก็ไปสอบถามร้านทำผมที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ทราบมาว่าเจ้าของร้านทำผมก็ถูกหลอกให้โอนเป็นหมื่นเช่นกัน

ผู้เสียหายคนนี้ยังปฏิเสธว่า ไม่รู้เรื่องว่าผู้ต้องหามีความเชื่อเกี่ยวกับลัทธิใดหรือไม่ ส่วนตัวรู้จักในฐานะที่เป็นครูสอนพิเศษภาษาอังกฤษให้ลูก ซึ่งตลอดเวลาที่รู้จักกันก็ไม่พบเห็นว่านายฮารุ มีพฤติกรรมหรืออารมณ์รุนแรง

อดีตสามีพยาบาลเผยภรรยาตาสว่าง เพราะถูกบังคับให้ทำร้ายลูก

นายแบงค์ อายุ 42 ปี อดีตสามีของนางสาวไพริน และเป็นพ่อของเด็กที่ถูกช่วยเหลือทั้ง 2 คน เปิดเผยว่า แยกกันอยู่กับอดีตภรรยามากว่า 2 ปีแล้ว เมื่อปลายปี 2563 อดีตภรรยาไปรู้จักกับปาร์ค ซอยอ จากกลุ่มขายอาหารเสริม และชักชวนกันไปลงทุน โดยอ้างว่าจะดูแลความเป็นอยู่และค่าเล่าเรียนของลูกๆ ซึ่งช่วงแรกจะพาไปทำบุญ วิปัสสนา บูชาพระเจ้า และสาบานว่าจะเริ่มชีวิตใหม่ จากนั้นผู้ก่อเหตุก็ให้ไปเปลี่ยนชื่อและนามสกุลเป็นชื่ออัญมณีทั้งหมด และยังพูดจาหว่านล้อมให้อดีตภรรยาหลงเชื่อจนลาออกจากงานประจำไปอยู่กับผู้ก่อเหตุ

จนมาทราบภายหลังว่า อดีตภรรยาถูกสาดน้ำร้อน ถูกทำร้ายร่างกาย มิหนำซ้ำลูกสาวและลูกชายของตนเองก็ถูกทำร้ายร่างกายเช่นกัน และอดีตภรรยาบอกว่าต้องการออกจากที่นี่ ให้ช่วยเธอหน่อย ตนเองจึงไปร้องหลายหน่วยงาน แต่ไม่ได้รับการช่วยเหลือ จึงนำหลักฐานไปร้องตำรวจนครบาล จึงนำไปสู่การจับกุม

ส่วนที่ทำไมอดีตภรรยาถึงไม่หลบหนีออกมา เพราะว่าผู้ก่อเหตุจะใช้วิธีในการหลอกผู้เสียหายว่าเป็นหนี้กว่า 100 ล้านบาท จากการลงทุนอาหารเสริม และบังคับให้ผู้เสียหายทุกคนทำงานหาเงินมาให้วันละ 60,000 บาท เพื่อชดใช้หนี้ หากหาไม่ได้ก็จะทำร้ายร่างกายด้วยการให้นำน้ำร้อนสาดตัวเอง ด้วยความสมัครใจที่จะยอมถูกลงโทษ

จุดเปลี่ยนที่ทำให้ผู้เสียหายตื่นจากภวังค์ เพราะว่าผู้ก่อเหตุให้ลูกทั้งสองเรียกผู้ก่อเหตุว่าแม่ แต่เรียกแม่ว่า “คุณ” และบังคับให้แม่ตบทำร้ายร่างกายลูก และผู้ก่อเหตุยังสร้างเรื่องหลอกว่า พ่อแท้ๆ ของเด็กทิ้งไป ให้เด็กเกลียดชังพ่อแม่ อีกทั้งผู้ก่อเหตุยังบังคับให้เด็กชายแต่งกายเป็นหญิง โดยอ้างว่าเกิดวันเดือนเดียวกันอยากให้เป็นเหมือนกับผู้ก่อเหตุ

ปมคลั่งลัทธิอยู่ระหว่างตรวจสอบ-ตรวจสุขภาพจิตผู้ต้องหาเบื้องต้นไม่พบผิดปกติ

ด้าน พล.ต.ต.สมควร พึ่งทรัพย์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ในฐานะหัวหน้าชุดสอบสวน เปิดเผยว่า เบื้องต้นตำรวจเเจ้งข้อกล่าวหา 3 ข้อหา คือ 1.ความผิดทางเสรีภาพ ฝืนใจผู้อื่นหรือไม่ให้กระทำการผู้อื่น 2.ทำร้ายร่างกายผู้อื่น 3.ข้อหาใช้บัตร ATM ผู้อื่น ส่วนข้อหา อาทิ ข้อหาทารุณกรรม คาดว่าจะเข้าข่ายความผิด เพราะมีการบังคับให้ผู้เสียหายทุบตีลูก และให้เรียกผู้ต้องหาว่าแม่ ส่วนข้อหาการค้ามนุษย์อยู่ในขั้นตอนของการพิจารณาเพิ่มเติมว่าเข้าข่ายหรือไม่ จากพฤติกรรมที่เเสดงให้เห็นว่ามีการสร้างหนี้ทิพย์ ขูดรีด และให้ผู้เสียหายพยายามหาเงินมาให้ หากเข้าข่ายค้ามนุษย์ เสนอให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินตรวจยึดทรัพย์สิน

เบื้องต้นมีผู้เสียหายมากกว่า 5 ราย ส่วนผู้เสียหายอื่นที่ถูกหลอกเข้าข่ายข้อหาฉ้อโกงก็จะแยกย่อยไปอีกคดี ส่วนเรื่องที่ผู้ต้องหาเคยเข้าร่วมการอบรมเรื่องจิตวิทยานั้น ตำรวจให้ความสำคัญกับประเด็นนี้ ต้องหาผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้มาวิเคราะห์ว่าพฤติกรรมของผู้ต้องหาเป็นไปตามหลักวิชาการด้านไหน ส่วนมีการคลั่งลัทธิหรือไม่นั้น เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบ เบื้องต้นตรวจสุขภาพจิตแล้วไม่พบความผิดปกติ ส่วนแนวทางการสืบสวนเบื้องต้นตรวจสอบแล้วพบว่ามีผู้ทำความผิดแค่ 2 ราย

หากมีผู้เสียหายเพิ่มเติมสามารถมาแจ้งความได้ที่ สน.บวรมงคล และกองบังคับการสืบสวนสอบสวนนครบาล สำหรับผู้เสียหายเบื้องต้นจากการพูดคุยยังตกใจและยังเสียขวัญอยู่ ขณะนี้อยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่อย่างใกล้ชิด ส่วนญาติของผู้ต้องหาอยู่ในระหว่างการพูดคุย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“พี สะเดิด” เปิดใจเป็นมะเร็งเต้านมนานเกือบ 20 ปี แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – “พี สะเดิด” เจ้าของเพลงฮิต “จี่หอย” เผยเป็นมะเร็งเต้านมมานานเกือบ 20 ปี ตัดสินใจหยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งต่อสู้กับโรค จนค่ามะเร็งดีขึ้น แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย “พี สะเดิด” นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง อายุ 46 ปี เปิดใจว่าป่วยเป็นมะเร็งเต้านม มาเกือบ 20 ปีแล้ว รักษาโรคนี้โดยที่ไม่บอกใครเลย เพราะกลัวครอบครัวเป็นห่วง ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้าอก และพบว่าก้อนเนื้อมันขึ้นเรื่อยๆ ขนาดเท่าลูกมะนาว คิดว่าเป็นเพราะไม่ดูแลตัวเอง ทำงานหนัก กิน-นอนไม่เป็นเวลา แต่เพราะเป็นคนที่ตรวจสุขภาพตลอดทุก 6 เดือน พอเช็กดูเลยรู้ว่ามีเชื้อมะเร็งเต้านม หมอบอกว่าโอกาสน้อยที่จะเห็นผู้ชายเป็นมะเร็งเต้านม จะเป็นหนึ่งในล้าน หรือหนึ่งในสิบล้าน พี สะเดิด บอกว่าตอนแรกก็กลัว เลยตัดสินใจหันหน้าเข้าทางธรรม และปรับปรุงตัวเองควบคู่กันไป กินของที่มีประโยชน์ หยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเราแข็งแกร่งต่อสู้กับโรคมะเร็งของตัวเอง จนตอนนี้อยู่ทุกระยะค่ามะเร็งดีขึ้น ค่อยๆ ลดลงมา จนเหลือ 0 […]

“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ

รัฐสภา 13 ส.ค.-“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ ทั้งที่ตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาแล้ว ด้าน “อนุสรณ์” แจงยัน กมธ.ไม่ได้ตีเช็คเปล่า แต่ตรวจเช็กความพร้อมให้ทหาร การอภิปรายมาตรา 8 กระทรวงกลาโหม วงเงิน 9.51 หมื่นล้านบาท นายชยพล สท้อนดี สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายว่า ปีนี้ตัดงบกระทรวงกลาโหมยาก เมื่อถามหารายละเอียดจะมีคนพูดว่าปล่อยไปเถอะ ตอนนี้มีสถานการณ์ชายแดน ซึ่งตนเข้าใจถึงความจำเป็นที่ต้องใช้งบประมาณ เพราะเป็นห่วงทหารหน้างานเช่นกัน เลยต้องดูงบประมาณว่าใช้ถูกจุดหรือไม่ นายชยพล กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนเห็นงบเกี่ยวกับอุปกรณ์การแพทย์ คิดว่าเป็นอุปกรณ์ผ่าตัดแต่กลายเป็นว่าเป็นอุปกรณ์สำหรับม้า ตนหาอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อดูว่าใส่ใจทหารมากแค่ไหน แต่กลับไม่พบอุปกรณ์สำหรับขันชะเนาะห้ามเลือดที่ใช้ได้ด้วยมือข้างเดียว มีแค่สายยางไส้ไก่ ถ้าอยู่คนเดียวจะทำอย่างไร อยากถามว่าเราใส่ใจบุคลากรของเราจริงหรือไม่ และที่ข้องใจคือเราตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชา มีการเรียกทูตไทยประจำพนมเปญกลับ แต่ปรากฏว่ากองทัพบกสั่งอุปกรณ์ฟิตเนสไปเติมที่บ้านผู้ช่วยทูตทหารอยู่เลย จะมีใครได้อยู่ใช้หรือไม่ “นี่เป็นเหตุผลว่าแม้อยู่ในความขัดแย้งแต่ต้องตรวจสอบกองทัพอย่างเข้มข้น การที่รัฐบาลเซ็นเช็คเปล่าให้กองทัพโดยไม่ตรวจสอบ คือการทำให้กองทัพอ่อนแอ คนที่ชอบออกมาพูดเชียร์ทหารอยากให้คิดไว้ด้วยว่า หากรักชีวิตทหารจริง ก็อยากให้ฟังทหารชายแดนว่าเขาลำบากอย่างไร การทำงานของนายพลสะท้อนความต้องการคนเหล่านั้นจริงหรือไม่” ด้าน นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ กมธ.เสียงข้างมากชี้แจงว่า […]

“สืบพงษ์” ขึ้นศาลสืบพยานนัดแรก กรณียื่นฟ้องรักษาการอธิบดี ม.รามฯ ข้อหาเบิกความเท็จ

ศาลอาญา 13 ส.ค. – ศาลนัดสืบพยาน “สืบพงษ์” ยื่นฟ้อง รักษาการ อธ.รามคำแหง พร้อมพวก ข้อหาเบิกความเท็จถูกยื่นถอดถอนเมื่อปี 65 ชี้ “ฮุนเซน” ทิ้งใบปริญญาลงโถส้วมเป็นการไม่ให้เกียรติมหาวิทยาลัย วอนยุติพฤติกรรมไม่เหมาะสม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานที่ นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ รักษาการอธิการบดี ม.รามคำแหง กับพวกรวม 2 คน ในความผิดฐาน “ฟ้องเท็จ / เบิกความเท็จ นายสืบพงษ์ เปิดเผยว่า ศาลนัดสืบพยานนัดแรกในคดีที่ตนได้ฟ้องผู้บริหารมหาวิทยาลัยรามคำแหงฟ้องตนที่ศาลแขวงพระนครเหนือโดยกล่าวหาตนว่ากระทำตนเป็นเจ้าพนักงานทั้ง ๆ ที่ไม่มีอำนาจ จากนั้นทางศาลได้ยกฟ้องคดีดังกล่าว ซึ่งได้ดำเนินคดีที่ศาลอาญาในข้อหาฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ โดยวันนี้ตนเองเป็นพยานปากแรกที่ขึ้นเบิกความในวันนี้และจะมีพยานทั้งหมด 5 ปาก สืบพยานในวันนี้และวันที่ 14 ส.ค. ส่วนประเด็นที่ถูกถอดถอนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงเมื่อปี 2565 นั้น มีการถอดถอนตนเองทั้งหมด 2 ครั้ง หลังจากที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดีได้ […]

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

ข่าวแนะนำ

พลทหารยิงชาวบ้านเจ็บ 2 ก่อนหนีเข้าป่า จบชีวิตตัวเอง

สุรินทร์ 15 ส.ค. – ตื่นตระหนก เหตุพลทหารที่ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ชายแดน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ควงปืนอาวุธประจำกาย ออกมายิงชาวบ้าน มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ก่อนจะหลบหนี และสุดท้ายปลิดชีพตนเอง ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนหาสาเหตุ ติดตามได้จากรายงานของศูนย์ข่าวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ.-สำนักข่าวไทย

ไล่ล่าโจรชิงทอง 123 บาท กลางห้างย่านบางบ่อ

สมุทรปราการ 15 ส.ค. – ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ เรียกประชุมตำรวจที่เกี่ยวข้อง แกะรอยหาเบาะแส ไล่ล่าโจรชิงทองห้างย่านบางบ่อ ยืนยันจำนวนทอง 123 บาท มูลค่ากว่า 6 ล้าน ขณะที่พนักงานยังผวาทุกครั้งที่เห็นคนใส่ชุดไรเดอร์เดินเข้าห้าง จากเหตุการณ์คนร้ายแต่งกายด้วยชุดไรเดอร์ สวมกางกางยีนขายาวสีดำ รองเท้าผ้าใบสีขาว เดินเท้าบุกเดี่ยวมาที่ร้านทอง แล้วชักอาวุธปืนพกแบบออโตเมติก สีบอร์นซ์ ขู่บังคับให้พนักงานขายทองซึ่งเป็นหญิง 3 คน หยิบทองรูปพรรณส่งให้คนร้าย แต่พนักงานขายทองไม่หยิบส่งให้ และหมอบลงกับพื้น คนร้ายจึงกระโดดข้ามตู้ทองด้านหน้าร้าน ไปเลื่อนกระจกตู้ทองด้านหลัง หยิบเอาทองคำรูปพรรณ มีสร้อยข้อมือ หนัก 5 บาท 5 เส้น น้ำหนัก 25 บาท น้ำหนัก 3 บาท 30 เส้น น้ำหนักรวม 90 บาท, หนัก 2 บาท 24 เส้น รวม 48 บาท […]

ย้าย “ลุงพล” มาคุมขังต่อที่เรือนจำกลางนครพนม

15 ส.ค. – เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ย้ายตัว “ลุงพล” จำเลยคดีน้องชมพู่ ไปควบคุมต่อที่เรือนจำกลางนครพนม ด้าน “ป้าแต๋น” ตามมาเยี่ยมให้กำลังใจสามี บอกเอาหัวใจมาฝาก ยืนยันลุงพลสู้ต่อถึงฎีกา หลังเมื่อวันที่ 13 สิงหาคมที่ผ่านมา ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาแก้เพิ่มโทษ นายไชย์พล วิภา หรือ “ลุงพล” จำเลยที่ 1 จาก 20 ปี เป็น 26 ปี และยกฟ้อง นางสมพร หลาบโพธิ์ หรือ “ป้าแต๋น” ในคดีฆ่า เด็กหญิงอรวรรณ หรือน้องชมพู่ อายุ 3 ขวบ หลังหายตัวจากบ้านพัก ขณะนั่งเล่นกับพี่สาวที่บ้าน กกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร เหตุเกิดช่วงเช้าวันที่ 11 พ.ค.2563 ต่อมาจำเลย ได้ยื่นหลักทรัพย์ขอปล่อยตัวชั่วคราว และวานนี้ ศาลฎีกาไม่อนุญาตให้ประกันตัว […]

สส.เพื่อไทย ให้กำลังใจ “แพทองธาร” ผ่านอุปสรรคกลับมารับใช้ประชาชน

รัฐสภา 15 ส.ค.-สส.เพื่อไทย ให้กำลังใจ “แพทองธาร” ผ่านอุปสรรคกลับมารับใช้ประชาชน ด้านเจ้าตัวยิ้มสู้-ยังเข้มแข็ง กำชับ สส.ทำงานสภาเต็มที่ ลงพื้นที่ดูแลประชาชนใกล้ชิด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร​ เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 วาระที่สอง วันสุดท้าย ซึ่ง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้เดินทางเข้ามาติดตามการประชุม ตลอด 3 วันที่ผ่านมา โดยในช่วงเช้า สส.พรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะ สส.เขต ได้มีการเข้าพบหารือกับนางสาวแพทองธาร ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เพื่อปรึกษาปัญหาในพื้นที่ รวมถึงเรื่องการผลักดันนโยบายต่างๆ ที่จะลงในพื้นที่ เนื่องจากในหลายจังหวัดมีโครงสร้างพื้นฐานพร้อมทุกด้าน แต่ยังขาดเรื่องการประชาสัมพันธ์ จึงอยากให้นางสาวแพทองธาร ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมผลักดันเกี่ยวกับซอฟพาวเวอร์ และจัดกิจกรรมอีเวนท์ต่างๆเพื่อ ให้จังหวัดนั้นๆเป็นที่รู้จักมากขึ้น นอกจากนี้ บรรดา สส. ของพรรคยังได้ให้กำลังใจนางสาวแพทองธาร เนื่องจากกลัวว่า อาจมีความเครียดและกังวลเรื่องคดีความ พร้อมขอให้นายกฯสู้ๆ เข้มแข็ง ผ่านอุปสรรคไปได้และได้กลับมาทำงานเพื่อประชาชน ขณะที่นางสาวแพทองธาร ยังคงยิ้มแย้ม แสดงความเข้มแข็ง และขอให้ สส.ทุกคน เดินหน้าทำหน้าทำงานในสภาอย่างเข้มแข็งเช่นกัน […]