เหยื่อลัทธิล้างสมองพบ ตร.เพิ่ม เตรียมขยายผลเข้าข่ายค้ามนุษย์หรือไม่

กรุงเทพฯ 18 ต.ค.- ตำรวจเผยคดีบุกช่วยอดีตพยาบาล-ลูก ถูกขังทำร้ายทารุณ ผู้ก่อเหตุใช้จิตวิทยาควบคุมเหยื่อ จนยอมแม้กระทั่ง​ยกลูกให้ ขณะที่มีบุคลากรการแพทย์เกือบ 20 คน มาพบตำรวจ ระบุตกเป็นเหยื่อถูกผู้ต้องหาฉ้อโกงเงิน เตรียมตั้งคณะกรรมการคลี่คลายคดี และขยายผลว่าเข้าข่ายค้ามนุษย์หรือไม่


พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนนครบาล กล่าวว่า คดีบุกช่วยอดีตพยาบาลและลูกถูกกักขัง-ทำร้ายทารุณ ตำรวจสืบสวนสอบสวนนครบาลได้รับการร้องขอความช่วยเหลือจากอดีตสามี 1 ใน 3 พยาบาล และเป็นบิดาของเด็ก ว่าเป็นห่วงความปลอดภัยของลูกและอดีตภรรยา รวมถึงเพื่อนพยาบาลอีก 2 คน หลังถูกทำร้ายร่างกายอย่างทารุณจากชาวต่างชาติซึ่งอ้างว่าเป็นแพทย์

พ่อของเด็กพยายามเข้าร้องขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานอื่นๆ หลายแห่งแล้ว แต่ไม่มีใครเชื่อ เมื่อตนทราบเรื่อง เห็นว่าเรื่องนี้มีความเสี่ยงต่อความปลอดภัยของเด็ก จึงตัดสินใจให้ฝ่ายสืบสวนตรวจสอบข้อมูล ซึ่งใช้เวลา 24 ชั่วโมง หาที่อยู่รวมถึงประวัติของ “ฮารุ” ผู้ก่อเหตุ ซึ่งเดิมทีได้รับข้อมูลว่าเป็น หมอหญิงสัญชาติเกาหลีใต้ และเป็นลูกทูต แต่เมื่อสืบข้อมูลลึกลงไปกลับพบว่า ผู้ก่อเหตุไม่ใช่ชาวต่างชาติ ไม่ได้เป็นแพทย์หญิง และไม่ได้เป็นลูกหลานทูต​แต่อย่างใด ทั้งหมดเป็นตัวตนที่ถูกอุปโลกน์ขึ้นมา ผู้ก่อเหตุมีประวัติถูกดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกง รวมถึงมีหมายจับค้างเก่าข้อหาฉ้อโกงของสน.บุปผาราม ด้วย ตำรวจจึงต้องดำเนินการบุกเข้าช่วยเหลือเหยื่อทั้ง 5 คน และจากสภาพที่เห็นในครั้งแรกถึงกับตกตะลึง เพราะเหยื่ออยู่ในสภาพร่างกายบอบช้ำ เต็มไปด้วยบาดแผล ที่สำคัญจากสภาพที่เห็นเด็กถูกทำร้ายร่างกาย


สำหรับผู้ก่อเหตุเป็นคนที่มีจิตวิทยาสูง ใช้ปมเหยื่อ ควบคุมและชักจูงใจให้เหยื่อหลงเชื่อในคำสอนของตนเองและลัทธิ โดยให้เหยื่อเปลี่ยนนามสกุล ย้ายมาอยู่ด้วยกันในคอนโด และเซ็นสัญญายอมยกลูกให้ตนเอง ก่อนชักชวนร่วมลงทุนธุรกิจอาหารเสริม ลดความอ้วน ซึ่งเหยื่อไม่ต้องลงเงินแม้แต่บาทเดียว เพียงแต่ต้องเซ็นรับหนี้เงินกู้มูลค่าสูงถึง 140 ล้านบาท หลังจากนั้นจะอ้างว่าบริษัทขาดสภาพคล่องให้เหยื่อหาเงินมาเสริมสภาพคล่อง โดยเหยื่อแต่ละคนต้องหาเงินให้ได้วันละ 60,000 บาท โดยเหยื่อแต่ละคนถึงขั้นยอมเกษียณก่อนกำหนดเพื่อนำเงินบำนาญมาให้ บางรายถึงขั้นขายทรัพย์สิน ทั้งบ้าน ที่ดิน รถ รวมถึงที่นาของพ่อแม่ เมื่อทรัพย์สินหมดลง ก็ให้ไปหยิบยืมเงินทองเพื่อนฝูง เมื่อไม่ได้ก็จะทำร้ายทุบตี สุดท้ายเมื่อยังไม่ได้อีกก็จะทำร้ายเด็ก และนี่คือสาเหตุสำคัญที่ทำให้แม่ของเด็กเริ่มตาสว่าง ตัดสินใจ​เล่าเรื่องราวให้อดีตสามีฟังเพื่อให้ช่วยลูกออกไป

ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนนครบาลยังกล่าวอีกว่า ในระหว่างที่ตำรวจกำลังสอบสวนผู้ก่อเหตุอยู่นั้น เจ้าตัวยังพยายามเจาะปมของตำรวจหวังควบคุม แต่ไม่สำเร็จ

อย่างไรก็ตาม หลังสื่อมวลชนนำเสนอข่าวการบุกช่วยเหลือเหยื่อทั้ง 5 ราย ของตำรวจสืบสวนนครบาลเมื่อวานนี้ ในช่วงค่ำมีเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นบุคลากรทางการแพทย์เกือบ 20 คน เดินทางมาที่ศูนย์สืบสวนนครบาล ให้ข้อมูลกับตำรวจว่า พวกเขาทั้งหมดตกเป็นเหยื่อถูก “ฮารุ” ฉ้อโกงเงินไปเป็นจำนวนมาก หลังได้ข้อมูลดังกล่าว ตำรวจเชื่อว่าน่าจะมีผู้เสียหายมากกว่าที่แสดงตัว


ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล จึงเตรียมตั้งคณะทำงานในรูปของคณะกรรมการสอบสวนสืบสวนคลี่คลาย​คดีลัทธิแพทย์หญิงเกาหลีเถื่อน โดยจะให้ สน.บวรมงคล เป็นจุดรับเรื่องราวร้องทุกข์ ก่อนรวมสำนวนคดีเป็นคดีเดียวกัน พร้อมเตรียมขยายผลว่าคดีนี้จะเข้าข่าย พ.ร.บ.ค้ามนุษย์ หรือไม่

ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนนครบาลยังกล่าวอีกว่า ตั้งแต่รับราชการตำรวจมากว่า 20 ปี ไม่เคยเจอคดีในลักษณะนี้มาก่อน เป็นคดีที่ผู้ต้องหาใช้จิตวิทยาในการควบคุมคนให้ตกเป็นทาส ยอมแม้กระทั่ง​ยกลูกให้

เบื้องต้นผู้ต้องหาถูกดำเนินคดีในข้อหาข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมารตรา 309 และข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส ม.297.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เขยโหดบุกยิงแม่ยาย-ญาติ ดับ 3 ก่อนจบชีวิตตัวเอง

ปทุมธานี 3 ก.ย. – เขยปืนโหด ถูกจับได้ว่าแอบคบกับน้องเมียวัย 13 ปี บุกยิงยกครัวเมียที่บ้านพัก ย่านปทุมธานี แม่ยาย-น้องเมีย-น้า เสียชีวิต ก่อนจบชีวิตตัวเองหนีความผิด เหตุดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อเวลา 23.10 น. ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สภ.คลองห้า จ.ปทุมธานี ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู ร่วมตรวจสอบบ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่หมู่ 7 ต.คลองเจ็ด อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จุดเกิดเหตุอยู่ด้านหลังบ้าน ซึ่งเป็นพื้นที่เปิดโล่ง พบร่างนางทัศนี อายุ 46 ปี นอนเสียชีวิตอยู่ด้านข้างโต๊ะกินข้าว ตามร่างกาย มีบาดแผลถูกยิงเข้าที่ศีรษะ ข้างกันพบปลอกกระสุนปืนขนาด.380 ตกอยู่จำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ ยังพบร่างนายชัยวัฒน์ อายุ 43 ปี น้องชายนางทัศนีย์ ได้รับบาดเจ็บ ส่วนในบ้านพบ ด.ญ.วันเพ็ญ อายุ 13 ปี ลูกสาวนางทัศนีย์ ได้รับบาดเจ็บอีกราย เจ้าหน้าที่กู้ชีพและกู้ภัยฯ […]

พรรคร่วมฯ ใหม่ ตบเท้าร่วมแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลกับ “ภูมิใจไทย”

รัฐสภา 3 ก.ย.-พรรคร่วมฯ ใหม่ ตบเท้าร่วมแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลกับ “ภูมิใจไทย” ก๊วน “สุชาติ-ธรรมนัส-สันติ” ร่วมด้วย ด้านงูเห่า “เพื่อไทย-ปชป.” โผล่โชว์ตัว บรรยากาศการประชุมพรรคภูมิใจไทย ภายหลังพรรคประชาชนมีมติโหวตให้นายอนุทิน เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลต่างทยอยเดินทางมาเพื่อรอแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลในเวลา 11:00 น. โดยมีนายสุชาติ ชมกลิ่น สส.รวมไทยสร้างชาติ นำกลุ่ม 18 สส. เดินทางมาเป็นกลุ่มแรก อย่างไรก็ตามไม่พบว่ามี สส.ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ของกลุ่มนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เดินทางมาร่วมแต่อย่างใด ขณะที่ตัวแทนจากพรรคพลังประชารัฐ นำโดย ชัยมงคล ไชยรบ สส.สกลนคร และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ตามมาด้วยนายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่นำ สส.เพชรบูรณ์ มาร่วมด้วย จากนั้น พรรคกล้าธรรม นำโดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม พร้อมแกนนำพรรค เช่น นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ หัวหน้าพรรค นายไผ่ […]

“ทักษิณ” รับผิดไว้ใจ “ธรรมนัส” มากเกินไป

กรุงเทพฯ 2 ก.ย.- “ทักษิณ” ยอมรับผิด ไว้วางใจ “ธรรมนัส” มากเกินไป ส่วนการจัดตั้งรัฐบาล ต้องรอดูพรรคประชาชน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 1 ก.ย. สส.พรรคเพื่อไทย ประมาณ 10 คน ได้นัดเลี้ยงสังสรรค์ให้นายฉลาด ขามช่วง ที่ได้รับเลือกให้เป็นดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 เมื่อเรื่องรู้ถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายทักษิณ จึงเดินทางมาร่วมแสดงความยินดีกับนายฉลาด ด้วย โดยในวงรับประทานอาหาร นายทักษิณ พูดถึงกรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ถอนตัวจากรัฐบาลพรรคเพื่อไทย โดยยอมรับผิดว่า “ไว้วางใจ ร.อ.ธรรมนัส มากเกินไป พี่ผิดไปแล้ว พี่ดูคนผิด” ทำให้ สส. ที่ร่วมวงอยู่นั้นสวนทันทีว่านายทักษิณ โดนคนหลอกตลอด ซึ่ง สส.ที่ร่วมวง ต่างเห็นตรงกันว่า ไม่เคยเห็นนายทักษิณ ยอมรับผิดแบบนี้มาก่อน เห็นได้ว่านายทักษิณ ได้แสดงท่าทีรู้สึกผิดมาก พร้อมกันนี้ สส. […]

เปิดชื่อ 20 สส.เพื่อไทย ส่งศาล รธน. ปมตุลาการหมดวาระ

พรรคเพื่อไทย 2 ก.ย.- เปิดชื่อ 20 สส.เพื่อไทย เข้าชื่อส่งศาล รธน. ปมตุลาการหมดวาระ แต่ยังปฏิบัติหน้าที่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 20 สส.เพื่อไทย นำโดย นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ ประธานวิปรัฐบาล ได้ทำหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอให้ส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณาความชอบด้วยกฎหมายของกระบวนการพิจารณาวินิจฉัย เรื่องพิจารณาที่ 17/2568 กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 6 ต่อ 3 วินิจฉัยให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร สิ้นสุดความเป็นนายกรัฐมนตรี โดยเมื่อวันที่ 29 ส.ค.2568 ซึ่งเป็นวันวินิจฉัยคดีของศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งให้ นายสราวุธ ทรงศิวิไล ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป แทน นายปัญญา อุดชาชน ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งพ้นจากตำแหน่งเนื่องจากครบวาระการดำรงตำแหน่ง ดังนั้น เมื่อได้รับทราบถึงการมีประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายสราวุธ แทนนายปัญญา ซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระแล้ว จึงไม่ควรที่จะให้ นายปัญญา […]

ข่าวแนะนำ

อดีตนายกฯ โพสต์พร้อมทุ่มเททำหน้าที่ฝ่ายค้าน-ตรวจสอบรัฐบาล

กรุงเทพ 5 ก.ย.- “แพทองธาร” ระบุ จากวันนี้เพื่อไทยทุ่มเททำหน้าที่ฝ่ายค้าน ตรวจสอบการทำงานรัฐบาล บอก ไม่มีส่วนรับผิดชอบต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้นจากรัฐบาลชุดใหม่ พร้อมขอบคุณผู้สนับสนุน จะผ่านวันนี้ไปด้วยกัน และจะกลับมาด้วยหัวใจเพื่อประชาชน นางสาวแพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ระบุว่า ตลอดระยะเวลาการทำงานของพรรคเพื่อไทย เราผ่านสถานการณ์ทุกรูปแบบ ทั้งช่วงเวลาแห่งความสุข และช่วงเวลาที่ต้องแบกรับความยากลำบากร่วมกัน แต่สิ่งที่เราไม่เคยละวาง คือความหวัง โอกาส และอนาคตที่ดีกว่าของประชาชน จากวันนี้ เราจะทุ่มเททำหน้าที่ฝ่ายค้าน ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล รักษาระบบรัฐสภาให้เดินหน้าตามวิถีทางประชาธิปไตย เราไม่มีส่วนรับผิดชอบต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้นจากรัฐบาลชุดใหม่นี้ แต่เราจะรับผิดชอบต่อพี่น้องประชาชน ด้วยความมุ่งมั่นและจิตวิญญาณของพรรคเพื่อไทย ขอบคุณกำลังใจและการสนับสนุนจากทุกท่าน เราทราบดีว่า การเดินทางร่วมกับพรรคเพื่อไทยจนถึงวันนี้ ต้องใช้ความเข้มแข็งและอดทนถึงเพียงไหน เราจะผ่านวันนี้ไปด้วยกัน และจะกลับมาด้วยหัวใจเพื่อประชาชน .-316 -สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” ก้มกราบพ่อ หลังได้รับโหวตนั่งเก้าอี้นายกฯ

รัฐสภา 5 ก.ย.- “อนุทิน” ก้มกราบพ่อ หลังได้รับโหวตนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี คนที่ 32 นายอนุทิน ชาญวีรกูล ว่าที่นายกรัฐมนตรี คนที่ 32 เดินทางไปเยี่ยม นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล บิดา ที่โรงพยาบาลรามาธิบดี ภายหลังได้รับการโหวตจากสภาผู้แทนราษฎรให้เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 ด้วยคะแนน 311 เสียง ทันทีที่ถึงโรงพยาบาล นายอนุทินได้ก้มกราบที่ตักพ่อ พร้อมสวมกอดระหว่างที่พ่อกำลังรับประทานอาหารเย็น ทั้งคู่มีสีหน้ายิ้มแย้ม สดใส ทั้งนี้ มีรายงานว่า นายอนุทินจะเดินทางเข้าที่ทำการพรรคภูมิใจไทย ในเวลา 20.00 น. ของวันนี้.-315 -สำนักข่าวไทย

เริ่มลงตัว! เปิดโผ​ “ครม.อนุทิน​ 1” แบ่งโควตาคนนอก 5 เก้าอี้

กทม.5 ก.ย.- เช็กโผ​ “ครม.อนุทิน​ 1” เริ่มลงตัว “ภูมิใจไทย” 12 เก้าอี้ แบ่งโควตาคนนอกอีก 5 เก้าอี้ มีชื่อ “เศรษฐพุฒิ” อดีตผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ นั่งขุนคลัง ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังจากที่นายอนุทิน​ ชาญวีรกูล​ สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้รับความเห็นชอบให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี​ จากสภาผู้แทนราษฎร ความเคลื่อนไหวการจัดตั้ง “ครม.อนุทิน 1” ก็ขยับทันที​ โดยมีการจัดสรรโควตาตามจำนวนเสียงที่ประกาศจัดตั้งรัฐบาลเสียง​ข้างน้อย​ ร่วมกัน​ 146 ประกอบด้วย พรรคภูมิใจไทย​ 12 เก้าอี้ เนื่องจากมีโควตาของคนนอก ที่จะไม่นับรวม อีก 5 เก้าอี้​ ส่วนพรรคกล้าธรรม 7 เก้าอี้ แบ่งเป็น 4 รัฐมนตรีว่าการ​ และ 3 รัฐมนตรีช่วยว่าการ ขณะที่​ พรรคพลังประชารัฐ​ 4​ เก้าอี้ กลุ่มนายสุชาติ​ ชมกลิ่น​ จากพรรครวมไทยสร้างชาติ 4 […]

เพื่อไทยโพสต์พร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้าน

กรุงเทพฯ 5 ก.ย.- พรรคเพื่อไทย พร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ขอบคุณทุกแรงใจ ระบุ นโยบายหลายเรื่องค้างไว้ รอวันกลับมาสานต่อ ภายหลังที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีมติ 311 เสียง เห็นชอบ นายอนุทิน ชาญวีรกูล ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 พรรคเพื่อไทย ได้โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ว่า “พร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ตามครรลองของรัฐสภา ยึดมั่นหลักการประชาธิปไตย ขอขอบคุณทุกแรงใจ นโยบายหลายเรื่องที่ยังค้างไว้ เราจะรอวันกลับมาสานต่อให้สำเร็จ เพื่อคนไทยทุกคน…ตลอดไป” .-316 -สำนักข่าวไทย