ชวนจุดประกายความคิดกับงานมหกรรมวิทย์63

เมืองทองธานี 15 พ.ย.63 – สกสว. ชวนเด็กไทยมาจุดประกายความคิด พัฒนาชีวิตด้วยวิทยาศาสตร์ ในงานมหกรรมวิทยาศาสตร์ฯ 2563 สำนักงานคณะกรรมกาาส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) เปิดบ้าน “Super Fruits”  ชวนเด็กไทยเรียนรู้คุณค่าผักผลไม้ไทย  ในงาน “มหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ประจำปี 2563” เชิญชวนมาร่วมจุดประกายความคิด พัฒนาชีวิตด้วยวิทยาศาสตร์ของเด็กและเยาวชนไทย ณ อาคารชาเลนเจอร์ 2 อิมแพ็ค เมืองทองธานี  รศ.ดร.ปัทมาวดี โพชนุกูล ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) กล่าวว่า มหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ประจำปี 2563  เป็นกิจกรรมทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศ จัดขึ้นเป็นปีที่ 15 สกสว. ร่วมกับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม นำนิทรรศการ “Super Fruits” ที่เยาวชนจะได้พบกับเกมสนุกๆ สอดแทรกสาระความรู้ จากวิธีการกินผลไม้ไทยให้ได้ประโยชน์ครบถ้วน   ซึ่งองค์ความรู้ดังกล่าวมาจากการศึกษาค้นคว้าในโครงการวิจัย คุณค่าผลไม้ไทย Thai Fruits – Functional Fruits โดย ศ.ดร.นันทวัน  บุณยะประภัศร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล  ที่ได้รับรางวัลผลงานวิจัยเด่นด้านสาธารณะ สกสว. เช่น ผักผลไม้ที่มีสีเหลืองและส้มอย่างมะละกอ แครอท มะม่วงสุก สับปะรด ที่มีสารคาโรตินอยด์ มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็ง หลอดเลือดอุดตัน ลดความเสี่ยงการเป็นต้อกระจกในผู้สูงอายุ หรือสารในผักและผลไม้ส่วนใหญ่ไม่ทนต่อความร้อน ทำให้กล้วยทอด กล้วยอบ จะมีประโยชน์น้อยกว่ากล้วยที่ไม้ได้แปรรูป แต่ถ้าเป็นผักการลวกหรือผัดจนสุกจะได้ประโยชน์มากกว่าต้มจนเละ เป็นต้น  สำหรับผู้ที่ไม่สะดวกเดินทาง หรืออยู่ในต่างจังหวัด สามารถเข้าร่วมสนุกกับกิจกรรม ได้ทาง Facebook Fanpage สกสว. เพื่อลุ้นรับของรางวัล จากกิจกรรมตอบคำถาม Q & A ผ่านทาง Live สด และกิจกรรม แชะ & แชร์ ถ่ายภาพคู่กับผลไม้ ในมื้ออาหาร จากนั้นเขียนข้อความถึงสรรพคุณผลไม้ที่ทาน พร้อมติด Hastag #TSRIคุณค่าผลไม้ไทย#Superfruits   โดยทั้ง 2 กิจกรรมจะมีการประกาศผลผู้รับรางวัลทาง Facebook Fanpage สกสว. ทุกวันตลอดการจัดงาน ถึงวันที่ 23 พฤศจิกายนนี้ .-สำนักข่าวไทย

เริ่มแล้ว งานมหกรรมวิทยาศาสตร์แห่งชาติ 2563

เปิดอย่างเป็นทางการ งานมหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ 2563 เสริมแพลตฟอร์มออนไลน์ เพิ่มทางเลือกเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีในยุค New Normal

ดีอีเอสจัดหนักพนันออนไลน์

กรุงเทพฯ 13 พ.ย. “พุทธิพงษ์” จัหนักพนันออนไลน์พร้อมเผย 3  เดือน ปิดเว็บพนันแล้ว 1,457 URLs  จับผู้ต้องหาเครือข่ายรายใหญ่ได้ 140  คน  พบเงินหมุนเวียน กว่า 21,000 ล้านบาท  ผนึกกำลังตำรวจเร่งปราบต่อเนื่อง นายพุทธิพงษ์  ปุณณกันต์  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอีเอส) กล่าวว่า กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ยังคงดำเนินการแก้ไขปัญหาพนันออนไลน์โดยได้สั่งการให้กองป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดทางเทคโนโลยีและสารสนเทศ (ปท.)ภายใต้กำกับของกระทรวงดิจิทัลฯ เร่งประสานความร่วมมือในการทำงาน ร่วมกับ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) และศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) เร่งดำเนินการกวาดล้างเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์อย่างจริงจัง ทั้งนี้พบว่าในระยะ 3 เดือนที่ผ่านมา (ก.ค.- ต.ค.2563) เจ้าหน้าที่สามารถสืบสวนและดำเนินการจับกุมเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ และทำการปิดกั้นการเข้าถึงแล้ว จำนวน 1,457 รายการ(URLs) ได้ผู้ต้องหาในเครือข่ายรายใหญ่ รวม140  คน  มีเงินหมุนเวียนทั้งหมด จำนวน 21,735 ล้านบาท ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ส่งผู้ต้องหาทั้งหมดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว  และยังคงเร่งดำเนินการปราบปรามเว็บพนันออนไลน์อย่างต่อเนื่อง  โดยบังคับใช้กฎหมายตาม พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ.2478 มาตรา 4 ,12 และพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 3 อย่างเคร่งครัด-สำนักข่าวไทย.

สกสว. พร้อมดันระบบ ววน. แก้ปัญหาภาคเหนือ

ลำปาง 13 พ.ย.63 – สกสว. เสนอทิศทางยุทธศาสตร์ใช้ระบบวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เป็นกลไกขับเคลื่อนองค์ความรู้ ส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากงานวิจัยและนวัตกรรมแก้ปัญหาพื้นที่ภาคเหนือ  ศ.(พิเศษ) ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ลงพื้นที่จังหวัดลำปาง ประชุมหารือกับส่วนราชการในจังหวัด และตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของมหาวิทยาลัยในพื้นที่จังหวัดลำปาง พร้อมมอบนโยบายแนวทางการใช้การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ในการขับเคลื่อนโครงการ“ขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันจังหวัดลำปาง โดยคณะผู้บริหาร สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หรือ สกสว. ได้นำเสนอรายงานการวิเคราะห์สถานการณ์ เศรษฐกิจ สังคม ยุทธศาสตร์และทรัพยากรธรรมชาติ จังหวัดลำปาง ซึ่ง สกสว. ได้ศึกษาสถานการณ์และภาพรวมงานวิจัยเพื่อพัฒนาและแก้ปัญหาในจังหวัดลำปาง เป็นการรวบรวมข้อมูลผลการศึกษาและผลการสำรวจสถานการณ์ในพื้นที่ รวมถึงผลงานวิจัยเดิมใช้ประกอบการพิจารณาการพัฒนาจังหวัดลำปางในมิติต่างๆ เพื่อให้การบริหารงานเชิงยุทธศาสตร์มีกรอบทิศทางการพัฒนาระดับพื้นที่ที่มีความชัดเจน มีการแก้ไขปัญหาร่วมกันและเกิดการใช้ทรัพยากรที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น  โดยที่ผ่านมามีการเก็บรวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลด้วยแบบสอบถามความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับความสำคัญและเร่งด่วนตามกรอบประเด็นการพัฒนาที่ยั่งยืน(Delphi )6 ด้าน ได้แก่ 1) สังคม 2) เศรษฐกิจ 3) สิ่งแวดล้อม 4) สันติภาพ สิทธิมนุษยชน และความยุติธรรม 5) ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาภายในและระหว่างประเทศ และ 6) เทคโนโลยี องค์ความรู้ และนวัตกรรม  โดยพบว่า ภาคเหนือยังต้องการการพัฒนาในทุกด้านภายใต้กรอบการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยประเด็นพัฒนาที่สำคัญยังคงเกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม  สกสว. จึงมีแนวคิดพัฒนาแผนวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ภูมิภาค: ภาคเหนือ ในระยะ 3 ปี (พ.ศ. 2565 – 2568)  มุ่งเน้นแก้ปัญหาเชิงพื้นที่ 5 ประเด็นสำคัญ ประกอบด้วย 1. การถือครองที่ดินเพื่อการเกษตรลดลง 2. ระบบการศึกษาที่ไม่เท่าเทียมและไม่ตอบสนองท้องถิ่น 3. การพัฒนาระบบเกษตรที่ไม่เอื้อต่อความมั่นคงทางอาหาร 4. ขาดการพัฒนาระบบเศรษฐกิจชุมชนบนฐานนิเวศวัฒนธรรมและทรัพยากรธรรมชาติ 5. ค่า PM ที่สูงต่อเนื่อง เพื่อกำหนดทิศทางงานวิจัยที่สามารถสร้างสรรค์ผลงานวิจัยและนวัตกรรมตอบโจทย์แก้ไขปัญหาให้กับพื้นที่ได้อย่างแท้จริง ศ.(พิเศษ) ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กล่าวว่ากระทรวง อว. มีความพร้อมทั้งด้านงบประมาณ องค์ความรู้ทางเทคโนโลยีและกำลังคนที่สามารถเข้ามาช่วยเหลือในการพัฒนาจังหวัดลำปางด้วยองค์ความรู้และเทคโนโลยี ปัจจุบันได้มีการตั้งคณะทำงาน อว. ส่วนหน้า โดยแต่งตั้งรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยในพื้นที่เพื่อร่วมหารือแนวทางการทำงานกับทางส่วนราชการจังหวัดลำปางและเป็นศูนย์การเชื่อมต่อการทำงานของ อว. กับความต้องการของพื้นที่ เพื่อให้การทำงานของ อว. ส่วนหน้านั้นสามารถปฏิบัติงานได้อย่างรวดเร็ว ทั้งการสนับสนุนองค์ความรู้และงบประมาณด้านการวิจัย ซึ่งจังหวัดลำปาง จะเป็นจังหวัดนำร่องในการขับเคลื่อนโครงการนี้ และสามารถต่อยอดขยายผลต่อไปทั่วประเทศ  พร้อมทั้งมีแนวคิดสร้างพิพิธภัณฑ์ล้านนา โดยสนับสนุนการใช้ทุนทางวัฒนธรรมจังหวัดลำปาง นำมาต่อยอดสร้างสรรค์ เป็นศูนย์กลางในการสร้างคุณค่าและความหมายให้กับจังหวัดลำปางมากยิ่งขึ้น และมอบนโยบาย”ลำปางนิยม” โดยให้สถาบันอุดมศึกษา สร้างความภาคภูมิใจให้คนลำปาง สร้างเมืองลำปางด้วยสติปัญญาและความรัก จะทำให้สามารถพัฒนาจังหวัดลำปางในมิติต่าง .-สำนักข่าวไทย

ดีป้าจับมือสวทช.หนุนพัฒนาไฮเทคสัญชาติไทย

กรุงเทพฯ 12 พ.ย. ดีป้า จับมือ สวทช. ยกระดับผู้ประกอบการ หนุนออกแบบพัฒนาเทคโนโลยีสัญชาติไทย นำร่องอุปกรณ์ไอโอที-โดรนหวังแชร์ส่วนแบ่งตลาด  นายณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า กล่าวว่า เทคโนโลยีดิจิทัลสมัยใหม่ได้เข้ามาปรับเปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิต และการทำธุรกิจในทุกภาคเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ทุกภาคส่วนจึงต้องปรับตัวรับกับความท้าทายและฉวยโอกาสใช้ความเปลี่ยนแปลงให้เกิดประโยชน์สูงสุด อุปกรณ์ IoT และ Drone เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีการออกแบบและพัฒนาอย่างรวดเร็วตามกระแสความนิยม แต่เนื่องจากยังไม่มีการกำหนดมาตรฐานอย่างชัดเจน การออกแบบพัฒนาผลิตภัณฑ์โดยคำนึงถึงการใช้งานแต่ไม่ได้คำนึงถึงมาตรฐานอาจทำให้ผู้ใช้งานเกิดความเสี่ยง เช่น ผลิตภัณฑ์เสื่อมสภาพเร็ว ทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ หรือ ไม่สามารถทำงานร่วมกับผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ได้ เพื่อเป็นการแก้ปัญหาดังกล่าว ดีป้าจึงได้ร่วมกับ สวทช. จัดทำหลักสูตรการเรียนรู้ด้านมาตรฐาน และการทดสอบอากาศยานไร้คนขับ และ IoT ประกอบด้วยการถ่ายทอดความรู้ทั้งทางทฤษฎี และปฏิบัติ เพื่อยกระดับทักษะและเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้ประกอบการเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ​“ดีป้าเล็งเห็นถึงปัญหาดังกล่าว และตระหนักถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการส่งเสริมอุตสาหกรรมและธุรกิจโดยเฉพาะผู้ประกอบการที่เป็นสตาร์ทอัปและธุรกิจเอสเอ็มอี ที่พัฒนาเทคโนโลยี Internet of Things (IoT)  รวมถึงอุปกรณ์อัจฉริยะ ดีป้าจึงได้ร่วมมือกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) สถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ จัดทำมาตรฐานสำหรับอุปกรณ์ IoT ที่ผลิตโดยนักพัฒนาและผู้ประกอบการในประเทศ เช่น กล้องวงจรปิด อากาศยานไร้คนขับโดยมีจุดประสงค์เพื่อสร้างมาตรฐานเป็นแนวทางให้ผู้ผลิตอุปกรณ์สามารถยกระดับการพัฒนาและการผลิตให้สามารถนำออกให้บริการแก่ประชาชนได้อย่างมั่นใจตามหลักมาตรฐานสากล และยังสามารถต่อยอดสู่การขอรับเครื่องหมาย dSure (ดีชัวร์) เพื่อผลักดันสู่ตลาดในประเทศต่อไป”นายณัฐพล กล่าว ​ด้าน นายณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช. ) กล่าวว่า สวทช. เชื่อมั่นว่าเทคโนโลยีสมัยใหม่จะเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศโดยเฉพาะการพัฒนาอุตสาหกรรมในประเทศและSMEs ให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง จึงวางนโยบายโดยใช้ยุทธศาสตร์ด้านมาตรฐานผลิตภัณฑ์เพื่อให้เป็นที่ยอมรับของสากลเป็นแนวคิดหลัก และนำเอาความรู้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาเพิ่มขีดความสามารถของผู้ประกอบการ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม (Value added) ให้แก่ผลิตภัณฑ์ ให้มีคุณภาพน่าเชื่อถือ มีความปลอดภัยต่อการใช้งาน  และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ ในช่วงเศรษฐกิจปัจจุบัน การลงทุนเพิ่มเติมเพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์ให้ได้มาตรฐานสากลเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากสำหรับภาคอุตสาหกรรมขนาดกลาง,เล็ก (SME) และ startup เพราะนั่นหมายถึงค่าใช้จ่ายที่ต้องเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ยิ่งหากไม่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐฯ การอยู่รอดของภาคอุตสาหกรรมในสภาวะเศรษฐกิจที่มีการแข่งขันสูงในปัจจุบันยิ่งเป็นเรื่องที่ยากขึ้นไปอีก สวทช. จึงวางบทบาทการมีส่วนร่วมในการพัฒนาคุณภาพของผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพื่อให้มีคุณภาพที่ดียิ่งขึ้น เพื่อให้ไทยยังคงเป็นฐานการผลิตใหญ่สำหรับผลิตภัณฑ์ต่างๆ ในภูมิภาคอาเซียนต่อไป ​“เพื่อสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมในประเทศมากยิ่งขึ้น สวทช. มีการจัดทำโครงสร้างพื้นฐานด้านคุณภาพของประเทศ(National Quality Infrastructure: NQI) เพื่อให้ภาคเอกชนมีต้นทุนต่ำลงแต่มีมาตรฐานสูงขึ้น โดยนำองค์ความรู้ นักวิจัยที่มีความเชี่ยวชาญและ ห้องปฏิบัติการทดสอบที่มีอยู่มาใช้ในการขับเคลื่อนนโยบาย เพื่อก่อให้เกิดมาตรฐานผลิตภัณฑ์ใหม่และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต เพิ่มมูลค่าสินค้าและลดต้นทุน รวมถึงพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการให้มีความเข้มแข็งและแข่งขันได้ในเวทีโลกได้ เพื่อรองรับ Disruptive technology ไม่ว่าจะเป็น Internet of Thing Smart Products  และ โดรนเป็นต้น” นายณรงค์ กล่าว-สำนักข่าวไทย.

ไทยคมแจงดาวเทียมไทยคม5 ทำตามสัญญา

กรุงเทพฯ 12 พ.ย. ไทยคมแจง ปมดาวเทียมไทยคม5 ยันดำเนินการตามครบตามสัญญา นายอนันต์ แก้วร่วมวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) แถลงชี้แจงกรณีข้อเรียกร้องของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส)  เกี่ยวกับดาวเทียมไทยคม 5 ว่า ตามที่กระทรวงดิจิทัลฯ เรียกร้องให้ บริษัท ดำเนินการสร้างและส่งมอบดาวเทียมทดแทนไทยคม 5 หรือชดใช้ค่าเสียหายเป็นราคาดาวเทียมซึ่งนำไปสู่กระบวนการระงับข้อพิพาทโดยอนุญาโตตุลาการนั้น บริษัท ขอชี้แจงว่า บริษัท ได้ดำเนินการจัดส่งดาวเทียมขึ้นให้บริการครบถ้วนตามเงื่อนไขของสัญญาสัมปทานแล้ว จึงไม่มีหน้าที่ต้องจัดสร้างดาวเทียมดวงใหม่มาทดแทนดาวเทียมไทยคม 5 ตามข้อเรียกร้องโดยในปัจจุบันยังมีดาวเทียมอีก 2 ดวงคือไทยคม 4 และไทยคม 6 ที่ บริษัท ได้โอนกรรมสิทธิ์ให้กับกระทรวงฯ แล้วและยังมีอายุวิศวกรรม ระยะเวลาสิ้นสุดสัมปทานซึ่งกระทรวงฯ สามารถนำไปบริหารจัดการต่อไป “สัญญาสัมปทานดาวเทียมไทยคมเกิดขึ้นมานานเกือบ 30 ปีโดยมีการกำหนดเงื่อนไขในเชิงกรอบดำเนินการและหลักการปฏิบัติและมีการอ้างอิงกับแผนดำเนินการที่ บริษัท เสนอและกระทรวงฯ ได้ให้ความเห็นชอบโดยเน้นความต่อเนื่องของบริการดาวเทียมตลอดอายุสัญญาในแผนดำเนินการที่ถือเป็นส่วนหนึ่งของสัญญากำหนดให้ บริษัท จัดสร้างดาวเทียม 2 ชุดรวม 4 ดวง (อายุของดาวเทียมมีอายุ15ปี เมื่อทำสัญญา 30 ปีจึงต้องมีดาวเทียม 2 ชุด ) โดยแต่ละชุดประกอบด้วยดาวเทียมหลักและดาวเทียมสำรองและเมื่อสัญญาสิ้นสุดลงดาวเทียมที่ยังมีอายุวิศวกรรมเหลือใช้งานได้อยู่กระทรวงฯ ก็สามารถนำไปบริหารจัดการเลยระยะต่อไป”นายอนันต์ กล่าว  นายอนันต์ กล่าวอีกว่า การดำเนินการตามสัญญาจนถึงปัจจุบัน บริษัท ได้มีการจัดสร้างและโอนกรรมสิทธิ์ดาวเทียมให้รัฐไปแล้ว 6 ดวงมากกว่าที่กำหนดไว้ในแผนกรณีการขัดข้องของดาวเทียมไทยคม 5 ซึ่งเป็นเหตุให้ต้องปลดระวางไปนั้นกระทรวงฯทราบถึงอายุการใช้งานของดาวเทียมไทยคม 5 ตามที่ออกแบบไว้ในขณะที่ขออนุมัติจัดส่งว่าดาวเทียมไทยคม 5 จะครบอายุการใช้งานตามที่ออกแบบไว้ (ครบอายุในปี 2561) และเมื่อเกิดกรณีการขัดข้องของดาวเทียมไทยคม 5 เนื่องจากการใช้งานเกินกว่าอายุที่กำหนดซึ่งเป็นเหตุให้ต้องปลดระวางในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2563 บริษัท มีการหารือกับกระทรวงฯ และกสทช. ล่วงหน้าและแจ้งแผนการปลดระวางให้ทุกฝ่ายทราบและขออนุมัติก่อนนอกจากนั้น บริษัทได้นำส่วนแบ่งรายได้จากลูกค้าที่ได้รับผลกระทบนำส่งกระทรวงเป็นค่าชดเชยรวมถึงเจรจากับ บริษัท ประกันภัยเพื่อนำเงินสินไหมทดแทนส่งมอบกระทรวงฯ ต่อไปและ บริษัท ยังคงมีดาวเทียมไทยคม 4 และดาวเทียมไทยคม 6 สามารถให้บริการได้อย่างต่อเนื่องตลอดอายุสัญญาสัมปทานและเมื่อสัญญาสิ้นสุดลงกระทรวงฯ ก็สามารถนำดาวเทียมทั้งสองดวงไปบริหารจัดการต่อไปซึ่งเป็นการดำเนินการที่ถูกต้องครบถ้วนตามสัญญาสัมปทานแล้ว  บริษัท จึงมีความเห็นว่า บริษัท ได้ดำเนินการครบถ้วนแล้วโดยรัฐไม่เสียประโยชน์ แต่อย่างใดเนื่องจาก บริษัท ได้นำดาวเทียมขึ้นให้บริการและโอนกรรมสิทธิให้กับกระทรวงแล้วครบถ้วนตั้งแต่จัดส่งดาวเทียมและยังได้ชำระค่าส่วนแบ่งรายได้ของดาวเทียมทั้ง 6 ดวงรวมกันจนถึงปัจจุบันเป็นเงิน 13,792.23 ล้านบาทขณะที่จำนวนขั้นต่ำที่กำหนดไว้ในสัญญาคือ 1,415 ล้านบาทอีกทั้ง บริษัท ยังมีส่วนสำคัญในการเสาะแสวงหาวงโคจรให้กับประเทศและช่วยดำเนินการรักษาวงโคจรดาวเทียมไม่ให้ประเทศไทยต้องเสียสิทธิตลอดมาและรัฐยังได้รับการส่งมอบดาวเทียมบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตที่เป็นดาวเทียมดวงแรกของโลกอันถือเป็นชื่อเสียงของประเทศและเป็นประโยชน์ต่อบริการสาธาณะและการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตในพื้นที่ห่างไกลทั้งในประเทศไทยและในต่างประเทศเช่นญี่ปุ่นอินเดียออสเตรเลีย บริษัท ขอยืนยันว่าตลอดระยะเวลาในสัมปทาน บริษัท มีการดำเนินการที่เปิดเผยโปร่งใสต่อเจ้าหน้าที่รัฐมาโดยตลอดผ่านกระบวนการเห็นชอบและอนุมัติดำเนินการตามที่กำหนดไว้ในสัญญาและความร่วมมือกับหน่วยงานรัฐในการนำส่งรายได้ตามสัญญาจัดฝึกอบรมให้เจ้าหน้าที่ของรัฐตรวจสอบเอกสารตรวจสอบทรัพย์สินอย่างต่อเนื่องมาทุกปี บริษัท เชื่อมั่นว่า บริษัท ได้ดำเนินการเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในสัญญาโดยครบถ้วนถูกต้อง-สำนักข่าวไทย.

พบข่าวลวงสร้างความสับสนเกี่ยวกับ 5G

กรุงเทพฯ 12 พ.ย. ผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการโทรคมนาคมชี้พบกระแสสร้างข่าวลวงทำความสับสนต่อเทคโนโลยี5G แนะหาข้อมูลประกอบพิจารณาอย่างรอบคอบ นายเจษฎา ศิวรักษ์  หัวหน้างานฝ่ายรัฐกิจและธุรกิจสัมพันธ์ บริษัท อิริกสัน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า จากการประชุมออนไลน์ GLORE2020  Global Coordination of Research and Health Policy on RF Electromagnetic Fields) ระหว่างวันที่ 11-12 พฤศจิกายน 2020 การประชุมนานาชาติเกี่ยวกับการวิจัยและความร่วมมือในเรื่องนโยบายสุขภาพบนสนามคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า มีประเด็นเกี่ยวกับเทคโนโลยีสื่อสารและสุขภาพทหลายเรื่อง อาทิ ตัวแทนของ เทลสตาร์ ผู้ให้บริการ 5G จากออสเตรเลียได้พูดในประเด็นที่น่าสนใจเรื่องประสบการณ์ 5G ได้รับการต่อต้านจากประชาชนในความเชื่ออย่างไม่มีเหตุผลเช่น  5G  ยังไม่ได้มีการทดสอบว่ามีอันตรายต่อสุขภาพ , 5G เป็นแหล่งปล่อยไวรัส โควิด-19 เมืองไหนมี 5G ก็จะมีผู้ติดเเชื้อเป็นจำนวนมาก เช่น สหรัฐอเมริกาติดตั้ง 5G เป็นประเทศแรก ๆ ของโลก ทำให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิทเป็นจำนวนมาก หรือหลายเมืองในยุโรปก็มีการระบาดของโคโลน่าไวรัสตามเมืองที่มีการติดตั้ง5G และ 5G ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้ต้นไม้ไม่เจริญเติบโต หรือเป็นเหตุให้นกจำนวนมากตายลง ดังเช่นเหตุการณ์การตายหมู่ของนกตัวเล็กๆ ในสวนสาธารณะในยุโรป 5G ส่งผลกระทบต่อ DNA ของเราอาจเป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็งชนิดต่างๆ ได้ มีการเปรียบเทียบเหมือนการปล่อยคลื่นในเตาไมโครเวฟ ที่ทำให้ความร้อนในผิวหนับมันสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม เทลสตาร์ได้ลงทุนว่าจ้างดาราตลกมาร์ค ชาวออสเตรเลียมาสวมบทบาทเป็น 5G Chief Investigator มาทำคลิปให้ข้อมูลความจริงต่อสาธารณชนผ่านสื่อออนไลน์ต่างๆ เพื่อลดความตื่นตระหนกของสังคม  นายเจษฎา กล่าวอีกว่า การปั่นกระแสเรื่องความน่าหวาดกลัวของ 5G ให้กับประชาชน มีคนที่ฉวยโอกาสในการสร้างเรื่องอุปกรณ์ Anti-5G Bio Shield ที่หน้าตาคล้าย USB Drive โดยมีการโหมสร้างความน่าเชื่อถือว่า อุปกรณ์ตัวนี้มีเทคโนโลยี Quantum holographic catalyzer technology ที่จะสร้างม่านครอบตัวผู้ใช้ที่มองไม่เห็น มีความสามารถป้องกันอันตรายให้กับผู้ใช้ได้เป็นอย่างนี้  ซึ่งได้มีการสร้างความน่าเชื่อถือขึ้นไปอีกเป็นการสร้างเอกสารที่คล้ายจะเป็นวิชาการจำนวน 25 หน้า ที่อธิบายสรรพคุณของอุปกรณ์ตัวนี้ มีการบอกระยะของการครอบคลุมป้องกันคลื่น 5G โดยทั้งนี้อุปกรณ์ Anti-5G Bio shield จำหน่ายอยู่ในราคา 350 เหรียญสหรัฐ (ราคาประมาณหนึ่งหมื่นบาท)  โดยทางBBC ได้มีการนำอุปกรณ์ตัวนี้มาผ่าดูเพื่อให้รู้ว่าเป็นอุปกรณ์อย่างที่โม้ไว้หรือไม่ ผลปรากฏว่าทีมตรวจสอบของ BBC ชี้ชัดว่าเจ้าอุปกรณ์ป้องกันคลื่น 5G นี้ไม่มีอะไรแตกต่างไปมากกว่า  128MB USB Stick ธรรมดาๆราคาประมาณ  6-7 เหรียญสหรัฐ สรุป คือเอาอุปกรณ์หลักไม่กี่ร้อยมาขายในราคาหลักหมื่น ด้วยการฉวยโอกาสสร้างกระแสความกลัวในเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผล มีการเปิดเวปไซด์  5GBioShield เพื่อสร้างความเข้าใจในเรื่อง5G อันตรายต่อสุขภาพอย่างผิดๆ และเป็นช่องทางการจัดจำหน่ายโดยยังไม่ได้มีใครไปดำเนินการกับเว็บไซด์อันนี้อยู่ ข่าวแบบนี้มีออกมาอีกมากคิดว่าการไปทำการปิดกั้นคงทำไม่ได้ แต่หน่วยงาน หรือสมาคมที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านนี้น่าจะมีการพิสูจน์แล้วให้ความรู้กับภาคประชาชนน่าจะได้ผลมากกว่า เช่น กรณี BBC ร่วมกับพันธมิตร Pentest Partner พิสูจน์ให้เห็นความจริงแล้วนำมาให้ข้อมูลกับสาธารณชนวิธีนี้น่าจะดีกว่า ด้านนายสืบศักดิ์ สืบภักดี เลขาธิการสมคมโทรคมนาคมในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า ปัจจุบันมีข่าวลวงหรือเฟคนิวส์เกี่ยวกับ 5G เกิดขึ้นจำนวนมาก น่าแปลกใจทีาหลายข่าวยังออกมาเรื่อยๆ และที่สำคัญเป็นกลุ่มก้อนและออกมาจากประเทศที่ค่อนข้างเจริญ หรือผู้คนมีการศึกษา อาทิ ยุโรป ออสเตรเลียก็มีในประเทศกลุ่มเอเซียกลับไม่ค่อยมีข่าวทำนองนี้ ข่าวที่พบมากที่สุดน่าจะเป็นเรื่องความกังวลเกี่ยวกับคลื่นว่ามีจะมีผลต่อกับสุขภาพหรือ โดยพบว่ามีการใช้หลักวิชาการและหลักฐานอธิบายเทียบเคียงทำให้เชื่อ นายสืบศักดิ์ กล่าวอีกว่า เท่าที่ตามข่าว เว็บหรือกลุ่มที่นำเสนอน่าจะเป็นบล็อกเกอร์ที่มีเจตนาสร้างเรื่องเพื่อเพิ่มยอดคลิ๊ก จะสังเกตได้ว่าข่าวที่ออกมามีแปลกๆ แบบหลุดโลกไร้หลักวิชาการไปเลย แบบทำนกตาย พอโควิดมาก็บอกว่า5Gกระจายโควิด ข่าวลวงที่เกิดขึ้น ผู้บริโภคข่าวสารอาจสังเกตว่าหัวข้อหรือเนื้อข่าวจะออกแนวไม่น่าเป็นไปได้ อาทิ5G แพร่ไวรัสโควิด หรือทำนกตาย หรือ มี usb ที่เสียบกับคอมฯแล้วสร้างเกราะกำบังกันคลื่น ทำนองนี้สามารถพิจารณาได้เลยเบื้องต้นว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ และไม่น่าเชื่อถือ ซึ่งไม่ควรทั้งเชื่อและส่งต่อให้ความเข้าใจผิดๆ กระจายไปแม้จะมองในแง่ขบขำก็ตาม ส่วนประเด็นที่อาจก่ำกึ่งฟังดูอ่านจะมีความเป็นไปได้หรือเป็นประเด็นข้อกังวลสงสัยอาจใช้วิธีหาข้อมูลอื่นๆ ประกอบหรือแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือได้ ทั้งนี้ถ้าประเด็นข้อกังวลใดมีผลกระทบผู้คนเป็นวงกว้างก็ย่อมจะมีข้อมูลจากหน่วยงานต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศยืนยันความชัดเจนเเละถูกต้อง-สำนักข่าวไทย.

อินเทลเปิดวิสัยทัศน์XPUประสานความสามารถตัวประมวลผลกับซอฟแวร์

กรุงเทพฯ 12 พ.ย. อินเทลเดินหน้าวิสัยทัศน์ XPUด้วย oneAPI และ Intel Server GPU นายราจา โคดูรี่  รองประธานอาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายสถาปัตยกรรม และผู้จัดการทั่วไปกลุ่มสถาปัตยกรรม กราฟิก และซอฟต์แวร์ของอินเทล กล่าวว่า อินเทลประกาศความสำเร็จครั้งสำคัญบนเส้นทางการเปลี่ยนแปลงระยะเวลาหลายปี เพื่อมุ่งสู่การมอบสถาปัตยกรรมการประมวลผลคอมพิวเตอร์ที่ผสมผสานพร้อมประสบการณ์ซอฟต์แวร์ที่เป็นหนึ่งเดียว บริษัทประกาศแผนเปิดตัว Intel® oneAPI Toolkits เวอร์ชันสมบูรณ์ในเดือนธันวาคม พร้อมความสามารถในกลุ่มซอฟต์แวร์ ตามแนวทางการออกแบบฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์อย่างผสมผสานของอินเทล   “ถือเป็นก้าวสำคัญบนเส้นทาง oneAPI และ XPU อันยิ่งใหญ่ของเรา ด้วยการประกาศเปิดตัว oneAPI Toolkits เวอร์ชันสมบูรณ์ เราได้ขยายขอบเขตประสบการณ์ของนักพัฒนาจากไลบรารีและเครื่องมือการเขียนโปรแกรมประมวลผลที่คุ้นเคย ไปสู่สถาปัตยกรรม Vector-Matrix-Spatial และเรายังเปิดตัว GPU สำหรับดาต้าเซ็นเตอร์ตัวแรกสุดที่ใช้สถาปัตยกรรมย่อส่วน Xe-LP โดยมุ่งตอบโจทย์กลุ่มการเล่นเกมบนคลาวด์และการสตรีมเนื้อหาที่เติบโตอย่างรวดเร็ว” นายโคดูรี กล่าวว่า โลกปัจจุบันได้เปลี่ยนมาสู่ยุคที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์อัจฉริยะหลายพันล้านชิ้นพร้อมจำนวนข้อมูลมหาศาลที่เพิ่มสูงขึ้นแบบทวีคูณ ทำให้ต้องเปลี่ยนความสำคัญของ CPU ไปสู่การผสมผสานสถาปัตยกรรมระหว่างCPU, GPU, FPGA และตัวเร่งความเร็วต่างๆ อินเทลเรียกสิ่งเหล่านี้รวมกันว่า “วิสัยทัศน์ XPU” และการเปิดตัว Intel® Server GPU นี้เป็นอีกก้าวในการสานต่อการนำเสนอจากอินเทลในยุคแห่ง XPU กลุ่มซอฟต์แวร์ที่ครอบคลุมมีความสำคัญอย่างมากต่อการประมวลผลคอมพิวเตอร์ในยุคปัจจุบัน เหล่านักพัฒนาจะสามารถเข้าถึงโมเดลการเขียนโปรแกรมบนมาตรฐานแบบเปิดที่ใช้ร่วมกันผ่าน Intel® XPU และ oneAPI Toolkits ของอินเทล ที่ปลดล็อกประสิทธิภาพในฮาร์ดแวร์ ลดค่าใช้จ่ายการพัฒนาซอฟต์แวร์และการบำรุงรักษา พร้อมทั้งลดความเสี่ยงที่สามารถเกิดขึ้นจากการปรับใช้การเร่งความเร็วการประมวลผล เมื่อเทียบกับโซลูชันอันเป็นกรรมสิทธิ์เฉพาะของผู้ผลิต อินเทลยังได้เปิดตัว Intel® Server GPU ซึ่งเป็นหน่วยประมวลผลกราฟิกแบบแยก (Discrete GPU) สำหรับดาต้าเซ็นเตอร์ตัวแรกของอินเทล สร้างบนสถาปัตยกรรมย่อส่วน Xe-LP และออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อการเล่นเกมผ่านคลาวด์บนแอนดรอยด์และการสตรีมเนื้อหา รองรับความหนาแน่นสูงและความหน่วงต่ำ-สำนักข่าวไทย.

ดีอีเอสเล็งให้ทีโอทีทำดาต้าเซ็นเตอร์บริการเอกชน

กรุงเทพฯ 11 พ.ย. กระทรวงดีอีเอส ไอเดียบรรเจิดให้ทีโอทีให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ภาคเอกชน นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่า กระทรวงฯ มีแนวคิดให้บริษัททีโอที จำกัด (มหาชน) ให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ สำหรับภาคเอกชน เช่นเดียวกับที่มีบริการระบบคลาวด์กลางภาครัฐหรือ Government Data Center and Cloud service (GDCC) ให้บริการกับหน่วยงานภาครัฐ ทั้งนี้เมื่อประเทศไทยจะรองรับการค้าและการลงทุนจากต่างประเทศ และด้วยเทคโนโลยี5G ที่มีความพร้อม โดยกระทรวงฯและทีโอทีอยู่ระหว่างการสรุปข้อมูลความเหมาะสมที่จะตั้งดาต้าเซ็นเตอร์ใหม่ที่เหมาะสม กระทรวงฯ ตระหนักถึง ความสำคัญของข้อมูลจึงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นและต้องการการดูแล เพื่อให้เอกชนที่เข้ามาลงทุนมีที่เก็บข้อมูลที่เกิดขึ้น “เป็นโอกาสทางธุรกิจที่ทีโอทีจะทำธุรกิจใหม่ ดาต้าเซ็นเตอร์แห่งนี้ไม่ได้มาแข่งกับดาต้าเซ็นเตอร์แห่งที่สามที่บริษัทหัวเว่ยเทคโนโลยีประกาศจะดำเนืนการในปี 2564 กระทรวงฯมองว่าการลงทุนครั้งนี้เป็นโอกาสที่ดีที่ทีโอทีจะมีธุรกิจใหม่ เมื่อทีโอทีควบรวมกิจการกับบริษัทกสท โทรคมนาคมเป็นบริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ (NT) จะทำให้เกิดความแข็งแกรงของธุรกิจ เพราะจะเป็นผู้ให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ทั้งภาครัฐและเอกชน ” นายพุทธิพงษ์ กล่าว -สำนักข่าวไทย.

สกสว. พร้อมใช้งบปี 65 พัฒนาขีดความสามารถ-แก้วิกฤตชาติ

กทม. 11 พ.ย.63 – สกสว.เปิดเวทีชี้แจงงบอุดหนุนงานวิจัยนวัตกรรม 2.4 หมื่นล้านปี 2565 ตั้งเป้าใช้เร่งพัฒนาขีดความสามารถ-แก้วิกฤตชาติ ฟื้นฟูเศรษฐกิจ และสังคม ยืนยันใช้งบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ สกสว. เปิดเวทีแจงแนวทางปฏิบัติเพื่อเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณ ววน. ปี 65 จำนวน 24,000 ล้านบาท เชิญชวนประชาคมวิจัยสร้างความเข้าใจร่วมกันผ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-book) การยื่นคำของบประมาณด้าน ววน. ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์สุทธิพร  จิตต์มิตรภาพ ประธานกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม เปิดเผยว่า สกสว. ขานรับนโยบายมุ่งสนับสนุนการวิจัยและนวัตกรรมเพื่อพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศ ให้เป็นทั้งคนเก่งและคนดี รองรับการเปลี่ยนแปลงทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม เทคโนโลยี และวิถีชีวิต โดยเฉพาะทักษะที่จำเป็นต่อชีวิตในยุคปัจจุบันและอนาคต รวมทั้งเพิ่มคุณลักษณะที่สังคมไทยต้องการ เช่น คุณธรรมจริยธรรม ความรับผิดชอบ ระเบียบวินัย ภูมิคุ้มกันทางใจ เป็นต้น ซึ่งเป็นคุณลักษณะที่จำเป็นสำหรับการอยู่ร่วมกันอย่างปกติสุขในสังคม และเพื่อสานต่อภารกิจเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไปสู่การเป็นประเทศที่มีรายได้สูง และแก้ไขวิกฤตประเทศ โดยปี 2564 ได้รับอนุมัติงบประมาณ 19,917 ล้านบาท เน้นการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ […]

1 12 13 14 15 16 51
...