มาเลเซียจะขายตั๋วเดินทางไปสิงคโปร์แบบไม่กักตัวอีกครั้ง

กระทรวงสาธารณสุขมาเลเซียกล่าววันนี้ว่า มาเลเซียจะเริ่มกลับไปจำหน่ายตั๋วเดินทางภายใต้โครงการช่องทางของผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้วกับสิงคโปร์อีกครั้ง

3 จังหวัดของญี่ปุ่นจ่อขอใช้มาตรการกึ่งฉุกเฉินคุมโควิด

โอซากา 20 ม.ค. – จังหวัดโอซากา เกียวโต และเฮียวโกะ ของญี่ปุ่น เตรียมพิจารณาว่าจะขอรัฐบาลให้อนุมัติใช้มาตรการกึ่งฉุกเฉินหรือไม่ในวันนี้ หลังนายกรัฐมนตรีฟูมิโอ คิชิดะ ของญี่ปุ่น ได้ประกาศใช้มาตรการดังกล่าวในกรุงโตเกียวและอีกหลายสิบพื้นที่เมื่อวันพุธ เพื่อควบคุมการระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน นายฮิโรฟูมิ โยชิมูระ ผู้ว่าราชการจังหวัดโอซากาของญี่ปุ่น เผยวันนี้ว่า จังหวัดโอซากาจะจัดประชุมในวันนี้เพื่อพิจารณาเกี่ยวกับการขอใช้มาตรการกึ่งฉุกเฉินที่ทำให้ผู้ว่าราชการมีสิทธิสั่งให้ร้านอาหารและบาร์ลดระยะเวลาเปิดบริการให้สั้นลง รวมถึงการหยุดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เขากำลังประสานงานกับผู้ว่าราชการจังหวัดเกียวโตและเฮียวโกะเกี่ยวกับการขอให้รัฐบาลญี่ปุ่นอนุมัติการใช้มาตรการกึ่งฉุกเฉินร่วมกัน และคิดว่าทั้งสามจังหวัดอาจจะยื่นคำร้องต่อรัฐบาลในวันนี้ เขายังคาดการณ์ว่า โอซากาจะพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดรายใหม่สูงถึง 6,000 คนในวันนี้ ซึ่งอยู่ในระดับใกล้เคียงกับสถิติสูงสุดเมื่อวันพุธ ในขณะเดียวกัน บรรษัทกระจายเสียงและแพร่ภาพแห่งญี่ปุ่น หรือเอ็นเอชเค รายงานวันนี้ว่า ญี่ปุ่นพบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่กว่า 41,000 คน ทำสถิติสูงสุดติดต่อกันเป็นวันที่สอง ทำให้มียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 1.9 ล้านคน และผู้เสียชีวิตกว่า 18,400 คน ก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรีคิชิดะได้ตัดสินใจใช้มาตรการกึ่งฉุกเฉินในกรุงโตเกียวและอีกหลายสิบพื้นที่เมื่อวันพุธ หากจังหวัดโอซากา เกียวโต และเฮียวโกะ ได้รับอนุมัติให้ใช้มาตรการดังกล่าว ก็จะทำให้มีชาวญี่ปุ่นเกือบ 80 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 63 จากประชากรทั้งหมดต้องใช้ชีวิตอยู่ภายใต้มาตรการกึ่งฉุกเฉิน.-สำนักข่าวไทย

ไต้หวันให้แสดงหลักฐานฉีดวัคซีนก่อนเข้าสถานบันเทิง

รัฐบาลไต้หวันเปิดเผยวันนี้ว่า ไต้หวันจะบังคับใช้บัตรผ่านที่ให้ข้อมูลเป็นหลักฐานเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัสโรคโควิด-19 ก่อนที่จะเข้าใช้บริการตามสถานบันเทิงต่าง ๆ ซึ่งเป็นความพยายามของรัฐบาลในการลดความเสี่ยงของการระบาดของเชื้อไวรัส

ฮ่องกงสั่งปิดโรงเรียนมัธยมถึงช่วงหลังตรุษจีนสกัดโควิด

ฮ่องกง 20 ม.ค. – ฮ่องกงจะเลื่อนเปิดการเรียนการสอนในโรงเรียนมัธยมจากเดิมที่มีกำหนดเปิดในวันจันทร์หน้าเป็นช่วงหลังเทศกาลตรุษจีน เนื่องจากพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดเพิ่มขึ้นในหลายโรงเรียน สำนักงานการศึกษาของฮ่องกงระบุในแถลงการณ์วันนี้ว่า โรงเรียนต่างๆ จะปิดการเรียนการสอนไปจนถึงวันที่ 7 กุมภาพันธ์ หลังจากช่วงวันหยุดในเทศกาลตรุษจีนผ่านพ้นไปแล้ว ในขณะที่นักเรียนระดับมัธยมปลายที่กำลังเตรียมตัวสอบปลายภาค อาจได้รับอนุญาตให้เข้าเรียนในห้องเรียนได้ แต่โรงเรียนจะต้องยกเลิกหรือเลื่อนการสอบหรือการสอนในห้องเรียนของระดับชั้นอื่นๆ ทั้งหมด ทั้งยังระบุว่าสถานการณ์ระบาดของโรคโควิด-19 ในฮ่องกงกำลังทวีความรุนแรงขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา และพบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่จำนวนมากโดยไม่ทราบที่มา นอกจากนี้ยังมีรายงานพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดในโรงเรียนเพิ่มมากขึ้นจนทำให้คุณครูและนักเรียนต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิดหรือกักตัวเพื่อรอดูอาการ เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ฮ่องกงสั่งระงับการเรียนการสอนในโรงเรียนประถมศึกษาและอนุบาล พร้อมทั้งกำหนดมาตรการควบคุมต่างๆ เช่น ห้ามภัตตาคารเปิดบริการอาหารภายในร้านหลังเวลา 18.00 น. และปิดสถานที่ต่างๆ เช่น สถานที่ออกกำลังกาย โรงภาพยนตร์ และสถานเสริมความงาม สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า ฮ่องกงพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนหลายสิบคนในชุมชนตั้งแต่ช่วงปีใหม่ โดยพบผู้ป่วยติดเชื้อสายพันธุ์ดังกล่าวในชุมชนรายแรกเมื่อช่วงสิ้นเดือนธันวาคม ขณะที่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของฮ่อกงเผยว่า ฮ่องกงยังพบการระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตาทั้งที่ไม่พบผู้ป่วยติดเชื้อสายพันธุ์ดังกล่าวมาเป็นเวลาหลายเดือน โดยคาดว่ามีที่มาจากการระบาดเป็นกลุ่มก้อนที่เพิ่มขึ้น ซึ่งรวมถึงคลัสเตอร์ที่ร้านขายสัตว์เลี้ยง จนทำให้ทางการฮ่องกงต้องประกาศฆ่าหนูแฮมสเตอร์ราว 2,000 ตัว เพื่อป้องกันการระบาดเป็นวงกว้าง ก่อนหน้านี้ฮ่องกงไม่พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดในชุมชนแม้แต่รายเดียวเป็นเวลากว่า 3 เดือน จนกระทั่งช่วงสิ้นเดือนธันวาคม ส่วนรัฐบาลฮ่องกงระบุว่า เด็กอายุ 5-11 ปี สามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิดของซิโนแวคได้ตั้งแต่วันศุกร์เป็นต้นไป เพื่อกระตุ้นอัตราฉีดวัคซีนครบสองโดสให้ถึงร้อยละ 70 ขณะนี้ฮ่องกงมียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า […]

ปักกิ่งเฝ้าระวังขณะยอดโควิดเพิ่มก่อนโอลิมปิกจะเริ่ม

กรุงปักกิ่ง นครหลวงของจีนเพิ่มมาตรการควบคุมโควิด-19 โดยสั่งการให้บริษัทอาหารแช่แข็งตรวจตราอย่างเข้มงวด พร้อมขอให้ประชาชนลดการพบปะรวมตัวกันที่ไม่จำเป็น ขณะที่กรุงปักกิ่งพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศเพิ่มขึ้นก่อนที่จะเป็นเจ้าภาพการแข่งขันโอลิมปิก ฤดูหนาวในเดือนหน้า

ชี้ท่องเที่ยวโลกจะไม่ฟื้นก่อนปี 2567

มาดริด 19 ม.ค.- องค์การการท่องเที่ยวโลกอ้างผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ว่า การเดินทางท่องเที่ยวทั่วโลกจะไม่กลับไปสู่ระดับก่อนเกิดการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ได้ก่อนปี พ.ศ.2567 เป็นอย่างเร็วที่สุด องค์การการท่องเที่ยวโลกซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในกรุงมาดริดของสเปนระบุในข่าวประชาสัมพันธ์ว่า เชื้อไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนที่แพร่ได้ง่ายแม้ไม่ทำให้เกิดอาการรุนแรงจะทำให้การฟื้นตัวช่วงต้นปี 2565 เกิดการสะดุด หลังจากการท่องเที่ยวช่วงปลายปี 2564 โตขึ้นร้อยละ 4 จากปี 2563 ขณะที่รายได้จากการท่องเที่ยวในปี 2563 ลดลงจากปี 2562 มากถึงร้อยละ 72 เพราะเป็นช่วงเริ่มต้นการระบาดทั่วโลก ส่วนการเดินทางระหว่างประเทศในปีนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 30-78 จากปี 2564 แต่จะยังคงต่ำกว่าปี 2562 ก่อนโควิดระบาด ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่เชื่อว่า การท่องเที่ยวจะยังไม่กลับไปสู่ระบาดก่อนเกิดระบาดได้ก่อนปี 2567 เป็นอย่างเร็วที่สุด องค์การการท่องเที่ยวโลกระบุด้วยว่า การฟื้นตัวของแต่ละภูมิภาคยังคงต่ำและไม่เท่าเทียมกัน ขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของระเบียบจำกัดการเดินทาง อัตราการฉีดวัคซีน และความเชื่อมั่นของนักเดินทาง ทวีปยุโรปและทวีปอเมริกามีชาวต่างชาติไปเยือนในปี 2564 เพิ่มขึ้นจากปี 2563 ร้อยละ 19 และ 17 ตามลำดับ ตะวันออกกลางมีชาวต่างชาติไปเยือนลดลงร้อยละ 24 ขณะที่เอเชียแปซิฟิกลดลงถึงร้อยละ […]

สาวจีนตกลงหมั้นหลังติดบ้านฝ่ายชายนัดบอดช่วงล็อกดาวน์

ปักกิ่ง 19 ม.ค.-คู่รักชาวจีนประกาศหมั้นหมายหลังหญิงชาวจีนต้องติดอยู่ที่บ้านคู่นัดบอดชายเป็นเวลาหลายวัน เนื่องจากทางการจีนประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์กะทันหัน จ้าว เสี่ยวชิง หญิงสาวชาวจีน วัย 28 ปี จากมณฑลส่านซี ทางเหนือของจีน เผยกับสื่อท้องถิ่นว่า เธอคิดว่าการไปนัดบอดกับชายหนุ่มที่เมืองเซียนหยางในช่วงกลางเดือนธันวาคมปีก่อนจะใช้เวลาเพียง 1 วันเพื่อทำความรู้จักครอบครัวของฝ่ายชายเท่านั้น และไม่คิดว่าจะต้องเอ่ยปากขอค้างคืนที่นั่น เพราะเป็นการกระทำที่น่ากระอักกระอ่วนใจ ในขณะที่เธอเพิ่งพบกับคู่นัดบอดเป็นครั้งที่สองเท่านั้น หลังทางการท้องถิ่นเมืองเซียนหยางประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์กะทันหัน เนื่องจากพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดพุ่งสูงขึ้น จนทำให้จ้าวไม่สามารถเดินทางกลับบ้านของเธอได้ และต้องใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านฝ่ายชายเป็นเวลา 1 สัปดาห์ อย่างไรก็ดี ครอบครัวของฝ่ายชายได้ขอร้องให้ทั้งคู่แต่งงานกันหลังใช้เวลาอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน 1 สัปดาห์ในช่วงล็อกดาวน์ แต่จ้าวรู้สึกว่าคำร้องขอดังกล่าวดูเร่งรัดจนเกินไป ทั้งยังระบุว่า ตอนแรกเธอไม่ได้สนใจชายหนุ่มคู่นัดบอดที่มีชื่อว่า จ้าว เฟย มากนักเมื่อได้เห็นรูปถ่ายของเขาครั้งแรก จนกระทั่งได้เจอตัวจริงและคิดว่าเขาดูดีกว่าในรูปถ่าย อย่างไรก็ดี แม้ทั้งคู่จะมีจุดเริ่มต้นความรักในครั้งนี้อย่างติดขัด แต่ก็เริ่มมีใจให้กันมากขึ้นจนตัดสินใจว่าจะหมั้นหมายกันในที่สุด ทั้งนี้ เรื่องราวของจ้าวได้รับเสียงชื่นชมเกี่ยวกับความรักที่สวยงามในโลกออนไลน์ แต่ก็มีบางส่วนที่เตือนว่าการตัดสินใจหมั้นหมายของทั้งคู่นั้นรวดเร็วเกินไป.-สำนักข่าวไทย

ต่างชาติอาจย้ายออกจากฮ่องกงเพราะระเบียบโควิด

ฮ่องกง 19 ม.ค.- หอการค้าอเมริกันในฮ่องกงเผยว่า สมาชิกมากกว่าร้อยละ 40 กำลังคิดเรื่องย้ายออกจากฮ่องกง เพราะมาตรการจำกัดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 เข้มงวด โดยเฉพาะเรื่องการปิดพรมแดน หอการค้าอเมริกันในฮ่องกงเผยผลสำรวจบรรยากาศการทำธุรกิจประจำปี 2565 ที่ได้จากการสอบถามบุคคลและตัวแทนบริษัทรวมทั้งหมด 262 ราย ในจำนวนนี้หลายรายย้ายออกจากฮ่องกงไปแล้วว่า ผู้ตอบที่เป็นบุคคลร้อยละ 44 อาจย้ายออกจากฮ่องกงเพราะมาตรการเข้มงวดพรมแดนและการใช้ชีวิต ขณะที่บริษัทร้อยละ 26 กำลังพิจารณาย้ายสำนักงาน นางทารา โจเซฟ ประธานหอการค้าอเมริกันในฮ่องกงที่ย้ายกลับสหรัฐแล้วและกำลังจะพ้นตำแหน่งในเดือนมีนาคมชี้ว่า พนักงานต้องการย้ายมากกว่าบริษัทเพราะมีชีวิตส่วนตัว มีความเครียดและมีครอบครัวรออยู่ในต่างประเทศ สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งในเวลานี้คือ ไม่มีวี่แววว่าฮ่องกงจะเลิกใช้มาตรการเข้มงวดเมื่อใด เธอเองพำนักอยู่ในฮ่องกงมานาน 20 ปี แม้อยากกลับไปก็ไม่สามารถทำได้เพราะฮ่องกงปิดพรมแดน ผลสำรวจพบว่า มาตรการจำกัดโควิดของฮ่องกงทำให้ธุรกิจสะดุดอย่างหนัก การลงทุนใหม่ ๆ ถูกชะลอ และสร้างปัญหาในการจ้างงานคนเก่ง อย่างไรก็ดี ธุรกิจส่วนใหญ่ยังคงมองว่า ฮ่องกงมีอนาคตสดใส โดยเฉพาะภาคบริการการเงิน ผู้ตอบ 1 ใน 3 เห็นว่า ช่วง 3 ปีมานี้ฮ่องกงมีความได้เปรียบในระดับภูมิภาคในเรื่องการบริหารความมั่งคั่ง ผู้ตอบหลายรายมองเห็นโอกาสทางธุรกิจจากการที่บริษัทอื่นย้ายออกไป ส่วนประเด็นที่สร้างความกังวลได้แก่ […]

ชาวฮ่องกงลงชื่อคัดค้านคำสั่งฆ่าหนูแฮมสเตอร์สกัดโควิด

ฮ่องกง 19 ม.ค. – กลุ่มคนรักสัตว์และกลุ่มต่อต้านการทารุณสัตว์ในฮ่องกงแสดงความไม่พอใจและร่วมกันลงชื่อผ่านระบบออนไลน์กว่า 19,300 คน เพื่อคัดค้านคำสั่งของรัฐบาลฮ่องกงให้ฆ่าหนูแฮมสเตอร์ราว 2,000 ตัวที่เชื่อมโยงกับการระบาดเป็นกลุ่มก้อนของโรคโควิด-19 หนังสือพิมพ์เดอะสเตรทไทมส์ของสิงคโปร์รายงานว่า การคัดค้านดังกล่าวมีขึ้นหลังรัฐบาลฮ่องกงประกาศว่าจะสั่งฆ่าหนูแฮมสเตอร์ราว 2,000 ตัวที่นำเข้าจากเนเธอร์แลนด์ รวมถึงสัตว์ขนปุยอีกหลายชนิด เช่น กระต่ายและหนูชินชิลลา (chinchilla) เจ้าหน้าที่ของฮ่องกงยืนยันหนักแน่นที่จะทำตามคำสั่งดังกล่าวเพื่อตัดวงจรการแพร่ระบาดของโรคโควิดที่ร้านขายสัตว์เลี้ยงแห่งหนึ่งในย่านคอสเวย์ เบย์ ซึ่งพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดในร้าน 3 คน จนทำให้เกิดความวิตกกังวลว่าอาจทำให้เชื้อโควิดแพร่กระจายเป็นวงกว้าง หลังรัฐบาลฮ่องกงประกาศคำสั่งดังกล่าวได้เพียงไม่นาน กลุ่มคนรักสัตว์และกลุ่มต่อต้านการทารุณสัตว์ในฮ่องกงก็ได้เปิดให้ลงชื่อคัดค้านคำสั่งฆ่าหนูแฮมสเตอร์ผ่านระบบออนไลน์ และเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาก็มีผู้ลงชื่อคัดค้านคำสั่งนี้กว่า 19,300 คนแล้ว ขณะที่หญิงฮ่องกงรายหนึ่งเผยว่า ข่าวดังกล่าวสร้างความสะเทือนใจให้แก่ลูกสาวสองคนของเธอที่เลี้ยงหนูแฮมสเตอร์มาตั้งแต่เมื่อ 2 ปีก่อน และมองว่าการฆ่าหนูแฮมสเตอร์ไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุดเสมอไป อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของฮ่องกงระบุว่า คำสั่งดังกล่าวเป็นเรื่องจำเป็น เนื่องจากหนูแฮมสเตอร์สามารถแพร่เชื้อไวรัสให้สัตว์อื่นหรือมนุษย์ได้ คำสั่งของรัฐบาลฮ่องกงมีขึ้นเพียงหนึ่งวันหลังพนักงานขายของร้านขายสัตว์เลี้ยงดังกล่าว ซึ่งมี 15 สาขาและมีคลังสินค้าอยู่ในเขตไทโปของฮ่องกง ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตาเมื่อวันจันทร์ ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญโรคระบบทางเดินหายใจของฮ่องกงเผยว่า เชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตาในตัวพนักงานขายคนดังกล่าวเป็นลำดับพันธุกรรมที่ไม่เคยพบมาก่อนในฮ่องกง ทั้งยังระบุว่า พนักงานคนนี้ได้สัมผัสฝูงหนูแฮมสเตอร์ที่ติดเชื้อโควิดอย่างใกล้ชิดจากการทำงานจนอาจทำให้กลายเป็นผู้ป่วยติดเชื้อโควิดรายแรกจากการแพร่ระบาดจากหนูแฮมสเตอร์สู่คน.-สำนักข่าวไทย

โจรบุกโกดังซิดนีย์ขโมย ATK 42,000 ชุด

ซิดนีย์ 19 ม.ค.- เกิดเหตุคนร้ายบุกโกดังเก็บสินค้าในนครซิดนีย์ของออสเตรเลีย ขโมยชุดตรวจแอนติเจนหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 แบบรวดเร็วหรือเอทีเค (ATK) จำนวน 42,000 ชุด ในช่วงที่ออสเตรเลียกำลังขาดแคลนเอทีเค ตำรวจรัฐนิวเซาท์เวลส์แถลงว่า คนร้ายบุกเข้าไปในโกดังย่านชานเมืองเมื่อบ่ายวันอังคารตามเวลาท้องถิ่น และขโมยชุดตรวจไป ตำรวจเขตซิดนีย์ใต้ได้เปิดการสอบสวนแล้ว ด้านนายโดมินิก เพอร์รอตเท็ต มุขมนตรีรัฐนิวเซาท์เวลส์ประณามว่า เป็นการกระทำที่น่ารังเกียจในช่วงที่ทุกคนกำลังพยายามอย่างเต็มที่และเสียสละเพื่อให้ประชาชนปลอดภัย กลุ่มปกป้องผู้บริโภคในออสเตรเลียเผยว่า ได้รับรายงานว่าร้านค้าปลีกจำหน่ายเอทีเคชุดละ 22 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 730 บาท) ขณะที่สภาสหภาพแรงงานออสเตรเลียขู่ในสัปดาห์นี้ว่า จะผละงานหากทางการไม่เร่งแจกจ่ายเอทีเคฟรีให้แก่คนทำงานที่เป็นกลุ่มเสี่ยง ด้านนายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสันยืนกรานวันนี้เรื่องที่รัฐบาลไม่แจกเอทีเคฟรีให้แก่ประชาชนว่า เขาเข้าใจดีว่าประชาชนไม่พอใจที่เอทีเคขาดแคลน แต่การแสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์ส่วนใหญ่เป็นการพูดหลังเกิดเหตุไปแล้ว รัฐบาลคาดว่า จะมีเอทีเคนำเข้าจากเอเชียและสหรัฐมากถึง 52 ล้านชุดในเดือนนี้.-สำนักข่าวไทย

อนามัยโลกชี้ไม่มีหลักฐานเด็ก-วัยรุ่นต้องฉีดวัคซีนเข็มสาม

เจนีวา 19 ม.ค. – องค์การอนามัยโลกระบุว่า ขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานชี้ว่าเด็กและวัยรุ่นที่มีสุขภาพแข็งแรงจำเป็นต้องเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เข็มที่สามเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ดร. สุมยา สวามินาธาน หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ขององค์การอนามัยโลก แถลงเมื่อวันอังคารว่า แม้ภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นจากวัคซีนป้องกันโรคโควิดที่ใช้อยู่ในปัจจุบันมีแนวโน้มลดลงหลังฉีด ในขณะที่เกิดการระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนที่แพร่เชื้อได้อย่างรวดเร็ว แต่ทั่วโลกต้องศึกษาวิจัยเพิ่มเติมเพื่อให้แน่ใจว่าบุคคลกลุ่มใดจำเป็นต้องได้รับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น ขณะนี้ ยังไม่มีหลักฐานแม้แต่ชิ้นเดียวที่ระบุว่า เด็กหรือวัยรุ่นที่มีสุขภาพแข็งแรงต้องเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น ดร. สวามินาธาน ยังระบุว่า คณะผู้เชี่ยวชาญระดับสูงขององค์การอนามัยโลกจะประชุมร่วมกันภายในสัปดาห์นี้ เพื่อพิจารณาคำถามที่เฉพาะเจาะจงในประเด็นเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้ประชากรในแต่ละประเทศ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อปกป้องประชากรกลุ่มเปราะบางและกลุ่มเสี่ยงต่ออาการป่วยรุนแรงหรือเสียชีวิต ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นประชากรสูงอายุ ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง และผู้ที่มีโรคประจำตัว รวมถึงเจ้าหน้าที่สาธารณสุขด้วย ก่อนหน้านี้ อิสราเอลได้เริ่มฉีดวัคซีนเข็มที่สามให้เด็กอายุ 12 ปีขึ้นไปแล้ว ขณะที่สำนักงานอาหารและยาของสหรัฐ หรือเอฟดีเอ ประกาศอนุมัติใช้วัคซีนของไฟเซอร์/ไบออนเทคเป็นวัคซีนเข็มกระตุ้นในกลุ่มเด็กอายุ 12-15 ปีเมื่อช่วงต้นเดือน ส่วนเยอรมนีได้ประกาศคำแนะนำให้เด็กอายุ 12-17 ปีเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มที่สามเมื่อสัปดาห์ก่อน.-สำนักข่าวไทย

1 56 57 58 59 60 1,427
...