ธปท.เร่งพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลพร้อมวางโครงสร้างพื้นฐานในการทำธุรกรรม

กรุงเทพฯ 18 ก.ย. ผู้ว่าธปท.ย้ำภารกิจสำคัญพัฒนาสกุลเงินดิจิทัล พร้อมเร่งพัฒนาโครงสร้างการแลกเปลี่ยนข้อมูลการทำธุรกรรมช่วยเอาเอ็มอี – ภาคธุรกิจเข้าถึงบริการทางการเงิน  นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวปาฐกถาในงาน  Digital Transformation for the New Normal : พร้อมรับวิถีใหม่ SME ก้าวต่อไปด้วยดิจิทัล ว่า ประเด็นสำคัญที่ธนาคารกลางทั่วโลกให้ความสำคัญคือ การพัฒนาเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลาง (Central Bank Digital Currency) ธปท ได้พัฒนาต้นแบบและมีพัฒนาการอย่างต่อเนื่องในการชำระเงินระหว่างธนาคารพาณิชย์ ระหว่าธปท.กับธนาคารในประเทศ และเชื่อมต่อไปสู่ธนาคารกลางระหว่างประเทศโดยมีการทดลองเชื่อมต่อกับธนาคารกลางฮ่องกง รวมถึงการชำระเงินของตราสารพันธบัตร รวมถึงการใช้เทคโนโลยีชีวะมิติหรือไบโอเมทริตมายืนยันตัวตน เพื่อสนับสนุนการพัฒนาแพลตฟอร์มการยืนยันตัวตนระดับชาติเพื่อไปสู่การมีดิจิทัลไอดีสำหรับประชาชนทุกคนใช้สำหรับการทำธุรกรรมทุกด้านนอกจากธุรกรรมทางการเงินธปท.ยีงราวมกับกระทรวงการคลังในการพัฒนาแพลตฟอร์มการให้บริการทางการเงินเพื่อให้ผู้บริโภคเข้าถึงบริการทางการเงินได้ได้ง่ายขึ้นตามแนวโน้มที่โลกกำลังเปลี่ยนไปสู่แพลตฟอร์มอีโคโนมี่มากขึ้น  นอกจากนี้ยังมีแผนงาน ในการวางระบบโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินที่ขยายไปสู่ภาคธุรกิจให้มากขึ้นบนมาตรฐานการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางการเงิน ISO 20022 การเปลี่ยนแปลงไปสู่มาตรฐานนี้จำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากผู้ที่เกี่ยวข้องโดยธปท.คาดว่าจะใช้เวลาพัฒนาจากนี้อีก 1ปีครึ่งจะสามารถเห็นผลได้  และยังมีโครงการการนำข้อมูลเชิงลึกรายธุรกรรมมาพัฒนาตอบโจทย์ลูกค้าโดยการใช้สิ่งที่เกิดจึ้นหลังจากการทำธุรกรรม คือ Digital Footprints (รอยเท้าธุรกรรม) โดยธปท.ได้ว่างระบบในการนำข้อมูลเชิงลึกในการทำธุรกรรมการชำระเงินมาใช้ประโยชน์  และได้พัฒนาหลักเกณฑ์สินเชื่อส่วนบุคคลดิจิทัลที่จะทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการทางการเงินด้วยการใช้การประเมินความเสี่ยงที่ยืดหยุ่นมากขึ้น รวมถึงการพัฒนารับบฐานข้อมูลกลางเพื่อการพัฒนาดิจิทัลแฟคเทอริ่ง ให้ภาคเอสเอ็มอีได้นำไปใช้ประโยชน์ -สำนักข่าวไทย.

“โนอึล” ทำอุบลฯ ฝนตกข้ามคืน ตั้งศูนย์รับน้ำท่วม

อุบลฯ เริ่มได้รับอิทธิพลพายุโนอึล ฝนพรำตั้งแต่ค่ำวานนี้ วัดปริมาณฝนสะสมมากสุดเขต อ.เมือง 110 มม. น้ำมูลเพิ่มขึ้น

เผยยอดกล่องไปรษณีย์เก่ารีไซเคิลเป็นโต๊ะนักเรียนถึง10,000กิโลกรัมแล้ว

กรุงเทพฯ 18 ก.ย.ไปรษณีย์ไทย เผยยอดส่งกล่อง ซองเก่า “ไปรษณีย์ reBOX” จากคนไทยกว่า 10,000 กก. นายก่อกิจ ด่านชัยวิจิตร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า ไปรษณีย์ไทยได้ดทำโครงการ“ไปรษณีย์ reBOX เปลี่ยนกล่อง/ซองเป็นของขวัญปีใหม่ 2564” ตั้งแต่ ช่วงกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ขณะนี้มีผู้ให้ความสนใจเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าวเป็นจำนวนมาก ซึ่งตั้งแต่ ที่เปิดรับกล่องพัสดุ และซองที่ไม่สามารถใช้ซ้ำได้แล้วผ่านที่ทำการไปรษณีย์ทั่วประเทศ จนถึงปัจจุบันพบว่ามีปริมาณกล่องพัสดุและซองที่เตรียมเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลกับทาง บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) แล้วกว่า 10,000 กิโลกรัม และยังคาดว่าหลังจากช่วงเทศกาลช็อปออนไลน์ 9.9 ไปจนถึงสิ้นเดือนกันยายน 2563 นี้ จะยิ่งมีปริมาณกล่องพัสดุและซองที่เกิดจากกิจกรรมอีคอมเมิร์ซเข้าสู่ระบบเพิ่มขึ้นอีกจำนวนมาก “ในช่วงเทศกาล 9.9 นี้ เป็นช่วงที่คนไทยสั่งซื้อสินค้าผ่านร้านออนไลน์ และช่องทางอีมาร์เก็ตเพลสเป็นจำนวนมากเนื่องจากกิจกรรมส่งเสริมการขาย การลดราคา รวมถึงแคมเปญต่างๆ ที่ดึงดูดให้ผู้บริโภคหันมาจับจ่ายใช้สอยกันในหลายหมวดหมู่ ไม่ว่าจะเป็นแฟชั่น อาหาร สินค้าไลฟ์สไตล์ ฯลฯ ซึ่งเป็นเรื่องดีที่จะทำให้เกิดการหมุนเวียนเศรษฐกิจภายในประเทศเพิ่มมากขึ้น และเชื่อว่าจากกิจกรรมนี้จะทำให้มีปริมาณกล่องพัสดุเพิ่มมากขึ้นเช่นเดียวกัน ไปรษณีย์ไทยจึงขอใช้โอกาสนี้เชิญชวนนักช็อป ประชาชนทั่วไป พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ องค์กรธุรกิจ นำกล่องพัสดุทุกประเภทรวมทั้งซองกระดาษที่ได้รับจากช่วงเทศกาลดังกล่าวมาส่งให้โครงการไปรษณีย์ reBOX เปลี่ยนกล่อง/ซองเป็นของขวัญปีใหม่ 2564 ได้ ณ ที่ทำการไปรษณีย์ทั่วประเทศ รวมทั้งจุดรับกล่อง/ซอง ณ อาคารอเนกประสงค์ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) และ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สำนักงานใหญ่ เป็นต้น โดยสามารถนำกล่องและซองมามอบให้ได้ไม่จำกัดจำนวนชิ้น จนถึงวันที่ 31 ตุลาคมนี้ นายก่อกิจ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับโครงการไปรษณีย์ reBOX เปลี่ยนกล่อง/ซองเป็นของขวัญปีใหม่ 2564 นั้น ทางไปรษณีย์ร่วมกับเอสซีจี แพคเกจจิ้งฯ รีไซเคิลกล่องและซองให้เป็นชุดโต๊ะเก้าอี้มอบให้โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนทุกแห่งทั่วประเทศ เพื่อเป็นประโยชน์กับการศึกษาต่อไป-สำนักข่าวไทย.

นาทีชีวิต! แผ่นเหล็กปลิวใส่หน้ารถเต็มแรง

สมุทรสาคร 17 ก.ย.- นาทีชีวิต! กล้องหน้ารถจับภาพระทึกแผ่นเหล็กปลิวจากรถส่งน้ำดื่ม ปะทะหน้ารถกระบะเต็มแรงบนสะพานแม่น้ำท่าจีน ถนนพระราม 2 สมุทรสาคร คนขับปลอดภัยรีบประคองรถขับตามคู่กรณีจนทัน เรียกประกันเคลียร์ค่าเสียหาย นายสัมพัฒน์ ยงรู้รอบ อายุ 46 ปี เจ้าของรถกระบะ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน ตผ 3945 กรุงเทพมหานคร ที่ได้รับความเสียหาย นำคลิปจากกล้องหน้ารถ ซึ่งบันทึกเหตุการณ์ระทึกขณะขับรถข้ามสะพานแม่น้ำท่าจีน ถนนพระราม 2 สมุทรสาคร ฝั่งเข้า กทม. โดยแล่นตามรถบรรทุกเล็กส่งน้ำดื่ม ปรากฏว่าแผ่นเหล็กจากท้ายรถลอยละลิ่วปะทะใส่หน้ารถอย่างแรงจนกระจกแตก นายสัมพัฒน์ เล่าว่า เหตุเกิดช่วงเที่ยงวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมา หลังจากแผ่นเหล็กปะทะหน้ารถแล้วก็ยังไม่ร่วงและยังปิดหน้ารถด้วย มองไม่เห็น จึงพยายามตั้งสติค่อย ๆ ประคองรถไว้ได้อย่างปลอดภัย ส่วนคู่กรณีไม่ได้หยุดรถ จึงรีบขับตามไปจนถึงตลาดทะเลไทย และบอกให้จอดรถพร้อมเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่คนขับคู่กรณีอ้างว่าไม่รู้เรื่อง จึงเปิดกล้องหน้ารถให้ดู จากนั้นได้เรียกประกันมาตกลงค่าเสียหาย ส่วนแผ่นเหล็กดังกล่าวเป็นแผ่นใช้รองแพ็กน้ำดื่มและมีหมุดยึดติดกับคอกรถ คาดว่าหมุดคงชำรุด ทำให้แผ่นเหล็กหลุดออก.-สำนักข่าวไทย

คดียักยอกงบประจวบฯ มีเค้า ขรก.ระดับสูงเอี่ยว

ประจวบคีรีขันธ์ 17 ก.ย.- ผู้การประจวบฯ ประชุมเข้มทีมสอบ สภ.เมือง หลังพนักงานอัยการคดีทุจริตฯ ให้รวบรวมข้อมูลเพิ่มในคดีอดีตพนักงานราชการยักยอกงบรัฐหลายสิบล้านบาท เบื้องต้นมีเค้าข้าราชการระดับสูงอาจเอี่ยวด้วย 2 ราย วันนี้ (17 ก.ย.) พล.ต.ต.สุรศักดิ์ สุขแสวง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เรียกประชุม พ.ต.อ.ธนากร วงศ์สิริลักษณ์ ผกก.สภ.เมือง และทีมสอบสวน เพื่อติดตามการทำสำนวนคดีและรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มน.ส.ขนิษฐา หอยทอง อายุ 28 ปี อดีตพนักงานราชการ สำนักงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ยักยอกงบประมาณราชการราว 40 ล้านบาท โอนผ่านระบบการเงินการคลังภาครัฐแบบอิเล็กทรอนิกส์ เข้าบัญชีส่วนตัว และถูกศาลออกหมายจับดำเนินคดีเมื่อเดือนมิถุนายน 2563 จากนั้นพนักงานสอบสวนได้นำตัวไปขออำนาจศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 จ.สมุทรสงคราม ฝากขังที่เรือนจำกลางจังหวัดสมุทรสงคราม และขณะนี้ น.ส.ขนิษฐา ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวเมื่อวันที่ 13 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยพนักงานอัยการได้แจ้งให้พนักงานสอบสวน สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ รวบรวมข้อมูลเพิ่มเติม พล.ต.ต.สุรศักดิ์ ได้กำชับให้ผู้รับผิดชอบดำเนินการสอบปากคำบุคคลเพิ่มตามที่พนักงานอัยการคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 จ.สมุทรสงคราม ร้องขอ รวมทั้งได้ประสานนายพัลลภ สิงหเสนี […]

สวทช.โชว์ต้นแบบรถเข็นสตรีทฟู๊ดไฮเทค

กรุงเทพฯ 17 ก.ย. สวทช. โชว์การออกแบบรถเข็นรักษ์โลกเวอร์ชั่น 3 แปลงโฉมรถขายข้าวแกงธรรมดา เป็นรถเข็นน้ําหนักเบาพร้อมระบบดูดควัน ระบบน้ําดี เพื่อสตรีทฟู้ด สะอาด ปลอดภัย ยกระดับพ่อค้า – แม่ค้าอาหารริมทาง นางเกศวรงค์ หงส์ลดารมภ์ ผู้ช่วยผู้อํานวยการสํานักงานพัฒนา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่าสวทช.ดําเนินการตามพันธกิจ ด้านการเตรียมพร้อมและสนับสนุนให้มีโครงสร้างพื้นฐานทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อสนับสนุนการ พัฒนาขีดความสามารถของประเทศ รวมถึงมีระบบคุณภาพการปฏิบัติงานทดสอบ สอบเทียบตรวจสอบรับรอง ในระดับสากล ซึ่งได้รับการยอมรับและทํางานร่วมกับหน่วยงานควบคุมภาครัฐ ตลอดจนมีประสิทธิภาพและความสามารถ ในการออกแบบวิศวกรรม ,การสร้างเครื่องจักรอุตสาหกรรม รวมไปถึงการพัฒนาแอปพลิเคชั่นทางด้าน simulation , AI และ Big Data และความสามารถในการตรวจสอบคุณสมบัติเฉพาะของวัสดุ อาหาร โลหะ ฯลฯ เพื่อรองรับอุตสาหกรรมหลักตามเป้าหมายของประเทศอย่างครอบคลุมและทั่วถึง และบริการให้คำปรึกษาในด้านการออกแบบวิศวกรรมที่ตอบโจทย์การใช้งานภาคอุตสาหกรรมและเอสเอ็มอี สําหรับการพัฒนาเพื่อแก้ปัญหาและตอบโจทย์ให้กับผู้ประกอบธุรกิจสตรีทฟู๊ดแบบตรงเป้านั้น นางเกศวรงค์ กล่าวว่าสวทช.เข้ามามีส่วนร่วมที่สําคัญ เพราะเล็งเห็นประโยชน์ที่เกิดกับผู้ประกอบอาหารริมทาง และผู้บริโภคโดยตรงที่จะได้จําหน่ายและบริโภคอาหารที่นอกจากเรื่องความอร่อยแล้วยังมีคุณภาพปลอดภัย และลดการปลดปล่อยของเสียเข้าสู่สิ่งแวดล้อม นอกเหนือจากนี้ ยังเล็งเห็นว่าธุรกิจสตรีทฟู๊ดยังเชื่อมโยงกับธุรกิจอื่นอีกมาก อาทิ ผู้ผลิตอุปกรณ์เครื่องจักร และอุปกรณ์ที่ประกอบเป็นรถเข็น อุปกรณ์ ที่ใช้ในรถเข็น และหรือ Food truck และอื่นๆ รวมถึงการใช้วัตถุดิบ หรือผลิตภัณฑ์อาหารจากโรงงานแปรรูป ประเภทต่างๆ และยังมีอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องจําพวกบรรจุ ภัณฑ์ ภาชนะใส่อาหาร อุปกรณ์เครื่องครัวต่างๆ ที่ได้ประโยชน์จากการเติบโตของสตรีทฟู๊ดโดยตรงอีกด้วย ทั้งนี้ สวทช. โดยศูนย์บริการปรึกษาการออกแบบและวิศวกรรมหรือ DECC นําความรู้ทางด้าน วิศวกรรมและการออกแบบเข้ามาช่วย Matching ความต้องการที่แท้จริงของสตรีทฟู๊ดเพราะการตอบโจทย์ หรือแก้ปัญหาให้ลูกค้านับวันจะเป็นปัจจัยสําคัญที่จะทําให้ตัดสินใจว่าจะซื้อหรือไม่ซื้อ ใช้หรือไม่ใช้โดยนอกเหนือจากการ สนับสนุนทางด้านเทคโนโลยีแล้วยังมีการสนับสนุนงบประมาณบางส่วนเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระผู้ประกอบการ และกระตุ้นให้เกิดการขยายงานใช้จริงในวงกว้างต่อไปด้วย นายอัมพร โพธิ์ใย ผู้อํานวยการ ศูนย์บริการศึกษาการออกแบบและวิศวกรรม (DECC) กล่าวว่า รถเข็นรักษ์โลกสําหรับStreet food ในเวอร์ชั่นที่ 3 เป็นการต่อยอดจาก รถเข็นเวอร์ชั่นแรกที่ผู้ประกอบการกะเพราซาวห้า ได้รับการสนับสนุนจากDECC สวทช. ในการพัฒนาปรับปรุงเพื่อพลิกโฉมรถกะเพราซาวห้า โดยมีโจทย์ที่ท้าทายคือ ต้องสามารถลดน้ําหนักรถเข็นให้มีน้ําหนักเบาที่สุด เพิ่มประสิทธิภาพ การดูดควันให้สามารถใช้งานในพื้นที่ปิดได้ รวมทั้งปรับปรุงระบบบําบัดน้ําให้ทํางานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และในวันนี้ DECC สวทช. ได้ดําเนินการพัฒนานวัตกรรมรถเข็นรักษ์โลกเพื่อสตรีทฟู้ดที่สมบูรณ์แบบที่สุดสําเร็จ แล้วโดยการพัฒนาในเวอร์ชั่นที่ 3 นี้ เป็นรถเข็นน้ําหนักเบาพร้อมระบบน้ําดี, ถังบําบัดและซิงค์น้ํา+ ระบบ ดูดควัน + หัวเตาแก๊ส 2 หัว โดยคุณสมบัติที่สําคัญของรถ มีระบบน้ําทิ้งและน้ําดี โดยมีชุดถังดักไขมันด้านในของรถเข็นจากระบบน้ําทิ้ง และสํารองน้ําดี เพื่อใช้ ล้างกระทะและซิงค์ ระบบดูดและบําบัดควัน เพื่อทําการดูดควันจากการใช้เตาแก๊สและบําบัดควัน ก่อนปล่อยควันที่ไม่เป็น มลพิษคืนสู่อากาศ ระบบสํารองไฟส่องสว่างแบบ LED ช่วยลดพลังงานการใช้ไฟฟ้า ระบบต่างๆ เช่น ระบบดูดควัน และระบบสํารองน้ํา และสามารถถอดประกอบได้ อย่างไรก็ตามพร้อมที่จะพัฒนารถเข็นเพื่อตอบโจทย์ผู้ประกอบการในอนาคต โดยอาจใช้ระบบโซล่าเซลล์เข้ามาใช้แทนเตาแก๊สเพื่อเป็นการประหยัดพลังงาน คุณพงษ์ศรชัย สมิตะสิริ เจ้าของร้านคั่วกลิ้งผักสดโฮมเมดรสจัดจ้านแนวอาหารใต้ที่ขายมานานกว่า 13 ปี และเจ้าของร้านข้าวแกงพ่อมหา แบรนด์ใหม่ กล่าวว่าในช่วงโควิด-19 เล็งเห็นว่ารูปแบบการซื้อขายอาหารเปลี่ยนแปลงไป เป็นยุคNew Normal ที่ต้องสะอาดสะดวกปลอดภัยได้มาตรฐาน จึงได้สั่งรถเข็นรักษ์โลกเวอร์ชั่น 3 มาใช้ซึ่งตอบโจทย์กับทางร้านเป็นอย่างมากเนื่องจากร้านเปิดขายในเมืองที่มีคนพลุกพล่าน จึงต้องใส่ใจในเรื่องความสะอาดที่เป็นหัวใจสำคัญ อีกทั้งคำนึงถึงเรื่องสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัยทั้งในเรื่องของกลิ่นอาหาร และระบบน้ําดี ระบบบําบัดน้ํา และรถเข็นยังมีน้ําหนักเบาจึงสามารถเคลื่อนย้ายได้อย่างสะดวก ประกอบกับการออกแบบที่ลงตัวทําให้ใช้งานได้ง่าย เหมาะกับช่วงเวลาเร่งด่วนของคนเมืองได้เป็นอย่างดี อีกทั้งเสริมสร้าง ภาพลักษณ์ที่ดีของการท่องเที่ยวเชิงอาหารของประเทศ กระตุ้นภาคธุรกิจในเรื่องการสร้างอาชีพหลังจากทดลองใช้งานรถเข็นรักษ์โลกเวอร์ชั่น 3 คันแรกต่อมาจึงได้ทําการสั่งจองรถเข็นรักษ์โลกเพิ่มเติมอีก 1 คัน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนํารถมาต่อยอดกิจการสําหรับการขายอาหารประเภทข้าวแกง โดยให้ DECC สวทช.ปรับรูปแบบฟังก์ชั่นการใช้งานให้เหมาะสําหรับการจําหน่ายข้าวแกงโดยเฉพาะ ได้แก่ การเพิ่มช่องใส่อาหารจํานวน 10 ช่อง พร้อมระบบอุ่นอาหาร ตัดซิงค์ด้านข้างออก ปรับขนาดเครื่องดูดควันให้มีขนาดเล็กลงเพื่อความคล่องตัวในการเคลื่อนย้าย สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจรถเข็น สะดวก สะอาด ปลอดภัย ได้มาตรฐาน 2-3 โมเดลที่มีอยู่ในราคาพิเศษประมาณ 20,000- 35,000 บาท จากราคาเต็ม ประมาณ70,000 บาท สำหรับ100 คันแรกเท่านั้นสามารถสั่งจอง ผ่านทางออนไลน์ หรือ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 025646310 -11 หรือ www.decc.or.th/streetfood -สำนักข่าวไทย.

เขื่อนวังยางพร่องน้ำรับฝนตกหนักจาก “โนอึล”

มหาสารคาม 17 ก.ย.- หน.ฝ่ายส่งน้ำฯ เขื่อนวังยาง ประเมินการระบายน้ำเตรียมรับฝนตกหนักระยะนี้จากพายุ “โนอึล” ล่าสุดพร่องน้ำเพิ่มอีก 100,000 ลบ.ม. พร้อมเตือนชุมชนริมน้ำชีเฝ้าระวัง นายพัฒนะ พลศรี หัวหน้าฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 3 เขื่อนวังยาง โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาพัฒนาลุ่มน้ำชีตอนกลาง เปิดเผยถึงการรับมืออิทธิพลพายุ “โนอึล” ว่า วันนี้เขื่อนวังยางได้เพิ่มการระบายน้ำอีก 100,000 ลูกบาศก์เมตร เป็น 850,000 ลูกบาศก์เมตร จากวานนี้ระบายออก 750,000 ลูกบาศก์เมตร โดยพร่องน้ำลงให้มีน้ำหน้าเขื่อนอยู่ระหว่าง 90-100% เพื่อรองรับปริมาณน้ำฝนในระยะนี้ ซึ่งเขื่อนวังยางจะประเมินสถานการณ์เป็นระยะ เพื่อพิจารณาการปรับการระบายน้ำให้เหมาะกับสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำชีเฝ้าระวังและติดตามข่าวสารจากทางการอย่างใกล้ชิด หรือเก็บทรัพย์สินขึ้นบนที่สูงไว้ล่วงหน้า เพื่อความไม่ประมาท.-สำนักข่าวไทย

ดีแทคปรับกลยุทธ์บริการซิมเติมเงิน

กรุงเทพฯ 17 ก.ย. ดีแทคเติมเงินปรับกลยุทธ์ซูจุดยืนเป็นมากกว่าซิมเติมเงิน มุ่งเติมความต้องการของผู้ใช้บริการด้วยความเข้าใจ นายฮาว ริเร็น รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มการตลาด บริษัท โทเทิ่ลแอ็คเซ็สคอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทคกล่าวว่าความท้าทายจากสถานการณ์โดวิด-19 วิถีชีวิตแบบใหม่และพฤติกรรมออนไลน์ ดีแทคพบว่าผู้ใช้บริการมีปริมาณการใช้งานดาต้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 20 ปริมาณการใช้งานดาต้าต่อเดือนต่อผู้ใช้งานแบบเติมเงินเมื่อเทียบกับปีก่อน 5 เท่า หรือมีการใช้งานเพิ่มขึ้นร้อยละ 70 ต่อเดือน โดยมีการใช้งานระบบเติมเงินตั้งแต่เดือนม.ค.-ส.ค. ที่ผ่านมาถึง 97 ล้านครั้ง ปริมาณการใช้งานดาต้าในพื้นที่ภูมิภาคนั้นเติบโตสูงกว่ากรุงเทพฯเพิ่มขึ้น 5 เท่าหลังสถานการณ์โดวิด-19 มีจำนวนผู้ใช้งานในระบบเติมเงินเพิ่มขึ้น 2 เท่าบนดีแทคแอปที่เพิ่มขึ้นในแต่ละเดือนเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนดีแทคเห็นว่าการเชื่อมต่อเป็นสิ่งจำเป็นรวมทั้งบริการที่แสดงถึงความหวงใยและต้องการเข้าไปมีบทบาทในการช่วยเหลือสนับสนุนการดำเนินชีวิตประจำวันของลูกค้าการปรับจุดยืนใหม่ของแบรนด์ดีแทคเติมเงินครั้งนี้ยังได้เน้นที่ความเข้าใจในสิ่งที่ลูกค้าต้องการในชีวิตและมีความพยายามที่จะตอบสนองความต้องการให้เป็นมากกว่าแคซิมเติมเงิน แต่เดิมชีวิตให้ไปต่อได้ด้วย 3 สิ่งดีคือ สัญญาณดี ราคาดีและบริการใจดี  ด้วยวิกฤตของโควิด-19 ทำให้ผู้ใช้บริการเปลี่ยนพฤติกรรมโดยนอกจากใช้งานดาต้ามากขึ้น ยังอยู่บ้านมากขึ้นด้วยเราจึงทีการพัฒนาเพื่อเสาส่งสัญญาณเพิมขึ้นเฉลี่ยชัวโมงละ 1 เสา ัเพื่อรองรับผู้ใช้ย่้ดีแทคยังเร่งขยาย Massivo MIMO ในพื้นที่ที่มีการใช้งานหนาแน่นทั่วประเทศเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานที่ดีกว่าเดิม 3 เท่า และกำลังขยายบริการ 4G เพิ่มขึ้นทั่วประเทศโดยนำคลื่น 700 เมกกะเฮิรตซ์ มาเพิ่มความครอบคลุมของสัญญาณในภูมิภาคสำคัญทั่วไทยโดยพร้อมที่จะให้บริการหลังจากกสทชได้มอบใบอนุญาตใช้งานคลื่นความถี่ 700 เมกกะเฮิรตซ์ ดีแทคตั้งเป้าจะขยายบริการ 4G-TDD บนคลื่น 2300 เมกกะเฮิรตซ์ ที่ให้บริการบนคลื่นทีโอทีเป็นจำนวนมากกว่า 20,000 สถานีฐานภายในปี 2563 เพื่อตอกย้ำในความเป็นผู้นำการให้บริการ 4G-TDD ซึ่งเป็นระบบที่สมาร์ทโฟนและอุปกรณ์สื่อสารของลูกค้าดีแทคมากกว่าร้อยละ 76 รองรับการใช้งาน นอกจากนี้ ดีแทคได้จับมือพันธมิตรข้ามอุตสาหกรรมภายใต้กลยุทธ์การยกระดับบริการซิมเติมเงิน โดยประกาศความร่วมมือกับพันธมิตรที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มธุรกิจเดียวกัน อาทิ บริษัท พีทีจีเอนเนอยี จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการสถานีบริการน้ำมัน บริษัท ไทยน้ำทิพย์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภเดอะโคคา-โคลาคอมปานีและธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ด้วยการแจกฟรี“ ซิมเติมสุข” เพื่อให้ลูกค้าได้ทดลองใช้ซิมดีแทคเติมเงินดีแทคเติมเงินมาสู่ขอคนไทย-สำนักข่าวไทย.

คุมตัวผู้โดยสารทำแผนขโมยรถแท็กซี่หนีข้ามจังหวัด

ผู้ก่อเหตุขโมยรถแท็กซี่หนีจากปั๊มน้ำมันย่านบางคล้า-แปดริ้ว ขณะคนขับเข้าห้องน้ำ ถูกนำตัวมาทำแผนรับสารภาพ เจ้าตัวอ้างตกงานช่วงโควิด

ชนสนั่นถนนกาญจนบุรี เจ้าของเต็นท์รถเสียชีวิต

กาญจนบุรี 16 ก.ย.- อุบัติเหตุเศร้า! เจ้าของเต็นท์รถประสบอุบัติเหตุรถชนกันอย่างแรงถนนสายกาญจนบุรี-ลาดหญ้า เสียชีวิต ส่วนลูกน้องคนสนิทบาดเจ็บ รวมคนขับรถคู่กรณี พ.ต.ท.ชัยวัชริศ สิงห์สังข์ สารวัตร (สอบสวน) สภ.เมืองกาญจนบุรี ประสานแพทย์โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา และมูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ เข้าจุดเกิดเหตุรถชนกันอย่างแรงเมื่อเวลาประมาณ 09.45 น. วันนี้ (16 ก.ย.) ทำให้มีผู้เสียชีวิตบริเวณถนนสายกาญจนบุรี-ลาดหญ้า ต.หนองบัว โดยพบรถกระบะ สีขาว ทะเบียน บว 5891 กาญจนบุรี สภาพด้านหน้าซ้ายเสียหาย ใกล้กันมีผู้เสียชีวิตเป็นชาย อายุ 35 ปี และบาดเจ็บ 1 ราย เป็นชาย อายุ 25 ปี ส่วนอีกคันเป็นรถกระบะ สีขาว ทะเบียน บย 6435 กาญจนบุรี ด้านหน้าได้รับความเสียหายเช่นกัน คนขับบาดเจ็บเป็นหญิง อายุ 62 ปี ขณะเดียวกันมีญาติผู้เสียชีวิตเดินทางมาที่เกิดเหตุและให้การเบื้องต้นว่า ผู้เสียชีวิตเป็นเจ้าของเต็นท์รถมือสองในพื้นที่กาญจนบุรี และเดินทางมากับลูกน้องคนสนิทเพื่อไปทำธุระที่อำเภอไทรโยค […]

1 36 37 38 39 40 16,774
...