ไม่ชินทาง! รถตกคูน้ำทางโค้งดับ 4

ชลบุรี 20 ก.ย.- อุบัติเหตุสลดเช้ามืด ฟอร์จูนเนอร์ไม่ชินเส้นทางเสียหลักทางโค้งถนนสายพนัสนิคม-ชลบุรี ตกคูน้ำเสียชีวิต 4 ราย เจ็บอีก 3 พ.ต.ท.ศิริศักดิ์ อรัญศรี สารวัตร (สอบสวน) สภ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี ประสานชุดเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบอุบัติเหตุเมื่อเช้ามืด (20 ก.ย.) จากรถยนต์รุ่นฟอร์จูนเนอร์ สีดำ ทะเบียน ญน 4183 กรุงเทพมหานคร ตกคูน้ำย่านถนนสายหนองโพนากลาง หมู่ 7 ต.ไร่หลักทอง อ.พนัสนิคม เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยสว่างทุ่งเหียงเร่งช่วยเหลือนำผู้ประสบเหตุขึ้นมาได้ทั้ง 7 ราย และรีบปั้มชีพจรหัวใจ นำส่งโรงพยาบาล 3 ราย ส่วนอีก 4 ราย เสียชีวิตแล้ว หญิงคนขับที่บาดเจ็บให้การเบื้องต้นว่า ขับรถมาไม่ชินเส้นทาง เมื่อเข้าโค้งหักศอก รถเสียหลักพุ่งตกคูน้ำ คนในรถพยายามทุบกระจกด้านหลังจนแตก และบางคนออกมาไม่ทันคงสำลักน้ำ.-สำนักข่าวไทย

“โนอึล” ฟาดหาง น้ำป่าภูกระดึงหลากท่วม

เลย 20 ก.ย.- จังหวัดเลยฝนตกหนักทั้งคืน แม้พายุโนอึลอ่อนกำลังแล้ว แต่บนภูกระดึงมีฝนสะสมเกิน 100 มม. เกิดน้ำป่าหลากเช้ามืดท่วมชุมชนริมฝั่งบ้านห้วยเดื่อ สภาพหมู่บ้านห้วยเดื่อ หมู่ 8 ต.ศรีฐาน อ.ภูกระดึง จ.เลย ประสบภาวะน้ำท่วมฉับพลันตั้งแต่เช้ามืด (20 ก.ย.) หลังเกิดฝนตกหนักตลอดคืนที่ผ่านมา ทำให้น้ำป่าจากอุทยานแห่งชาติภูกระดึงไหลลงสู่ลำน้ำพองอย่างรวดเร็วและเอ่อท่วมบ้านเรือน 15 หลังคาเรือน ชาวบ้านต้องเร่งขนย้ายสิ่งของและมาพักชั่วคราวอยู่ริมถนนภายในเต็นท์ที่ อบต.นำมาช่วยเหลือ พร้อมประสานกำนันผู้ใหญ่บ้านช่วยกันสำรวจความเสียหาย เพื่อรายงานไปยังอำเภอและจังหวัดล่าสุดระดับน้ำเริ่มลดลงอย่างช้า ๆ คาดว่าจะกลับสู่ภาวะปกติค่ำวันนี้ หากไม่มีฝนตกซ้ำอีก แม้ขณะนี้พายุโนอึลจะอ่อนกำลังลงแล้ว แต่สภาพอากาศในจังหวัดเลยท้องฟ้ายังครึ้มฝน สถานีอุตุนิยมวิทยาจังหวัดเลยรายงานปริมาณฝนสะสมรอบ 24 ชม. (19-20 ก.ย.63) วัดได้สูงสุดที่อุทยานแห่งชาติภูกระดึง 123.4 มม. ส่วน อ.ท่าลี่ 78.0 มม. อุทยานแห่งชาติภูเรือ 56.4 มม. เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง อ.ภูเรือ 50.0 มม. ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรที่สูงเลย อ.ภูเรือ 44.0 มม. และ […]

ยึดกระท่อมผงซุกป่าชายแดนประจวบฯ

ประจวบคีรีขันธ์ 20 ก.ย.- ไม่รอดตา! ชุดสนธิกำลังประจวบฯ เฝ้าระวังเข้มชายแดน ยึดกระสอบใส่ใบกระท่อมผง 105 กก. ซุกป่าละเมาะใกล้แนวด่านสิงขร จ่าเอกแก้ว คงวงศ์ ป้องกันจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมชุด อส. ร่วมกับหทารชุดเฉพาะกิจจงอางศึก ตชด.ที่ 146 และ อส. ออกลาดตระเวนใกล้แนวชายแดนจุดผ่อนปรนพิเศษด่านสิงขร ต.คลองวาฬ อ.เมือง ตลอดคืนที่ผ่านมา เพื่อป้องปรามสิ่งผิดกฎหมายและตามมาตรการคุมเข้มโควิด-19 โดยเน้นตามช่องทางธรรมชาติ เนื่องจากระยะนี้มักจะมีแรงงานต่างด้าวใช้ลักลอบข้ามแดน ประกอบกับฝั่งประเทศเพื่อนบ้านยังมีการระบาดของโควิด-19 ปรากฏว่าเมื่อเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนมาถึงพื้นที่หมู่ 6 ต.คลองวาฬ พบกระสอบต้องสงสัยซุกซ่อนอยู่ในป่าละเมาะ 4 ใบ จึงเข้าตรวจสอบอย่างระมัดระวังภายในเป็นใบกระท่อมบดผงน้ำหนัก 105 กิโลกรัม และยึดไว้เป็นของกลางส่ง สภ.คลองวาฬ เพื่อสืบหาที่มาที่ไป.-สำนักข่าวไทย

กระทรวงดีอีเอสเตือนอย่าหลงเชื่อทวิตเตอร์ชื่อคล้าย

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. กระทรวงดีอีเอส แจงผ่านเฟสบุ๊ก มีการใช้บัญชีทวิตเตอร์ชื่อคล้าย ขอประชาชนอย่าหลงเชื่อ ผู้สื่อข่าวรายง เพจเฟซบุ๊ก กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสีงคม (ดีอีเอส ) โพสต์แจ้ง การใช้บัญชีทวิตเตอร์ชื่อเดียวกับกระทรวงฯ ว่า #บัญชีทวิตเตอร์ปลอม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) แจ้งเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลใดๆจากบัญชีทวิตเตอร์ด้านล่าง (ใช้ชื่อว่า MDES @MDES_Thailand (ซึ่งเป็นชื่อคล้ายกับชื่อย่อของกระทรวงดีอีเอส)) ขอชี้แจงว่าผู้ใช้รายนี้ทำให้เกิดความเข้าใจที่ผิดไป และทำให้กระทรวงฯ เกิดความเสียหาย กระทรวงฯ อยู่ระหว่างพิจารณาการดำเนินคดีต่อบัญชีผู้ใช้ทวิตเตอร์ดังกล่าว-สำนักข่าวไทย.

ฝน “โนอึล” กระหน่ำท่วมหลายจังหวัดอีสาน

ภูมิภาค 19 ก.ย.- พายุ “โนอึล” สร้างความเสียหายหลายจังหวัดภาคอีสาน มหาสารคามเสาไฟล้มเกือบ 10 ต้น ที่วาปีปทุม คาดค่ำนี้จ่ายไฟได้ ส่วนโคราชน้ำยังสูงกว่าเมตร ชุมชนท้าวสุระ บุรีรัมย์ท่วมหลายอำเภอ มากสุดแคนดง มหาสารคามเสาไฟล้มเกือบสิบต้น นายเกียรติศักดิ์ จันทรา ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม ได้รับรายงานความเสียหายจากฝนตกต่อเนื่องช่วงพายุโนอึล ล่าสุด (19 ก.ย.) มีพื้นที่ได้รับผลกระทบแล้ว 6 อำเภอ 7 ตำบล 7 หมู่บ้าน ได้แก่ อ.กุดรัง นาเชือก วาปีปทุม ยางสีสุราช กันทรวิชัย และบรบือ นอกจากบ้านเรือนยังยุ้งฉางและคอกสัตว์ จึงกำชับแต่ละอำเภอเร่งให้การช่วยเหลือในเบื้องต้น และสำรวจความเสียหายเพิ่มเติม โดยจังหวัดพร้อมให้การสนับสนุนและช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ สำหรับ อ.วาปีปทุม ได้รับผลกระทบ 6 หมู่บ้าน กว่า 50 หลังคาเรือน ส่วนใหญ่ถูกลมพัดหอบหลังคาหายไปทั้งแถบ รวมทั้งโรงสีย่านถนนบ้านนาเลา-หนองคูม่วง โครงเหล็กหลังคาพังลงมา ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ นอกจากนี้ ยังมีเสาไฟฟ้าล้มเกือบ […]

รมว.ดีอีเอสวอนผู้ชุมชนอย่าใช้โซเชียลสร้างความแตกแยก

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. “พุทธิพงษ์” เตือนผู้ชุมนุมอย่าใช้โซเชียล บิดเบือน ยุยง ปลุกปั่น สร้างความแตกแยก ย้ำห้ามละเมิดสถาบันหลักของชาติ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัล เพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอีเอส  โพสต์ข้อความในบัญชีเฟซบุ๊กส่วนตัว กรณีการชุมนุมของกลุ่มกลุ่มเยาวชนปลดแอก ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์นั้น ว่า การร่วมชุมนุม สามารถทำได้ตามหลักสิทธิเสรีภาพ ภายใต้กรอบของรัฐธรรมนูญ แต่ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย  โดยเฉพาะการโพสต์ข้อความ ผ่านทางโซเชียลมีเดียทุกช่องทาง ขอให้กระทำด้วยความระมัดระวัง ไม่เผยแพร่ข้อความที่เป็นเท็จ บิดเบือนหรือข่าวปลอม  รวมถึงต้อง ไม่ยุยง ปลุกปั่น สร้างความแตกแยกในสังคม  ไม่ทำให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงด้านเศรษฐกิจ ที่สำคัญ ต้องไม่ละเมิดสถาบันหลักของประเทศ  เพราะการ กระทำดังกล่าว จะเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ กระทรวงดิจิทัลฯ จะติดตามและเก็บรวบรวมพยานหลักฐาน  หากมีการกระทำความผิด เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องดำเนินการในทางคดีอย่างจริงจัง-สำนักข่าวไทย.

ลพบุรีน้ำป่าหลากสระโบสถ์ท่วม 7 หมู่บ้าน

ลพบุรี 19 ก.ย.- ฝนตกหนักตลอดคืนหลายพื้นที่จังหวัดลพบุรี เกิดน้ำป่าหลากอำเภอสระโบสถ์ท่วม 7 หมู่บ้าน เจ้าหน้าที่เร่งช่วยเหลือ สภาพพื้นที่จังหวัดลพบุรีเช้านี้ (19 ก.ย.) ยังมีฝนตกต่อเนื่องจากคืนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลของอิทธิพลพายุโนอึล โดยเฉพาะอำเภอสระโบสถ์ วัดปริมาณน้ำฝนได้ 172 มิลลิเมตร ที่ ต.มหาโพธิ และเกิดน้ำป่าไหลหลากท่วม 7 หมู่บ้าน กว่า 300 หลังคาเรือน ระดับน้ำเฉลี่ย 20-30 เซนติเมตร มากสุดที่บ้านมหาโพธิน้ำสูงเกือบ 1 เมตร เนื่องจากเป็นที่ลุ่มต่ำ เจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานพร้อมจิตอาสา และกู้ภัยเร่งให้การช่วยเหลือทั้ง 7 หมู่บ้าน ซึ่งปริมาณน้ำดังกล่าวจะไหลไปสู่พื้นที่ อ.โคกสำโรง และอำเภอบ้านหมี่ ก่อนลงคลองชัยนาท-ป่าสัก ชาวบ้านเล่าว่าน้ำป่าจากเทือกเขาวังไผ่ เทือกเขาวังแขม และเทือกเขาฝาละมี ได้เริ่มไหลหลากเข้าหมู่บ้านช่วงเวลาประมาณ 05.50 น. ขณะนี้ฝนยังตกต่อเนื่อง.-สำนักข่าวไทย

ปิดชั่วคราว! ฝนโนอึลถล่มเขาใหญ่ หินสไลด์

อุทยานฯ เขาใหญ่ ประกาศปิดพื้นที่ชั่วคราว หลังฝนกระหน่ำตลอดคืนจากฤทธิโนอึล หินสไลด์-ต้นไม้ล้มขวางเส้นทางขึ้น-ลงอุทยานฯ

กฝผ.จับมือสวทช.พัฒนาระบบเก็บพลังงานไฟฟ้า

กรุงเทพฯ 18 ก.ย. สวทช.จับมือ กฟผ. ชูความสําเร็จ ระบบกักเก็บพลังงานอัจฉริยะ สู่ความมั่นคงทางพลังงานไฟฟ้าตอบโจทย์ สภาวะฉุกเฉิน  นางเกศวรงค์ หงส์ลดารมภ์ ผู้ช่วยผู้อํานวยการสํานักงานพัฒนา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า สวทช. พร้อมและสนับสนุนให้มีโครงสร้างพื้นฐานทางด้านวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยีเพื่อสนับสนุนการพัฒนาขีดความสามารถของประเทศ ในด้านต่างๆ โดยเฉพาะกลุ่มโครงสร้างพื้นฐานด้าน คุณภาพของประเทศ หรือNational Quality Infrastructure หรือ NQI ซึ่งปัจจุบันสวทช.ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ด้านนี้เป็นมูลค่ากว่าพันล้านบาทครอบคลุมหลายกลุ่มผลิตภัณฑ์ โดยหนึ่งในนั้นคือ ระบบกักเก็บพลังงานอัจฉริยะ หรือ Energy Storage ที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ไว้วางใจให้ สวทช.ร่วมดําเนินการ ซึ่งเป็นการใช้ระบบกักเก็บพลังงานแบตเตอรี่อัจฉริยะ มาบริหารจัดการพลังงานจากแหล่งผลิตและการใช้งาน โดยที่การใช้พลังงานสะอาด เช่น พลังงานลม หรือโซล่าร์เซลล์นั้น เป็นที่ทราบกันว่ามีความไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับแสงแดด ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ในขณะเดียวกัน การใช้ไฟฟ้ามีการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน ขึ้นอยู่กับการใช้งาน (Load) การที่จะทําให้แหล่งผลิต (Source) และLoad มีความสัมพันธ์กันนั้นเป็นเรื่องลําบาก ดังนั้นในโครงการนี้จึงใช้ระบบกักเก็บพลังงานแบตเตอรี่อัจฉริยะในการบริหารจัดการให้มีความสัมพันธ์กัน โดยอาศัยองค์ความรู้และศักยภาพของศูนย์บริการปรึกษาการออกแบบ และวิศวกรรมหรือ DECC ในการออกแบบนําแบตเตอรี่ในระดับเซลล์มาประกอบเป็น แบตเตอรี่ระดับ โมดูลแพ็ค เพื่อนําไปใช้งานเฉพาะแบบทางด้านกักเก็บพลังงานทดแทนและปัจจุบันใช้งานจริงโดยมี Proven sites อยู่ที่ลําตะคองจ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นระบบกักเก็บจากพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ ที่ทับสะแก จังหวัด ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นระบบกักเก็บพลังงานแสงอาทิตย์จึงมีความสําคัญและนับเป็นก้าวสําคัญในการการพัฒนาอุตสาหกรรมพลังงานยุคใหม่ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้เกิดอุตสาหกรรมการใช้พลังงานสีเขียวในประเทศ ให้มีพลังงานไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน เช่นช่วงวิกฤต โควิด-19 ทั้งนี้ปัจจุบันระบบกักเก็บพลังงานดังกล่าวได้รับการรับรองให้ขึ้นบัญชีนวัตกรรมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นายอัมพร โพธิ์ใย ผู้อํานวยการศูนย์บริการปรึกษาการออกแบบและวิศวกรรม (DECC) กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยยังไม่มีการผลิตแบตเตอรี่ระดับเซลล์ (Cell battery) สําหรับยานยนต์ไฟฟ้าและแหล่งกักเก็บพลังงานในประเทศเนื่องจากไทยไม่มีวัตถุดิบในการทําขั้วแบตเตอรี่เหมือนกับประเทศจีนและประเทศในอเมริกากลาง ดังนั้นอุตสาหกรรมในประเทศจึงมีการซื้อแบตเตอรี่ระดับเซลล์มาจาก ต่างประเทศแล้วนํามาประกอบกันเป็น แบตเตอรี่โมดูล (Battery module) และแบตเตอรี่แพ็ค (Battery pack) และนําไปประยุกต์ใช้งานตามความต้องการการใช้พลังงานในแต่ละแบบอย่างไรก็ตามหากจะซื้อ แบตเตอรี่ในระดับโมดูล แล้วมาประกอบเป็นแบตเตอรี่แพ็คนั้น มักจะประสบปัญหาการนําไปใช้งาน เนื่องจาก แบตเตอรี่ในระดับโมดูลนั้น ผู้ผลิตมักจะจํากัดจํานวนเซลล์เป็นจํานวนเฉพาะมาด้วย และกระแสไฟฟ้าที่ผลิตได้ก็จะขึ้นกับจํานวนเซลล์ที่นํามาต่อกัน หากเราต้องการออกแบบแบตเตอรี่ ให้มีแรงดันไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้าเพื่อใช้งานเฉพาะ จะไม่สามารถทําได้ เนื่องจากบริษัทที่ขายแบตเตอรี่โมดูลจะไม่ทําตามขนาดของเราเป็นการเฉพาะ หรือหากทําได้ก็ต้องใช้วงจร อิเล็กทรอนิกส์ในการแปลงแรงดันและกระแสไฟฟ้าเพิ่มเข้าไปอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งวิธีการนี้จะทําให้ราคาของแบตเตอรี่ โมดูลสูงขึ้น ทําให้มีน้ําหนักเพิ่ม แต่อาจเป็นสาเหตุให้เกิดอันตรายตามมาได้อีกเช่น การติดไฟ การเสื่อมสภาพของแบตเตอรี่ในเวลาสั้น ฯลฯ นายอัมพร กล่าวว่า ความเชี่ยวชาญและความสามารถในการออกแบบแบตเตอรี่ระดับโมดูล แพ็คของ DECCในการพัฒนาและออกแบบแบตเตอรี่ระดับโมดูล ต้องอาศัยระบบการบริหารจัดการพลังงานของแบตเตอรี่ (Battery Management System: BMS) ในระดับเซลล์ที่ถูกนํามาต่อร่วมกันจํานวนมาก โดยต้องบริหารจัดการ ทั้งการประจุไฟฟ้า (Charge) การคายประจุไฟฟ้า (Discharge) และการควบคุมทั้งอุณหภูมิ แรงดันไฟฟ้า และกระแสไฟฟ้าทั้งนี้เพื่อให้ประสิทธิภาพการทํางานออกมาตามที่ออกแบบ และมีความปลอดภัยสามารถนําไปใช้ งานได้ในการบริหารจัดการทํางานของแบตเตอรี่ (Battery Management System, BMS) จะมีวงจร อิเล็กทรอนิกส์และเซ็นเซอร์(Sensors) เช่นระบบควบคุมด้านความร้อน (Thermal Management System) กระแสไฟฟ้า และแรงดันไฟฟ้าประกอบกัน จากนั้นการนําแบตเตอรี่หลายๆโมดูลไปต่อรวมกันกลายเป็นแบตเตอรี่ แพ็ค ก็จะมีวงจรควบคุมตัวหลัก (Master BMS) คอยบริหารจัดการแบตเตอรี่ในระดับโมดูลอีกที จะเห็นได้ว่าหาก สามารถออกแบบแบตเตอรี่ในระดับโมดูลได้ก็จะเป็นการง่ายที่จะนําไปต่อขยายกันกลายเป็นแบตเตอรี่ ในระดับแพ็คได้ และทําให้สามารถออกแบบได้ตามวัตถุประสงค์ในการใช้งานแต่ละประเภทได้ทั้งนี้การออกแบบแบตเตอรี่โดยมีวงจรควบคุม BMS เป็นเรื่องใหม่สําหรับประเทศไทย ต้องใช้ความรู้ขั้นสูง แต่ก็มีความสําคัญอย่างมาก การนําเซลล์ที่ผลิตจากแหล่งอื่นมารวมกันแบบอนุกรมและแบบขนานเป็นแบตเตอรี่ โมดูล (Battery module) ต้องมีการตรวจสอบคุณสมบัติทางไฟฟ้าในแต่ละเซลล์และนํามาบริหารจัดการเพื่อให้ได้ พลังงานทั้งการประจุและการคายประจุตามที่ต้องการ ทั้งนี้หากอุตสาหกรรมหรือนักออกแบบในประเทศสามารถพัฒนาวิธีการควบคุมแบตเตอรี่ได้ จะช่วยส่งเสริมให้เกิดอุตสาหกรรมเพื่อการนําแบตเตอรี่ไปใช้ขึ้นอีก มากมาย เช่น ใช้ในเครื่องมือแพทย์ การบิน การทหาร การขนส่ง ฯลฯ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการสร้างความมั่นคงด้าน พลังงานของประเทศได้อย่างยั่งยืนต่อไป ทั้งนี้อุตสาหกรรมที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 025646310 -11 หรือwww.decc.or.th-สำนักข่าวไทย.

ฝนโนอึลซัดอุบลฯ ท่วมถนนย่านเศรษฐกิจวารินชำราบ

อุบลราชธานี 18 ก.ย.- อุบลฯ เจอฤทธิ์ “โนอึล” ทั้งวัน ดินชุ่มฝนอ่อนตัวต้นไม้โค่นขวางทาง ถนนย่านเศรษฐกิจอำเภอวารินชำราบจมน้ำกว่า 50 ซม. ไม่เห็นเกาะกลาง เจ้าหน้าที่คอยดูแลอุบัติเหตุ คลื่นน้ำจากรถแล่นผ่านซัดเข้าบ้าน สถานการณ์ฝนตกหนักมานานเกือบ 24 ชั่วโมง ในจังหวัดอุบลราชธานีจากพายุโซนร้อนโนอึล ล่าสุดส่งผลกระทบมากขึ้น ดินชุ่มน้ำต้นเกิดอ่อนตัว ทำให้ต้นขี้เหล็กขนาดใหญ่บริเวณโรงกำจัดขยะมูลฝอยของโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์โค่นล้มขวางสี่แยกถนนนครบาลตัดกับสุริยาตร์ ต.ในเมือง อ.เมือง เจ้าหน้าที่กู้ภัยองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) อุบลราชธานี เร่งนำเลื่อยยนต์มาตัดกิ่งต้นไม้ เพื่อเปิดเส้นทางการจราจร ขณะเดียวกันมีรายงานว่าอีกต้นไม้ล้มอีกหลายจุดตามชานเมืองของอำเภอเมืองและวารินชำราบ ส่วนถนนวารินชำราบ-กันทรลักษ์ ต.แสนสุข อ.วารินชำราบ ช่วงหน้าห้างสรรพสินค้าโลตัส และเป็นย่านเศรษฐกิจ น้ำท่วมทั้ง 4 ช่องทาง สูงกว่า 50 เซนติเมตร เป็นระยะทาง 300 เมตร และท่วมเกาะกลางถนน เจ้าหน้าที่ตำรวจคอยอำนวยการแจ้งเตือนผู้ขับขี่ในเส้นทางให้ระมัดระวัง เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ เนื่องจากถนนสายนี้เป็นเส้นทางหลัก เมื่อมีรถสัญจรมากทำให้เกิดคลื่นน้ำปะทะเข้าบ้านเรือนทั้งสองฝั่งถนนเกือบ 100 หลังคาเรือน ชาวบ้านระบุว่าฝนตกหนักเพียง 1-2 ชั่วโมง บริเวณนี้จะเกิดน้ำท่วมขังทันที เพราะที่ต่ำกว่าจุดระบายน้ำออก.-สำนักข่าวไทย

อุบลฯ ฝนทั้งวัน ท่วมถนน ยันอ่างฯ ยังรับน้ำได้

อุบลราชธานี 18 ก.ย.- ชลประทานอุบลฯ ระบุอ่างเก็บน้ำในพื้นที่ยังแข็งแรง รับน้ำได้อีกมาก โดยเฉพาะเขื่อนสิรินธรรับได้เกือบ 1,000 ล้าน ลบ.ม. ขณะที่อิทธิพลพายุโนอึลทำฝนตกทั้งวัน ท่วมขังถนนตัวเมืองเป็นช่วง วันนี้ (18 ก.ย.) ที่ศูนย์อำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.อุบลราชธานี นายสฤษดิ์ วิฑูรย์ ผู้ว่าราชการจังหวัด ประชุมหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อประเมินสถานการณ์ฝนตกต่อเนื่องในพื้นที่มาตั้งแต่ค่ำวานนี้ (17 ก.ย.) จากอิทธิพลของพายุโนอึล นอกจากกำชับให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่ง โดยเฉพาะเทศบาลนครอุบลราชธานี และเทศบาลเมืองวารินชำราบ ซึ่งมีพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซากให้เฝ้าระวังเป็นพิเศษแล้ว ถึงแม้ปริมาณน้ำในแม่น้ำมูลยังมีพื้นที่รองรับน้ำฝนได้เพียงพอ แต่เป็นห่วงพื้นที่ตัวเมืองของท่อระบายน้ำอุดตันอาจระบายลงสู่แม่น้ำมูลไม่ทันจะเกิดปัญหาน้ำท่วมขัง จึงให้สำนักงานชลประทานและเทศบาลฯ เตรียมเครื่องสูบน้ำเข้าช่วยระบายน้ำออกเร็วขึ้น นายสัมพันธ์ เดือนศิริรัตน์ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานอุบลราชธานี กล่าวว่า อ่างเก็บน้ำขนาดกลางทั้ง 13 แห่ง ในจังหวัด ยังรองรับน้ำได้ ส่วนอ่างเก็บน้ำที่มีน้ำเกินความจุอยู่ 4 แห่งนั้น ได้ระบายน้ำลงสู่ลำน้ำสาขาของแม่น้ำมูล รวมทั้งทำกาลักน้ำ เพื่อพร่องน้ำ และอ่างเก็บน้ำทุกแห่งยังมั่นคงแข็งแรง ส่วนอิทธิพลของพายุโนอึลจะทำให้เกิดน้ำท่วมอุบลราชธานีเหมือนปี 2562 หรือไม่ หากดูจากปัจจัยของลำน้ำขณะนี้ถือว่ายังรองรับได้ แต่ทั้งนี้ต้องดูปัจจัยน้ำที่ไหลมาจากด้านเหนือของจังหวัดด้วย เพราะถ้าฝนตกเหนือเขื่อนขนาดใหญ่ของภาคอีสานและมีพื้นที่รองรับน้ำฝนได้อีกหลายพันล้านลูกบาศก์เมตร […]

1 35 36 37 38 39 16,774
...