เอกชนเผยเบื้องลึกปมปัญหาประกันภัยโควิด19

กรุงเทพฯ 18 ม.ค.-สมาคมประกันวินาศภัยไทยเผยเบื้องลึกปมปัญหาประกันภัยโควิด-19 ย้ำใครกันที่ลอยแพประชาชน


สมาคมประกันวินาศภัยไทยเปิดมุมมองสมาคมประกันวินาศภัยไทยเบื้องลึกปมปัญหาประกันภัยโควิด-19 ใครกันที่ลอยแพประชาชนจากกรณีที่บอร์ดสมาคมประกันวินาศภัยไทยได้มีมติเป็นเอกฉันท์ยื่นอุทธรณ์ขอให้บอร์ด คปภ. พิจารณายกเลิกคำสั่งนายทะเบียนที่ 38/2564 และต่อมาได้มีข้อมูลปรากฏต่อสื่อสาธารณะที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง สมาคมประกันวินาศภัยไทยจึงขอนำเสนอมุมมองและข้อเท็จจริงเพิ่มเติมอย่างรอบด้าน รวมทั้งวิเคราะห์ผลกระทบที่เกิดขึ้นและที่จะตามมาในอนาคตอันใกล้ ทั้งต่อประชาชนและธุรกิจประกันวินาศภัย 

ทั้งนี้ เงื่อนไขการใช้สิทธิ์บอกเลิกกรมธรรม์ทำให้เป็นสัญญาที่ไม่เป็นธรรมหรือไม่


* เงื่อนไขการใช้สิทธิ์บอกเลิกกรมธรรม์ ถือเป็นเงื่อนไขที่เป็นสากลและปรากฏอยู่ในกรมธรรม์ประกันภัยที่ใช้อยู่ทั่วโลก รวมถึงกรมธรรม์ประกันภัยที่ขายในประเทศไทยกว่า 70 ล้านฉบับ

* ข้อความที่ปรากฏในกรมธรรม์ประกันภัยทุกฉบับที่บริษัทประกันภัยจะออกขายให้กับผู้เอาประกันภัยนั้น จะต้องได้รับความเห็นชอบจากสำนักงาน คปภ. ก่อนที่จะออกขายเสมอ

* กรมธรรม์ประกันภัย COVID-19 ได้รับการอนุมัติจากสำนักงาน คปภ. ก่อนออกขายเช่นกัน และเงื่อนไขการใช้สิทธิ์บอกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยของบริษัท ก็เป็นส่วนหนึ่งของข้อความที่ได้รับอนุมัติจากสำนักงาน คปภ. ก่อนออกขายด้วยตั้งแต่ต้น


* การตีความว่าการใช้สิทธิ์บอกเลิกกรมธรรม์ของบริษัทประกันภัย ทำให้เป็นสัญญาที่ไม่เป็นธรรมต่อผู้เอาประกันภัยหรือไม่ จะต้องพิจารณาถึงความสมเหตุสมผลในการใช้สิทธิ์บอกเลิกดังกล่าว ไม่ใช่ตีความว่าการมีเงื่อนไขดังกล่าวถือเป็นสัญญาที่ไม่เป็นธรรม

* หากเป็นสัญญาที่ไม่เป็นธรรมจริง ทำไมสำนักงาน คปภ. จึงอนุมัติให้มีเงื่อนไขดังกล่าวในกรมธรรม์ประกันภัยทุกฉบับที่ขายในประเทศไทย

* การพิจารณาว่าสัญญาใดเป็นสัญญาที่ไม่เป็นธรรมนั้น ไม่ได้อยู่ในอำนาจของสำนักงาน คปภ. หากแต่เป็นอำนาจของศาลในการพิจารณาตัดสิน

อย่างไรก็ตามการยกเลิกคำสั่งนายทะเบียนที่ 38/2564 จะทำให้ประชาชน 10 ล้านคนถูกลอยแพจริงหรือไม่

* การยกเลิกคำสั่งนายทะเบียนที่ 38/2564 คือการคืนสิทธิ์บอกเลิกกรมธรรม์กลับมาในกรมธรรม์ตามหลักการประกอบธุรกิจประกันภัยที่เป็นสากล

* “การมีสิทธิ์บอกเลิกและการใช้สิทธิ์บอกเลิกถึงแม้จะเกี่ยวข้องกันแต่ไม่ใช่เรื่องเดียวกัน และบริษัทประกันภัยไม่สามารถใช้สิทธิ์บอกเลิกกรมธรรม์ได้ตามอำเภอใจ

* การบอกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยลูกค้าจำนวนมากถือเป็นเรื่องที่มีความสำคัญและมีความอ่อนไหวสูงมาก ทุกบริษัทจึงจำเป็นต้องพิจารณาเหตุปัจจัยรอบด้านอย่างรอบคอบที่สุด

* การขอให้ยกเลิกคำสั่งนายทะเบียนที่ 38/2564 ไม่ได้หมายความว่าบริษัทประกันภัยทุกบริษัทต้องการที่จะบอกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยและลอยแพประชาชนที่ทำประกันภัย COVID-19 กว่า 10 ล้านคนตามที่ปรากฏเป็นข่าว

นอกจากนี้การขอให้ยกเลิกคำสั่งนายทะเบียนที่ 38/2564 ก็เพียงเพื่อให้สำนักงานคปภ. กลับมาปฏิบัติตามหลักการที่ถูกต้องในการกำกับดูแลธุรกิจประกันภัยเท่านั้น

* สมาคมประกันวินาศภัยไทยได้ตรวจสอบแล้วและทราบว่าบริษัทประกันภัยส่วนใหญ่จะไม่บอกเลิกกรมธรรม์ประกันภัย COVID-19 ภายหลังการยกเลิกคำสั่งนายทะเบียนที่ 38/2564 แต่อย่างใด

* การให้ข้อมูลต่อสื่อสาธารณะว่า หากมีการยกเลิกคำสั่งนายทะเบียนที่ 38/2564 แล้ว บริษัทประกันภัยจะใช้เป็นข้ออ้างในการยกเลิกประกันภัยแบบเหมาเข่งและผู้เอาประกันภัยกว่า 10 ล้านคนจะถูกลอยแพแน่นอน จึงไม่เป็นความจริง

* การให้ข่าวดังกล่าวได้สร้างความสับสนและเข้าใจผิดให้กับประชาชน รวมถึงเป็นการทำลายความเชื่อมั่นของประชาชนต่อระบบประกันภัยไทยอย่างรุนแรง

เอเชียประกันภัยและเดอะวันประกันภัยต้องปิดกิจการเนื่องจากการไม่ยกเลิกคำสั่งนายทะเบียนที่ 38/2564 ใช่หรือไม่

* การไม่ยอมยกเลิกคำสั่งนายทะเบียนที่ 38/2564 คือการที่สำนักงานคปภ. ไม่อนุญาตให้เอเชียประกันภัยและเดอะวันประกันภัยบอกเลิกกรมกรรม์ประกันภัย COVID-19

อย่างไรก็ตาม เหตุดังกล่าวส่งผลให้ทั้ง 2 บริษัท มีความรับผิดชอบต่อเคลมที่ไม่จำกัดจำนวน ทั้งในส่วนของเคลมที่เกิดขึ้นแล้วและที่จะเกิดในอนาคตในจำนวนที่สูงมาก ส่งผลทำให้ผู้ถือหุ้นและผู้ลงทุนรายใหม่ตัดสินใจไม่เพิ่มทุน

* การไม่สามารถดำเนินการเพิ่มทุนจนสำเร็จ เป็นเหตุให้ทั้ง 2 บริษัทต้องถูกสำนักงาน คปภ. เพิกถอนใบอนุญาตในที่สุด

* ภายหลังจากการเพิกถอนใบอนุญาต สำนักงานคปภ. เป็นผู้อนุญาตให้กองทุนประกันวินาศภัยบอกเลิกกรมกรรม์ประกันภัย COVID-19 และกรมธรรม์ประกันภัยประเภทอื่นๆทุกฉบับ และคืนเบี้ยประกันภัยเพียงบางส่วนให้กับลูกค้า โดยไม่มีการเยียวยาผู้เอาประกันภัยแต่อย่างใด

* หากสำนักงาน คปภ. ยินยอมยกเลิกคำสั่งนายทะเบียนที่ 38/2564 ตามคำร้องขอของบริษัทประกันภัยตั้งแต่ต้น ก็จะทำให้ทั้ง 2 บริษัทสามารถเพิ่มทุนและดำเนินธุรกิจต่อไปได้

* หากทั้ง 2 บริษัทสามารถที่จะประกอบธุรกิจต่อไปได้ ลูกค้าของทั้ง 2 บริษัทที่มีเคลมเกิดขึ้นแล้ว ก็จะได้รับการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนอย่างครบถ้วน ในขณะที่ลูกค้าที่ยังไม่มีเคลม ก็จะได้รับการชดใช้เบี้ยประกันภัยคืนเต็มจำนวนหรือได้รับการเปลี่ยนแปลงกรมธรรม์ประกันภัย ตามมาตรการเยียวยาประชาชนที่สมาคมฯและบริษัทประกันภัยได้เสนอต่อสำนักงานคปภ. ตั้งแต่วันที่ 28 ตุลาคม 2564 แต่ไม่ได้รับการตอบรับจากสำนักงานคปภ

นอกจากนี้ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประชาชนจากการเพิกถอนใบอนุญาตของเอเชียประกันภัยและเดอะวันประกันภัยมีความรุนแรงเพียงใดการปิดกิจการของทั้ง 2 บริษัท ได้ก่อให้เกิดความเสียหายและส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ต่อประชาชนผู้ถือกรมธรรม์ประกันภัยและผู้ที่เกี่ยวข้อง ดังต่อไปนี้

1. ประชาชนผู้ถือกรมธรรม์ประกันภัยของทั้ง 2 บริษัทจำนวนกว่า 4 ล้านกรมธรรม์ ได้รับความเดือดร้อนจากการถูกบอกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยโดยกองทุนประกันวินาศภัย และได้รับเบี้ยประกันภัยคืนเพียงบางส่วนตามระยะเวลาความคุ้มครองที่เหลืออยู่เท่านั้น ซึ่งทำให้ผู้เอาประกันภัยได้รับคืนเบี้ยประกันภัยน้อยกว่าที่บริษัทประกันภัยเคยเสนอให้

2. ประชาชนผู้เอาประกันภัยมีภาระในการหาบริษัทประกันภัยแห่งใหม่มารองรับความเสี่ยงของตนเอง ซึ่งสมาคมประกันวินาศภัยไทยได้ประสานขอความร่วมมือจากบริษัทประกันภัยให้ช่วยรับโอนกรมธรรม์ประกันภัยของทั้ง 2 บริษัท เพื่อเป็นการช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนผู้เอาประกันภัยที่ได้รับความเดือดร้อน

3. ประชาชนหลายหมื่นคนที่มีเคลมกับเอเชียประกันภัย จำนวนประมาณ 1,800 ล้านบาทและเดอะ วัน ประกันภัย จำนวนประมาณ 2,800 ล้านบาท ต้องยื่นเรื่องขอรับค่าสินไหมทดแทนจากกองทุนประกันวินาศภัยพร้อมจัดเตรียมเอกสารหลักฐานใหม่ทั้งหมด และยังไม่มีความแน่นอนว่าจะได้รับค่าสินไหมทดแทนเมื่อใด

4. ประชาชนผู้เอาประกันภัยของทั้ง 2 บริษัทที่มีเคลมเกินกว่า 1 ล้านบาท ไม่สามารถใช้สิทธิ์เรียกร้องเงินจากกองทุนประกันวินาศภัยได้

5. พนักงานของทั้ง 2 บริษัทถูกเลิกจ้างและไม่ได้รับเงินชดเชยตามกฎหมายแรงงานเกือบ 1,000 คน

6. โรงพยาบาล อู่ซ่อมรถ ร้านอะไหล่ และคู่สัญญาอื่นๆ ไม่สามารถใช้สิทธิ์ขอรับการชำระหนี้จากกองทุนประกันวินาศภัยได้เป็นจำนวนมาก

7. กองทุนประกันวินาศภัยต้องรับภาระในการพิจารณาเอกสารต่างๆ จำนวนหลายล้านเรื่อง ซึ่งต้องใช้เวลาในการปฏิบัติงานเป็นเวลานาน และจะส่งผลให้การชำระหนี้ให้กับประชาชนต้องล่าช้าออกไปอีกหลายปี

8. ฐานะการเงินของกองทุนประกันวินาศภัยในปัจจุบันไม่เพียงพอที่จะชำระหนี้ให้กับเจ้าหนี้ทั้งหมดได้ ซึ่งตราบจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่สามารถหาแนวทางในการจัดหาเงินทุนเพื่อมาชำระหนี้ดังกล่าว

ทั้งนี้จะเห็นได้ว่า การปิดกิจการของบริษัท เอเชียประกันภัย จำกัด (มหาชน) และบริษัท เดอะ วัน ประกันภัย จำกัด (มหาชน) เนื่องมาจากการไม่ยกเลิกคำสั่งนายทะเบียนที่ 38/2564 ทำให้ประชาชนผู้เอาประกันภัยจำนวนมากได้รับผลกระทบและความเดือดร้อนมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งสมาคมประกันวินาศภัยไทยมีความเห็นว่า เช่นนี้ นับว่าเป็นการลอยแพประชาชนผู้เอาประกันภัยที่ซื้อประกันภัย COVID-19 และประกันภัยประเภทอื่นๆ อย่างแท้จริง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ตร.แจ้ง 2 ข้อหามือมีดทำร้าย “เป๊ก” คาดปมเข้าใจผิด

3 ส.ค.- ตำรวจ สน.หัวหมาก แจ้ง 2 ข้อหา หนุ่มวัย 21 ใช้มีดทำร้าย “เป๊ก ผลิตโชค” นักร้องชื่อดัง บาดเจ็บที่คางเป็นแผลฉกรรจ์ อ้างถูกหาเรื่องก่อน เบื้องต้นคาดปมเข้าใจผิด จ่อสอบปากคำเพิ่มเติม เมื่อเวลา 01.30 น. วันที่ 3 ส.ค.68 ร.ต.อ.ชัยนรินทร์ กวีพราหมณ์ รอง.สว.(สอบสวน) สน.หัวหมาก รับแจ้งเหตุทำร้ายร่างกายโดยใช้อาวุธมีด มีผู้บาดเจ็บ ภายในปั๊มน้ำมัน ซอยรามคำแหง 76 ถนนรามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม. จึงไปตรวจสอบพร้อมกำลังสายตรวจฝ่ายป้องกันและปราบปราม สน.หัวหมาก และอาสามูลนิธิสยามร่วมใจปู่อินทร์ ที่เกิดเหตุอยู่ภายในปั๊มน้ำมัน พบร่างนายผลิตโชค หรือ เป๊ก อายุ 40 ปี ดารานักร้องชื่อดัง มีบาดแผลฉกรรจ์ถูกอาวุธมีดฟันเข้าที่บริเวณใต้คาง 1 แผล ได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่จึงเร่งทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนเร่งนำตัวส่งรักษาต่อที่โรงพยาบาลสมิติเวช ส่วนผู้ก่อเหตุไม่หนีไปไหน ยืนรอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ […]

เฝ้าระวังตลอดคืน พบโดรนปริศนาบินล้ำเขตแดนอรัญฯ

สระแก้ว 3 ส.ค.- พบโดรนปริศนาไม่ทราบฝ่ายบินล้ำแดนจากกัมพูชาเข้ามาในไทย ชาวบ้าน-ชรบ.ในพื้นที่อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เฝ้าระวังตลอดทั้งคืน คืนที่ผ่านมา เวลา 21.00 น. ทีมข่าวลงพื้นที่สำรวจบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว โดยจุดที่ทีมข่าวเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ห่างจากแนวชายแดนเพียง 2 กิโลเมตร บรรยากาศในพื้นที่ขณะนั้นมีชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ออกมาคอยเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง หลังได้รับแจ้งว่าอาจมีโดรนปริศนาเข้ามาในพื้นที่ ระหว่างที่ทีมข่าวกำลังสัมภาษณ์พูดคุยกับชาวบ้านในพื้นที่ พบโดรนลำหนึ่งบินเข้ามาจากเขตชายแดนฝั่งกัมพูชา ล้ำเข้ามาในอาณาเขตประเทศไทยลึกประมาณ 2 กิโลเมตร ขณะที่โดรนลำนั้นลอยอยู่เหนือพื้นที่ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้ใช้ไฟสปอร์ตไลต์กำลังแรงสูงร่วมกับแสงเลเซอร์จากอุปกรณ์ของทหาร ส่องไปยังโดรนปริศนาอย่างชัดเจน ทำให้เห็นลำตัวของโดรนแม้อยู่ในความมืด สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวยังไม่มีการเปิดเผยว่าโดรนลำนั้นมีเป้าหมายใดหรือเป็นของฝ่ายใด ขณะที่เจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงยังคงเพิ่มมาตรการตรวจตราและเฝ้าระวังตลอดแนวชายแดนอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุไม่คาดคิดหรือภัยคุกคามความมั่นคงในพื้นที่ -สำนักข่าวไทย

เปิดภาพทหารไทยบึ้มบันไดช่องคานม้า สกัดเส้นทางขึ้นภูมะเขือ

3 ส.ค. – เปิดภาพทหารไทยบึ้มบันไดช่องคานม้า จ.ศรีสะเกษ สกัดเส้นทางขึ้นภูมะเขือ ห้วงปะทะวันที่ 24-28 ก.ค.ที่ผ่านมา วันนี้ (3 ส.ค.68) ผู้สื่อข่าวรายงานเหตุปะทะระหว่างทหารไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 24-28 ก.ค.ที่ผ่านมา ทหารได้ทำลายบันไดช่องคานม้า จ.ศรีสะเกษ ซึ่งสามารถขึ้นมาถึงภูมะเขือได้ หลังทหารไทยเข้ายึดพื้นที่ภูมะเขือ ผลักดันทหารกัมพูชาอยู่บนจะงอยหน้าผาออกไปทั้งหมด พร้อมทำลายกระเช้า และฐานทหารกัมพูชาด้านล่างภูมะเขือ โดยการใช้โดรนติดระเบิด ล่าสุดมีการเผยแพร่ภาพทหารทำลายบันไดช่องคานม้า ในระหว่างยึดพื้นที่ได้จากการเหตุปะทะช่วง 5 วันที่ผ่านมา.-สำนักข่าวไทย

ชาวเชียงใหม่ร่วมจุดเทียนสดุดี 15 วีรบุรุษชายแดน

3 ส.ค.- ชาวเชียงใหม่ ร่วมกันจุดเทียน แสดงความไว้อาลัย สดุดี 15 วีรบุรุษทหารที่พลีชีพปกป้องแผ่นดินไทยตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ที่บริเวณ หน้าลานอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ ตัวเมืองเชียงใหม่ ประชาชนได้รวมตัวทำกิจกรรมร้องเพลง เขียนข้อความ พร้อมโบกธงชาติไทย เพื่อส่งกำลังใจให้กับทหารที่อยู่แนวหน้า ชายแดนไทย-กัมพูชา และร่วมกันร้องเพลงชาติไทย เพื่อเป็นการสดุดีทหาร 15 นายที่พลีชีพในการสู้รบปกป้องอธิปไตย อีกทั้งอ่านรายชื่อทหาร วางพวงหรีดและจุดเทียน แสดงความไว้อาลัยพร้อมทั้งยืนสงบนิ่ง อธิฐานขอให้เจ้าหน้าที่ที่ยังปฏิบัติหน้าที่อยู่ชายแดนไทย-กัมพูชา ปลอดภัยทุกนาย นอกจากนี้ บริเวณย่านถนนท่าแพ หน้าอาคารพุทธสถานเชียงใหม่ มีการนำภาพทหารที่เสียชีวิตทั้ง 15 นายติดไว้ริมถนนและมีการตั้งโต๊ะเพื่อให้ประชาชน มาวางดอกไม้ แสดงความอาลัย -สำนักข่าวไทย