สมาคมประกันฯ เผยพิรุธ สกัดเคลมจัดฉากฉ้อฉลประกันภัย

กรุงเทพฯ 14 มี.ค.-สมาคมประกันวินาศภัยไทย สกัดเคลมจัดฉากฉ้อฉลประกันภัย หวังเคลมเงินประกันกว่า 14 ล้านบาท พบพิรุธทำประกันภัยซ้ำซ้อน 28 ฉบับ

ดร.สมพร สืบถวิลกุล นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย กล่าวว่า จากกรณีที่มีข่าวกลุ่มคนที่มีพฤติกรรมฉ้อฉลประกันภัย จัดฉากอุบัติเหตุรถเฉี่ยวชนคนเสียชีวิต และมีการแจ้งเคลมเงินประกันภัยจำนวนกว่า 14 ล้านบาท โดยเหตุเกิดที่บ้านนาบัว-เจริญศิลป์ ต.ธาตุ อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร เมื่อช่วงค่ำวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ซึ่งตำรวจสกลนคร ได้จับกุมผู้ต้องหาที่จัดฉากฆาตกรรมอำพราง หนุ่มวัย 32 ปี ทำเป็นอุบัติเหตุรถยนต์ตกท้ายกระบะ ก่อนที่รถอีก 2 คันขับตามทับร่างเสียชีวิต บริษัทประกันภัยได้พบความผิดปกติจากพฤติกรรมที่อาจจะเข้าข่ายหรือมีสัญญาณเตือนการเกิดทุจริต หรือฉ้อฉลประกันภัยเกิดขึ้น ทั้งนี้ การจัดฉากเป็นอุบัติเหตุรถเฉี่ยวชน 3 คัน พบว่ารถดังกล่าวมีการทำประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ (ประกันภัย พ.ร.บ.) และประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ รวม 28 กรมธรรม์ จากจำนวน 15 บริษัท มีวงเงินความคุ้มครองรวมกว่า 14 ล้านบาท ซึ่งปรากฏเป็นข่าวดังในสื่อต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง


สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ภาคธุรกิจประกันภัยพบประเด็นที่เป็นความผิดปกติและพฤติกรรมที่อาจจะเข้าข่ายฉ้อฉลหรือมีสัญญาณเตือนการเกิดทุจริตฉ้อฉลประกันภัย เริ่มจากเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2568 ได้มีบุคคลที่ได้รับมอบอำนาจจากทายาทของผู้เสียชีวิตยื่นเอกสารขอเบิกค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันภัยต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดมุกดาหารผ่านทางบริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด สาขามุกดาหาร ซึ่งทำหน้าที่รับคำร้องแทนบริษัทประกันภัยต่าง ๆ และบริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยรถ จำกัด สาขามุกดาหาร จึงได้ทำการตรวจสอบข้อมูลรถคันเกิดเหตุ พบว่ามีการเอาประกันภัย โดยมีกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับหลายฉบับ จึงได้ทำการบันทึกรับแจ้งเหตุ แต่ยังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงและรอเอกสารจากผู้เสียหายเพิ่มเติม เพื่อพิจารณาจ่ายค่าสินไหมทดแทนต่อไป

จากนั้นได้มีการประสานกับบริษัทประกันภัยอื่น ๆ ที่มีการรับประกันภัยรถคันดังกล่าวเพิ่มเติมเพื่อตรวจสอบข้อมูลระหว่างกัน ซึ่งจากการวิเคราะห์ข้อมูลร่วมกันระหว่างบริษัทประกันภัยและบริษัทกลางฯ พบว่า พฤติกรรมดังกล่าวนั้นมีความผิดปกติและอาจเข้าข่ายฉ้อฉล เนื่องจากมีการทำประกันภัยหลายฉบับในระยะเวลาใกล้เคียงกันและก่อนวันเกิดเหตุไม่กี่วัน และมีการยื่นเคลมค่าสินไหมทดแทนหลายในหลายพื้นที่ นอกจากนี้ยังมีการมอบอำนาจให้บุคคลอื่นดำเนินการแทนด้วย จึงเป็นที่มาของการตรวจสอบร่วมกัน และประสานงานไปยังสำนักงาน คปภ. และเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ ส่งผลให้เกิดกระบวนการสืบสวน สอบสวนและนำไปสู่การจับกุมผู้ร่วมกระทำความผิดจำนวนหลายรายในข้อหาร่วมกันฆาตกรรมผู้ประสบภัยซึ่งเสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว


จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ หากภาคธุรกิจประกันวินาศภัยไม่พบพฤติกรรมที่เข้าข่ายการฉ้อฉลประกันภัย บริษัทประกันภัยที่รับประกันภัยในครั้งนี้ จะต้องมีการจ่ายค่าสินไหมทดแทนของรถทั้ง 3 คันที่ทำประกันภัยจากทั้งหมด 15 บริษัท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 14,100,000 บาท โดยมีรายละเอียดดังนี้

1.กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ (พ.ร.บ.) จำนวน 22 ฉบับ ความคุ้มครองกรณีเสียชีวิต 500,000 บาทต่อฉบับ รวมมูลค่า 11,000,000 บาท

2.กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ จำนวน 6 ฉบับ ความคุ้มครองกรณีเสียชีวิต 500,000 บาทต่อฉบับ รวมมูลค่า 3,000,000 บาท


3.การประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (ร.ย.01) จำนวน 1 ฉบับ ความคุ้มครอง 100,000 บาท

และบริษัทประกันภัยจะต้องดำเนินการจ่ายค่าสินไหมทดแทนจากอุบัติเหตุที่เกิดจากรถโดยเร็ว เพื่อเป็นการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยและทายาท โดยระยะเวลาของการจ่ายค่าสินไหมทดแทนของกรมธรรม์ประกันภัย พ.ร.บ. ต้องจ่ายภายใน 7 วัน และกรมธรรม์ประกันภัยภาคสมัครใจ ภายใน 15 วันหลังจากได้รับเอกสารครบถ้วนสมบูรณ์ แต่สำหรับเหตุการณ์นี้ บริษัทประกันภัยมีการเรียกร้องเอกสารเพิ่มเติม เพื่อประกอบการพิจารณาค่าสินไหมทดแทน และคาดว่าอาจจะเข้าข่ายเป็นการทุจริตฉ้อฉลประกันภัย ซึ่งเป็นข้อยกเว้นของกรมธรรม์ประกันภัยอย่างชัดเจน จึงได้ประสานงานกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีหนังสือแจ้ง คปภ. ให้มีคำสั่งชะลอการจ่ายค่าสินไหมทดแทนในกรณีนี้ออกไปแล้ว

อย่างไรก็ตาม กรณีที่บริษัทประกันภัยพบว่ามีการทุจริตหรือฉ้อฉลประกันภัยเกิดขึ้น เช่น มีผู้เรียกร้องผลประโยชน์ตามกรมธรรม์ประกันภัยโดยทุจริต หรือแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จในการเรียกร้องเป็นการกระทำความผิด ตามพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ. 2535 มาตรา 108/4 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ หรือมีการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนโดยฉ้อฉล บริษัทไม่ต้องรับผิดสำหรับการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนอันเกิดจากการฉ้อฉลหรือทุจริต ซึ่งผู้เอาประกันภัยหรือบุคคลที่ทำแทนผู้เอาประกันภัยได้กระทำเพื่อให้ได้รับประโยชน์ตามกรมธรรม์ประกันภัย และบริษัทประกันภัยอาจใช้สิทธิบอกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยได้ทันที โดยไม่คืนเบี้ยประกันภัย

นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมาธุรกิจประกันภัยพบกรณีการฉ้อฉลประกันภัยและมีการดำเนินการเอาผิดตามกฎหมายมาแล้ว อาทิ กรณีเสี่ยตัดนิ้วเพื่อเคลมประกันที่โด่งดังในอดีต ซึ่งมีการสืบหาข้อมูลได้ว่าเจ้าตัวมีการวางแผนทำประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) ไว้หลายบริษัท เป็นเงินรวมนับสิบล้านบาท การจัดฉากรถชนกัน หรือการเอาน้ำร้อนลวกขาทั้งสองข้าง เพื่อสร้างเรื่องให้เป็นอุบัติเหตุหวังเงินประกัน เป็นต้น

ทั้งนี้ รวมถึงกรณีที่มีกลุ่มคนตระเวนซื้อกรมธรรม์ประกันภัยเป็นจำนวนหลายฉบับจากหลายบริษัท การกระทำในลักษณะนี้ถือว่าไม่ใช่การบริหารความเสี่ยงภัยของตัวเอง แต่เป็นการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ ซึ่งกลุ่มคนที่มีความคิดและกระทำเช่นนี้ถือว่าเป็นการกระทำทุจริตในการฉ้อฉลประกันภัย สมาคมฯ จึงขอเตือนกลุ่มคนที่กระทำการในลักษณะนี้ว่า การประกันภัยจะให้ความคุ้มครองเฉพาะผู้เอาประกันภัยที่ใช้สิทธิโดยสุจริตเท่านั้น หากพิสูจน์ได้ว่าใช้สิทธิโดยไม่สุจริตมาทำประกันภัย เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและจะไม่ได้รับค่าสินไหมทดแทนตามสัญญาประกันภัยแน่นอน

ในกรณีเช่นนี้ขอให้ผู้บริโภคตระหนักว่า “การประกันภัยนั้นเป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยง ไม่ใช่เครื่องมือในการใช้หาผลประโยชน์ในทางมิชอบ” ใครมีความเสี่ยงเท่าไหร่ก็ซื้อประกันภัยให้เหมาะสม ครอบคลุมกับความเสี่ยงของตัวเอง การซื้อประกันภัยจำนวนมากแล้วไปแสวงหาผลประโยชน์ในทางมิชอบถือเป็นการกระทำที่ทุจริตและเป็นการฉ้อฉลประกันภัย “หลักการประกันภัยเป็นการให้ความคุ้มครองประชาชนผู้สุจริตให้มีหลักประกันช่วยบรรเทาความสูญเสีย ความเสียหายทางการเงินเพื่อให้ผู้ประสบภัยได้รับค่าสินไหมทดแทน ใช้ประกันภัยเป็นเครื่องมือในการดูแลตัวเองในยามที่ประสบเคราะห์ร้ายให้สามารถดำรงชีวิตต่อได้

สมาคมประกันวินาศภัยไทยขอความร่วมมือประชาชน หากพบเห็นพฤติกรรมฉ้อฉล สามารถแจ้งไปยังสมาคมประกันวินาศภัยไทย หรือบริษัทประกันภัยที่เกี่ยวข้อง ใช้ประกันภัยอย่างถูกต้องและสุจริต เพื่อปกป้องสิทธิของตัวท่านเองและรักษาเสถียรภาพของอุตสาหกรรมประกันภัย สมาคมฯ พร้อมเดินหน้าสร้างความโปร่งใสในอุตสาหกรรมประกันภัย และร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเฝ้าระวังพฤติกรรมฉ้อฉลประกันภัย พร้อมทั้งให้ความรู้กับประชาชนเกี่ยวกับความสำคัญของการใช้ประกันภัยอย่างถูกต้อง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับระบบประกันภัยของไทย.-516.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ชัยชนะ” บอกไม่ทราบ ข่าว สส.ดังนครศรีฯ ยกพวกรุมทำร้ายผู้รับเหมา

กทม. 30 พ.ค.-“ชัยชนะ” บอกไม่ทราบ-ไม่รู้ ข่าว สส.ดัง จ.นครศรีธรรมราช ยกพวกรุมทำร้ายผู้รับเหมากลางงานบวช ยืนยันไม่เป็นความจริง นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกระแสข่าว สส.ชื่อดัง จ.นครศรีธรรมราช ยกพวกรุมทำร้ายผู้รับเหมา กลางงานบวชลูกชายของนายก อบต. ต่อหน้าชาวบ้านนับร้อยคน โดยนายชัยชนะ ได้ปฏิเสธข่าวบอก ไม่รู้ ไม่ทราบข่าว พร้อมบอกผู้สื่อข่าวว่า ต้องไปถามที่มาของข่าว เมื่อถามว่า เป็นคนรู้จัก หรือคนใกล้ชิดหรือไม่ นายชัยชนะ ระบุว่า ตนไม่ทราบเหมือนกัน เพราะตอนนี้ยังไม่ทราบข่าวเลย ก่อนย้ำอีกครั้งว่า ต้องไปถามที่มาของข่าว เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ยืนยันว่า ไม่เป็นความจริงใช่หรือไม่ นายชัยชนะ ตอบว่า “ครับผม” เมื่อถามว่า ไม่ได้เข้าไปในพื้นที่เลยใช่หรือไม่ นายชัยชนะ ระบุว่า ตนลงพื้นที่วันละหลายงาน และเมื่อถามทิ้งท้ายว่า ไม่มีเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทใช่หรือไม่ นายชัยชนะ ยืนยันว่า “ไม่มี“.-315.-สำนักข่าวไทย

รวบพระเอกลิเกทุบหัวลูกเลี้ยงออทิสติกดับ

นครราชสีมา 30 พ.ค. – รวบแล้ว พระเอกลิเกทุบหัวลูกเลี้ยงออทิสติกเสียชีวิต และล่วงละเมิดลูกเลี้ยงผู้หญิงคนเล็กอายุ 11 ขวบ เจ้าตัวยังปากแข็ง แต่จำนนด้วยหลักฐาน ตำรวจ สภ.เมืองนครราชสีมา บุกรวบตัว นายกิติทัช อายุ 48 ปี พระเอกลิเก “ลักยิ้มทับทิมสยาม” ได้คาบ้านพักแห่งหนึ่งในพื้นที่อำเภอละหานทราย จังหวัดบุรีรัมย์ ตั้งแต่เมื่อคืนนี้ โดยขณะนี้คุมตัวอยู่ในห้องขัง สภ.เมืองนครราชสีมา ขณะจับกุมตัวผู้ต้องหากำลังเตรียมหลบหนีไปประเทศกัมพูชา เบื้องต้นแจ้งข้อหา “ฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา” และ “ข่มขืนกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี” ขณะนี้กำลังเค้นสอบปากคำ เนื่องจากผู้ต้องหายังปากแข็ง แต่จำนวนด้วยหลักฐาน ก่อนเตรียมนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ คาดว่าเป็นช่วงบ่ายวันนี้ คดีนี้สืบเนื่องจาก น.ส.หมิว อายุ 46 ปี นางเอกลิเก พาลูกสาวอายุ 11 ปี เข้าร้องทุกข์ต่อ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี หลังลูกชายคนโต อายุ 18 ปี ซึ่งป่วยออทิสติก […]

“สมศักดิ์” วีโต้แล้ว! มติแพทยสภาให้ลงโทษ 3 หมอ คดีชั้น 14

สธ. 29 พ.ค. – “สมศักดิ์” วีโต้แล้ว! ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข เผย “สมศักดิ์” สภานายกพิเศษ ส่งคำตอบให้มติแพทยสภาให้ลงโทษ 3 แพทย์ กรณีชั้น 14 รพ.ตำรวจเมื่อวานนี้ ขออย่าใช้คำว่า วีโต้ ให้ใช้คำว่าเห็นด้วย-ไม่เห็นด้วย นายกองตรีธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการเสนอความเห็นสภานายกพิเศษเพื่อพิจารณาตามมาตรา 25 แห่งพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 ได้ยื่นรายงานความเห็นจากคณะกรรมการฯ ต่อมติแพทยสภาให้ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษ แพทยสภา เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมา ล่าสุดเมื่อวานนี้ (28 พ.ค.) สภานายกพิเศษฯ ได้ทำหนังสือตอบกลับไปยังแพทยสภาแล้ว เมื่อเวลา 16.00 น. โดยที่ตนเองก็ยังไม่ทราบว่า มีเนื้อหาบ้าง แต่ขออย่าใช้คำว่า วีโต้ ขอให้ใช้คำว่ามีส่วนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย เบื้องต้นเป็นความส่งความเห็นกลับต่อมติของแพทยสภา ซึ่งมีการพิจารณาเรื่องร้องเรียนแพทย์จำนวน 4 […]

จับแล้ว! “สามีภรรยา” คนสนิทอดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง

29 พ.ค.- จับแล้ว! สองสามีภรรยา คนสนิทอดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง มือคุมบัญชีประมูลร้านค้างานประจำปี – ร้านค้าสวัสดิการ หลังศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ออกหมายจับ วันนี้ ( 29 พ.ค.68) เวลา 16.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ปปป. สนธิกำลังร่วมเจ้าหน้าที่ กก.5 บก.ป. นำกำลังเข้าจับกุม สองสามีภรรยา คนสนิทนายแย้ม อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง หลังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อนุมัติออกหมายจับ ในความผิดฐาน ข้อหาฟอกเงิน และ เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานที่มีหน้าที่ซื้อหรือการรักษาทรัพย์ แต่กลับเบียดบังหรือทุจริตทรัพย์นั้นมาเป็นของตน, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบและเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต” โดยสามารถจับกุมตัวทั้งสองได้ภายในค่ายลูกเสือพระพุทธศาสนา มูลนิธิหลวงพ่อวัดไร่ขิง อ.สามพราน จ.นครปฐม ก่อนควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย มาสอบปากคำยัง กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ขณะเดียวมีรายงานว่า นอกเหนือจากผู้ต้องหาทั้งสองรายนี้ พนักงานสอบสวนยังได้ขออำนาจศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อนุมัติออกหมายจับอดีตพระลูกวัดคนสนิท ทิดแย้ม ซึ่งถูกจับกุมก่อนหน้านี้ และถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดย พนักงานสอบสวน เตรียมประสานไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพ […]

ข่าวแนะนำ

ภูมิต้านภัย : จับตาทุจริตงบซ่อม ฮ.ตำรวจ

กรุงเทพฯ 31 พ.ค. – คอลัมน์ “ภูมิต้านภัย” ตรวจสอบหาสาเหตุเฮลิคอปเตอร์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตก 2 เหตุการณ์ในรอบ 1 เดือน หลังถูกตั้งข้อสังเกตถึงการนำ ฮ.ที่เสีย มาตั้งงบซ่อมแบบไม่ได้มาตรฐาน ทำให้นักบินต้องเสี่ยงชีวิตทุกครั้งที่ยก ฮ.ขึ้นน่านฟ้า. – สำนักข่าวไทย

นายกฯ บอกวันนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยน ลั่นปรับ ครม. อะไรก็เกิดขึ้นได้

รัฐสภา 31 พ.ค.-นายกฯ บอกวันนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยน ลั่นปรับ ครม. อะไรก็เกิดขึ้นได้ ส่วนโยกกระทรวงให้ถาม “ทักษิณ” คนพูด ปมดึง มท. มาดูเอง ย้ำครอบงำไม่ได้ แต่พ่อให้คำปรึกษา ลูกรับไว้พิจารณา เผยยกหูหากลางห้องประชุมแล้ว นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรีหลังที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีมติรับหลักการร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 ว่า วันนี้ยังเหมือนเดิมไม่มีอะไร ถ้าจะมีการปรับเปลี่ยนอะไร หากเป็นรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยเดี๋ยวตนจะคุยเอง เห็นเป็นกระแสข่าวออกไปหลายอย่างมาก ทำให้รัฐมนตรีทุกคนรู้สึกหวั่นไหวและท้อใจ ซึ่งตนไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น ซึ่งตนพยายามสื่อสารในพรรคเพื่อไทยว่าอย่างไรเดี๋ยวจะคุยเอง ส่วนคำพูดของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำให้บั่นทอนจิตใจพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่นั้น นายกฯ กล่าวว่า ไม่ เมื่อสักครู่ก็นั่งอยู่ข้างๆ กันไม่ได้มีอะไร ไม่มีใครถามถึงเรื่องนี้เลย เมื่อถามว่ากระทรวงมหาดไทยทำงานไม่ดีจริงหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นั่นเป็นความคิดเห็นของนายทักษิณ แต่ตนยังไม่ได้ประเมินอะไร เดี๋ยวก็รอดู ส่วนมีการพูดคุยกับนายทักษิณ หรือไม่ว่าเหตุใดจึงให้สัมภาษณ์ นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า คุยกันทุกวัน หากถ่ายรูปมา เมื่อสักครู่ได้ตนก็คุยโทรศัพท์กับคุณพ่อ ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่าตอนนี้ถูกมองว่าเป็นการครอบงำพรรคเพื่อไทย นายกรัฐมนตรี […]

สภาผ่านฉลุย รับหลักการงบฯ 69 นายกฯ เชื่อยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทย

รัฐสภา 31 พ.ค.-สภาผ่านฉลุย รับหลักการงบฯ 69 วาระแรก เสียงท่วม 322 เสียง ตั้ง กมธ. 73 คน พบ “อนุดิษฐ์” โผล่เป็น กมธ.โควตารัฐบาล ด้านนายกฯ ขอบคุณสภาฯ ยันรัฐบาลจัดลำดับความสำคัญงบฯ ตามสถานการณ์ เชื่องบประมาณที่เสนอไปจะยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนคนไทยทุกคน ตั้งใจใช้เป็นเครื่องมือสำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันสุดท้ายของการประชุมสภาผู้แทนราษฎร นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 เป็นประธานการประชุม โดยหลังจากใช้เวลากว่า 3 วัน รวม 41 ชั่วโมง ที่ประชุมมีมติรับหลักการร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ด้วยคะแนน 322 ต่อ 158 เสียง ไม่ลงคะแนน 2 เสียง และตั้งคณะกรรมาธิการ จำนวน 73 คน ทั้งนี้ เป็นที่สังเกตว่า มีชื่อ […]

โฆษก ทบ. ยันสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ยังไม่ถึงขั้นต้องปิดด่าน

กองทัพบก 31 พ.ค.-โฆษก ทบ. ยืนยันสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ยังไม่ถึงขั้นต้องปิดด่าน แต่ยอมรับว่า แนวทางการปิดด่านเป็นแผนส่วนหนึ่งที่หน่วยงานระดับพื้นที่อาจพิจารณาใช้ เพื่อดูแลความมั่นคงและความปลอดภัยประชาชน พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ระบุถึงกรณีกระแสข่าวการพิจารณาปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชาบางจุดว่า ปกติจะเป็นส่วนหนึ่งของแผน สำหรับใช้ในการบริหารจัดการต่อสถานการณ์ ที่อาจส่งผลกระทบความมั่นคง และความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน ของหน่วยงานในระดับพื้นที่ปัจจุบัน ซึ่งในขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานแต่อย่างใด ที่ผ่านมา การปิดด่านจะดำเนินการต่อเมื่อมีความจำเป็นจริง โดยในอดีตจะดำเนินการเฉพาะต่อเมื่อสถานการณ์ในพื้นที่นั้นๆ มีปัญหาที่อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศในระดับที่น่ากังวลสูง โดยเฉพาะข่าวสารที่น่าเชื่อว่าจะมีการใช้อาวุธระยะไกล ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยต่อพี่น้องประชาชน สำหรับสถานการณ์ปัจจุบัน หากพิจารณาในภาพรวม ส่วนใหญ่มีความเรียบร้อย มีเพียงบางจุดบางพื้นที่เท่านั้นที่อาจมีปัญหาอยู่บ้าง แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่ไม่ก่อให้เกิดความน่ากังวลมากนัก เนื่องจากทั้งสองฝ่ายได้อาศัยกลไกที่มีอยู่ในระดับพื้นที่เพื่อแก้ไขปัญหาร่วมกัน ภายใต้กรอบข้อตกลงที่ทั้งสองฝ่ายได้ยึดถือกันอยู่อย่างเคร่งครัด.-313.-สำนักข่าวไทย