กรุงเทพฯ 9 พ.ย.-ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจระบุแม้เงินบาทจะกลับมาแข็งค่าไม่กระทบภาคส่งออกเพราะทำประกันความเสี่ยงไว้แล้ว พร้อมย้ำโอกาสราคาน้ำมันจะไม่เห็นราคาต่ำแต่คงไม่สูงกว่านี้แน่ แนะทุกฝ่ายเตรียมพร้อมเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นปีหน้า
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ กล่าวถึงสถานการณ์ค่าเงินบาทกลับมาแข็งค่าขึ้นรวมถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกยังคงอยู่ในช่วงขาขึ้นเช่นกันว่า เท่าที่ได้ติดตามแม้ค่าเงินบาทที่กลับมาแข็งค่าขึ้น โดยรวมไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อภาพรวมการส่งออกของไทยในช่วงไตรมาสที่ 4 โดยการส่งออกของไทยทั้งปีน่าจะขยายตัวเป็นบวกไม่น้อยกว่าร้อยละ 12 ซึ่งผลกระทบจากเงินบาทที่กลับมาแข็งค่าขึ้น โดยผู้ส่งออกได้มีการประเมินและกำหนดทิศทางได้ทำประกันความเสี่ยงเกี่ยวกับความผันผวนจากอัตราแลกเปลี่ยนไว้แล้ว หรือแม้แต่ความเสี่ยงจากค่าระวางเรือที่ผู้ส่งออกได้หาทางแก้ไขไปก่อนหน้านี้แล้ว ดังนั้น ผลกระทบที่ผู้ส่งออกไทยจะได้รับอาจทำให้มีกำไรในปีนี้ลดลงไปบ้างจากเหตุผลของค่าเงินบาทกลับมาแข็งค่าขึ้น
นอกจากนี้ ในส่วนของราคาน้ำมันในตลาดโลกมองว่า ราคาน้ำมันในตลาดโลกปีนี้น่าจะเฉลี่ยอยู่ที่ 80-85 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เนื่องจากกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันนอกโอเปคได้ผลิตน้ำมันป้อนเข้าตลาดโลกทดแทนปริมาณน้ำมันที่กลุ่มโอเปคประกาศไม่เพิ่มปริมาณเข้าสู่ตลาด ทำให้ลดความร้อนแรงของน้ำมันลดลงไปได้บ้างในช่วงนี้ ส่งผลให้ราคาน้ำมันดีเซลในไทยจะคงอยู่ระดับปัจจุบันต่อไปอีกระยะหนึ่ง ตามแนวทางที่รัฐบาลเข้ามาดูแลไม่ให้น้ำมันดีเซลเกิน 30 บาทต่อลิตร
อย่างไรก็ตาม โดยรวมราคาน้ำมันในตลาดโลกยังมีโอกาสที่จะสูงขึ้นอยู่ในปีหน้า ซึ่งจะสอดรับการเติบโตต่อเศรฐกิจโลกที่จะเริ่มกลับมาดีขึ้นได้ตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป หลังจากทั่วโลกแก้ไขปัญหาการแพร่เชื้อโควิด-19 ได้น้อยลง จะทำให้กิจกรรมในด้านต่างๆกลับมา โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยวคนทั่วโลกจะหันกลับมาท่องเที่ยวส่งผลให้ธุรกิจด้านการบินจะมีความคึกคักส่งผลให้การใช้ปริมาณน้ำมันเพิ่มมากขึ้น ดังนั้น โอกาสที่ราคาน้ำมันจะต่ำคงจะไม่เห็นแต่เชื่อว่าราคาน้ำมันในตลาดโลกจะเฉลี่ยนอยู่ที่ 80-85 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งทุกฝ่ายจะต้องเตรียมแผนรองรับในปีหน้าไว้ด้วย.-สำนักข่าวไทย