นนทบุรี 10 ส.ค. – ที่ปรึกษา รมว.พาณิชย์ เผยยอดจับคู่เจรจาการค้ากลุ่มภูมิภาคตะวันออกกลาง แอฟริกา และลาตินอเมริกาผ่านระบบออนไลน์วันเดียวยอดซื้อกว่า 52 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าลุยเปิดตลาดใหม่ฟื้นตลาดเก่า ดึงรายได้เข้าประเทศให้มากขึ้น
นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากสำนักพัฒนาตลาดและธุรกิจไทยในต่างประเทศ 2 กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศได้จัดโครงการจับคู่ธุรกิจเพื่อเจรจาการค้าผ่านระบบออนไลน์ในตลาดเกิดใหม่ในภูมิภาคตะวันออกกลาง แอฟริกา และลาตินอเมริกา ในสินค้าอาหาร เครื่องใช้ไฟฟ้า ชิ้นส่วนยานยนต์ เครื่องจักรกลการเกษตร เครื่องมือแพทย์ ผลิตภัณฑ์สุขภาพและความงาม สินค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ ฯลฯ
ตามแนวทางให้ผู้ส่งออกไทยได้มีโอกาสเจรจาการค้าผ่านช่องทางออนไลน์กับผู้นำเข้ารายสำคัญในแต่ละภูมิภาคในช่วงของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 ที่ทำให้การเดินทางไปเจรจาการค้าในต่างประเทศยังไม่สามารถดำเนินการได้ตามปกติ ในวันที่ 3 สิงหาคม 2564 โดยผ่านระบบออนไลน์
ทั้งนี้ มีผู้เข้าร่วมจำนวน 123 บริษัท และมีฝั่งประเทศผู้นำเข้าสมัครเข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น จำนวน 74 ราย เกิดการจับคู่ธุรกิจได้จำนวน 123 คู่ และมีมูลค่าการสั่งซื้อ ประมาณ 52 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 1 ปีโดยมีสินค้าที่ได้รับความสนใจจากผู้นำเข้า ได้แก่ สินค้าอาหารและเครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม ชิ้นส่วนยานยนต์ เครื่องจักรกลการเกษตร เครื่องมือแพทย์ และ สินค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ โดยมีผู้นำเข้าหลายราย แสดงความประสงค์ที่จะขอข้อมูลสินค้าและรายละเอียดเพิ่มจากผู้ส่งออกไทย เพื่อทำการเจรจาการค้าเพิ่มเติมต่อไปในภายหลัง
“ภูมิภาคตะวันออกกลาง อุดมไปด้วยพลังงานน้ำมัน ฐานะทางเศรษฐกิจดี เป็นตลาดที่มีกำลังซื้อสูง เป็นตลาดเเรงงานที่มีศักยภาพ เป็นเเหล่งเงินทุนที่สำคัญและยังเป็นประเทศที่ผลิตสินค้าในประเทศได้ไม่เพียงพอต่อความต้องการของประชากรภายในประเทศ จึงต้องอาศัยการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศโดยเฉพาะสินค้าอาหารและเครื่องอุปโภคบริโภคต่างๆ ภูมิภาคตะวันออกกลางได้รับผลกระทบจากการระบาดของ COVID-19 เช่นเดียวกับภูมิภาคอื่นๆ ด้านสถานะทางเศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากรัฐบาลหลายประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลางตั้งเป้าหมายเป็นประเทศแรกของโลกที่ฟื้นตัวจาก COVID-19 จึงเร่งอัดฉีดเม็ดเงินจำนวนมหาศาล รวมถึงเร่งฉีดวัคซีนให้กับประชาชน เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและส่งผลให้มีความต้องการนำเข้าสินค้าอีกครั้ง”นางมัลลิกากล่าว
นอกจากนี้ หากดูตัวเลขการส่งออกของไทยไปภูมิภาคตะวันออกกลางระหว่างเดือนมกราคม-มิถุนายน 2564 มีมูลค่า 132,235.89ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมาร้อยละ 13.78 ประเทศ 3 อันดับแรกที่ไทยส่งออกไปมากที่สุดคือ 1. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 2. ซาอุดิอาระเบีย 3. ตุรกี สินค้าส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ รถยนต์และส่วนประกอบ เครื่องปรับอากาศ ผลิตภัณฑ์ยาง ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป โดยภูมิภาคลาตินอเมริกา คาดว่าเศรษฐกิจลาตินอเมริกาในปี 2564 จะปรับตัวดีขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจโลก การผ่อนคลายมาตรการควบคุมด้านเศรษฐกิจเพื่อนำไปสู่การเปิดประเทศได้อีกครั้ง.-สำนักข่าวไทย