นนทบุรี 24 ก.พ. – พาณิชย์ระบุยอดใช้สิทธิประโยชน์สำหรับการส่งออกภายใต้ความตกลงการค้าเสรี (FTA) และภายใต้ระบบสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (GSP) ปี 63 มูลค่าถึง 62,338.86 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มีสัดส่วนการใช้สิทธิฯ ร้อยละ 76.06 ถือว่าลดลงร้อยละ 10.46 จากสาเหตุโควิด-19 ระบาดทั่วโลก
นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยการใช้สิทธิประโยชน์สำหรับการส่งออกภายใต้ความตกลงการค้าเสรี (FTA) และภายใต้ระบบสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (GSP) ในปี 2563 โดยมูลค่าการใช้สิทธิฯ เท่ากับ 62,338.86 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มีสัดส่วนการใช้สิทธิฯ ร้อยละ 76.06 แบ่งเป็นมูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ความตกลงการค้าเสรี (FTA) 58,077.18 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และมูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ระบบสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (GSP) 4,261.68 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยภาพรวม การใช้สิทธิประโยชน์ฯ ปี 2563 ลดลงร้อยละ 10.46
ทั้งนี้ การใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ความตกลงทางการค้าเสรี (FTA) ระหว่างเดือนมกราคม-ธันวาคม 2563 มีมูลค่า 58,077.18 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ร้อยละ 11.41มีสัดส่วนการใช้สิทธิฯ ร้อยละ 76.53 โดยตลาดที่ไทยส่งออกโดยมีมูลค่าการใช้สิทธิฯ ภายใต้ FTA สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.อาเซียน (มูลค่า 19,337 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) 2.จีน (มูลค่า 18,955.57 ล้าดอลลาร์สหรัฐฯ) 3.ออสเตรเลีย (มูลค่า 6,987.07 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) 4.ญี่ปุ่น (มูลค่า 6,495.44 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)และ 5.อินเดีย (มูลค่า 3,306.88 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)
นอกจากนี้ การใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ระบบสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป หรือ GSP ทั้ง 4 ระบบ สหรัฐอเมริกา สวิตเซอร์แลนด์ รัสเซียและเครือรัฐเอกราช และนอร์เวย์ ในปี 2563 มีมูลค่าการใช้สิทธิฯ 4,261.68 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 5.03 และมีสัดส่วนการใช้สิทธิฯ ร้อยละ 70.12 ตลาดส่งออกที่ไทยมีมูลค่าการใช้สิทธิฯ มากที่สุดคือ สหรัฐอเมริกา มีมูลค่าการใช้สิทธิฯ 3,825.94 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 7.57 และมีสัดส่วนการใช้สิทธิฯ ร้อยละ 71.24 อันดับสองคือ สวิตเซอร์แลนด์ มีมูลค่าการใช้สิทธิฯ 270.80 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 18.02 และมีสัดส่วนการใช้สิทธิฯ ร้อยละ 52.46 อันดับ 3 คือ รัสเซียและเครือรัฐเอกราช มีมูลค่าการใช้สิทธิฯ 133.92 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 3.81 และมีสัดส่วนการใช้สิทธิฯ ร้อยละ 81.23 และนอร์เวย์ มีมูลค่าการใช้สิทธิฯ 31.02 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 1.37 และมีสัดส่วนการใช้สิทธิฯ ร้อยละ 100
อย่างไรก็ตาม ทำให้ภาพรวมทั้งปี 2563 การใช้สิทธิประโยชน์ฯ ภายใต้ FTA และ GSP ลดลง มีสาเหตุสำคัญมาจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 ทั่วโลกที่เริ่มระบาดมาตั้งแต่ต้นปี แม้สินค้าบางรายการมีการส่งออกได้น้อยลง แต่มีสินค้าที่ไทยมีศักยภาพในการส่งออกไปในหลายประเทศที่ไทยมีความตกลงฯ คือ สินค้าอาหาร เครื่องดื่ม เกษตร/เกษตรแปรรูป ถือเป็นสินค้าส่งออกดาวเด่นของไทยปี 2563 สะท้อนว่าไทยเป็นครัวของโลก สำหรับสินค้ากลุ่มดังกล่าว ที่มีมูลค่าการใช้สิทธิฯ สูง ภายใต้ความตกลง FTA และขยายตัวได้ดีตั้งแต่ต้นปี 2563 อาทิ ทุเรียนสด (อาเซียน-จีน) ผลไม้อื่นๆ เช่น ลำไย เงาะ ลางสาด (อาเซียน-จีน) ผลไม้แห้ง เช่น ลำไย มะขาม (อาเซียน-จีน) ผลไม้สด (อาเซียน) เนื้อและเครื่องในไก่แช่แข็ง (อาเซียน-จีน, อาเซียน-เกาหลี) กุ้ง (อาเซียน-เกาหลี) เครื่องดื่มที่ไม่เติมแก๊สประเภทนมหรือนมถั่วเหลือง (อาเซียน) อาหารปรุงแต่ง (อาเซียน, ไทย-ชิลี) น้ำผลไม้ (อาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์) เต้าหู้ปรุงแต่ง (อาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์) ซอสปรุง-แต่ง (อาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์) ปลาทูน่า ปลาสคิปแจ็ก และปลาโบนิโตชนิดซาร์ดากระป๋อง (อาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์, ไทย-ชิลี) ปลาทูน่าปรุงแต่ง (อาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์) อาหารปรุงแต่งที่ทำจาก-ธัญพืช (อาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์) สับปะรดปรุงแต่ง (ไทย-ชิลี)
นอกจากนี้ ยังมีสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าบางส่วนที่ขยายตัวได้ดีท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ตอบสนองการ Work From Home อาทิ ตู้เย็นหรือตู้แช่แข็ง (อาเซียน, ไทย-อินเดีย, อาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์) เครื่องซักผ้า (อาเซียน-เกาหลี, ไทย-ชิลี) เครื่องปรับอากาศ (อาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์) และคงจะต้องติดตามในปี 64 นี้ จากทั่วโลกได้รับวัคซีนป้องการแพร่ระบาดโควิด-19 แล้ว จะทำให้การค้าทั่วโลกจะกลับมาดีขึ้นและน่าจะส่งผลให้ยอดการใช้สิทธิดังกล่าวไปยังตลาดต่างๆทั่วโลกเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน . – สำนักข่าวไทย