คลังเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจ คาดจีดีพีปี 64 โต 4%

กรุงเทพฯ 25 พ.ย.-คลังเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจ เตรียมขยายโครงการคนละครึ่งเฟส 2 คาดจีดีพีปี 64 โต 4%

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยผ่านจุดต่ำสุดมาแล้วในไตรมาส 2 ที่ติดลบ 12.2% หลังจากนี้มีสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจน สะท้อนจากตัวเลขเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3 ที่ติดลบลดลงมาอยู่ที่ 6% รวมถึงเสถียรภาพทางการคลังยังมีความแข็งแกร่ง ซึ่งอยู่ที่ 241,000 ล้านดอลลาร์ หรือ 4 เท่าของหนี้ระยะสั้น ขณะที่หนี้สาธารณะต่อจีดีพีอยู่ที่ 49.4% อยู่ในกรอบวินัยการเงินการคลังที่ไม่เกิน 60% ต่อจีดีพี


ทั้งนี้ คาดเศรษฐกิจไทยปีหน้า จีดีพีจะขยายตัวได้ถึง 4% และในช่วง 5 ปี คาดว่าจะขยายตัว 3-5% โดยรัฐบาลพร้อมเดินหน้ามาตรการกระตุ้นกำลังซื้อภายในประเทศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งช่วงที่ผ่านมาหลายโครงการได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เช่น โครงการคนละครึ่ง ช้อปดีมีคืน และเราเที่ยวด้วยกัน เป็นต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการคนละครึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างมาก และสามารถเข้าถึงประชาชนและร้านค้าได้เป็นอย่างดี โดยเตรียมจะขยายโครงการคนครึ่งเฟส 2 ในปีหน้าด้วย

พร้อมย้ำว่า ไทยยังมีฐานะการเงินการคลังที่แข็งแกร่ง สะท้อนจาก S&P จัดอันดับเครดิตของไทยที่ BBB+ โดยสิ่งสำคัญที่ S&P อยากให้ไทยพัฒนา คือ การลงทุนภายในประเทศที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งรัฐบาลเตรียมเดินหน้าลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงสนับสนุนการและจะผลักดันในโครงการที่มีศักยภาพและสามารถเติบโตได้ในอนาคต เช่น เทคโนโลยีและดิจิตอล ธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพ


ทั้งนี้ ยอมรับว่า ในช่วงโควิด-19 ความต้องการเงินกู้ในประเทศของภาคเอกชนมีแนวโน้มสูงขึ้น ซึ่งจะมีการเข้าไปหารือร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวอีกครั้ง โดยมองว่าการกู้เงินในประเทศ และต่างประเทศ มีต้นทุนใกล้เคียงกัน ซึ่งการกู้เงินจากต่างประเทศจะเป็นอีกช่องทางในการกระจายการกู้เงิน แล้วการกู้เงินในต่างประเทศก็มีเงื่อนไขที่สามารถนำมาพัฒนาประเทศต่อได้ โดยการกู้เงินในต่างประเทศนั้น จะต้องพิจารณาเงื่อนไขสำคัญ 4 เรื่อง ได้แก่ 1.การกู้เงินแลกกับเงื่อนไขการถ่ายทอดเทคโนโลยีขั้นสูง เพื่อนำไปสู่การพัฒนาประเทศ 2.การใช้ลงทุนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและลดปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ 3.การใช้ลงทุนในเชิงสังคม โดยเฉพาะเรื่องสุขภาพและสุขอนามัย นำไปสู่โอกาสในการขยายในธุรกิจท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และการดูแลผู้สูงอายุ และ 4. การกู้มาใช้ในสาขาที่ประเทศต้องการ เช่น ดิจิตอล เทคโนโลยี และระบบขนส่งมวลชน

อย่างไรก็ดี ในปีงบประมาณ 2564 ยังไม่มีแผนการกู้เงินต่างประเทศ ตามพ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท นอกจากที่กู้เงินกับธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) 1,500 ล้านบาทต่อดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับการดูแลสถานการณ์ค่าเงินบาทที่แข็งค่านั้น กระทรวงการคลัง ยังทำงานสอดประสานกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในการดูแลค่าเงินบาท โดยเชื่อว่าหลังจากนี้ ธปท. จะมีมาตรการดูแลเพิ่มเติม เพื่อดูแลไม่ให้ค่าเงินบาทแข็งค่าเกินไป.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง