ทำเนียบรัฐบาล 18 ส.ค. – ครม.อนุมัติโครงการประกันรายได้ผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 63/64 และมาตรการเสริมช่วยเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์กว่า 4.5 แสนรายทั่วประเทศ
นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ครม.อนุมัติโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปี 2563/2564 วงเงินรวม 1,913.11 ล้านบาท และอนุมัติมาตรการคู่ขนานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2563/2564 รวม 5 มาตรการ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 450,000 ราย ให้มีรายได้ที่แน่นอน ครอบคลุมต้นทุนและค่าขนส่งในช่วงที่ราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ตกต่ำ และใช้กลไกตลาดในการสร้างเสถียรภาพราคาระยะยาวอย่างยั่งยืน รายละเอียดของการอนุมัติ มีดังนี้
1.โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปี 2563/2564 วงเงินรวมทั้งสิ้น 1,913.11 ล้านบาท ซึ่งเป็นการดำเนินการในลักษณะเดียวกันกับโครงการปี 2562/2563 โดยประกันรายได้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ความชื้น 14.5% กิโลกรัมละ 8.50 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 30 ไร่ ในพื้นที่เพาะปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ทั่วประเทศและไม่ซ้ำแปลง กำหนดช่วงเวลาการเพาะปลูกระหว่างวันที่ 1 มิถุนายน 2563 – 31 พฤษภาคม 2564 แต่มีข้อยกเว้น คือ หากเป็นข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่แจ้งขึ้นทะเบียนเพาะปลูกเพื่อผลิตเป็นเมล็ดพันธุ์ จะไม่สามารถเข้าร่วมโครงการได้ สำหรับการจ่ายเงินชดเชยส่วนต่างงวดแรก รัฐบาลจะเริ่มจ่ายวันที่ 20 พฤศจิกายน 2563 และจะจ่ายต่อไปทุกวันที่ 20 ของเดือน จนถึงวันสิ้นสุดการจ่ายเงินชดเชยงวดสุดท้ายเดือนตุลาคม 2564 โดยให้ใช้แหล่งเงินทุนจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และรัฐบาลจะชำระคืนตามที่จ่ายจริงภายใน 1 ปี ทั้งนี้ ระยะเวลาโครงการเริ่มตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2563 ถึง 30 เมษายน 2565
สำหรับผลการดำเนินโครงการประกันรายได้ปี 2562/2563 ข้อมูล ณ วันที่ 3 กรกฎาคม 2563 ธ.ก.ส.จ่ายเงินชดเชยส่วนต่างให้เกษตรกร 7 ครั้ง จำนวน 207,796 ครัวเรือน คิดเป็น 45.97% ของเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ทั้งหมด 452,000 ราย รวมเป็นเงิน 606.30 ล้านบาท คิดเป็น 39.05% ของวงเงินจ่ายขาดทั้งหมด (1,552.78 ล้านบาท) คงเหลืองบประมาณจ่ายขาด 946.48 ล้านบาท
2.มาตรการคู่ขนานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปี 2563/2564 รวม 5 มาตรการ คือ 1.โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ปี 2563/2564 วงเงิน 45 ล้านบาท เป็นการสนับสนุนสินเชื่อแก่สหกรณ์การเกษตร กลุ่มเกษตรกร และกลุ่มวิสาหกิจชุมชน เพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนในการรวบรวมรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากเกษตรกร ซึ่งจะช่วยดูดซับปริมาณผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในช่วงที่ผลผลิตออกมามาก วงเงินสินเชื่อ 1,500 ล้านบาท โดยใช้แหล่งเงินทุนจาก ธ.ก.ส.ดอกเบี้ย 4% ต่อปี คิดดอกเบี้ยจากผู้กู้ 1% ต่อปี และรัฐบาลจะเป็นผู้ชดเชยดอกเบี้ย 3% ต่อปี เป็นเวลาไม่เกิน 12 เดือน คิดเป็นงบประมาณชดเชยดอกเบี้ยรวม 45 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินโครงการตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2563 – 30 มิถุนายน 2565
2.โครงการชดเชยดอกเบี้ยในการเก็บสตอกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปีการผลิต 2563/2564 ซึ่งเป็นการดำเนินโครงการลักษณะเดียวกันกับปีที่ผ่าน วงเงินสินเชื่อ 1,500 ล้านบาท รัฐบาลชดเชยดอกเบี้ย 3% ต่อปี ตามระยะเวลาที่เก็บสตอกไว้ 60 – 120 วัน คิดเป็นงบประมาณชดเชยดอกเบี้ยรวม 15 ล้านบาท โดยใช้งบประมาณจากคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.)
3.การบริหารจัดการการนำเข้า โดยกำหนดช่วงเวลาการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์สำหรับผู้นำเข้าทั่วไป การควบคุมการขนย้ายในพื้นที่ติดชายแดนเพื่อนบ้าน การกำหนดสัดส่วนการนำเข้าข้าวสาลีต่อการรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 1 : 3 และการตรวจสอบการรับรอบนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากประเทศเพื่อนบ้าน 4.การดูแลความเป็นธรรมในการซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ โดยกำหนดให้ผู้รับซื้อแสดงราคาจุดรับซื้อที่ความชื้น 14.5% และ 30% พร้อมแสดงตารางการเพิ่ม-ลด ราคาตามเปอร์เซ็นต์ความชื้น และกำหนดให้ใช้เครื่องชั่งน้ำหนัก เครื่องวัดความชื้น ที่มีมาตรฐาน และ 5.การดูแลความสมดุล โดยแจ้งปริมาณการครอบครอง การนำเข้า สถานที่เก็บและการตรวจสอบสตอก
นางสาวรัชดา กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อให้การดำเนินโครงการเกิดประสิทธิภาพและผู้เข้าร่วมโครงการได้รับประโยชน์สูงสุด ที่ประชุม ครม.ได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการเพิ่มเติม คือ กำหนดให้เกษตรกรผู้มีสิทธิ์ได้รับเงินชดเชยตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2563/2564 จะต้องเป็นเกษตรกรที่มีเอกสารสิทธิ์ในที่ดิน หรือหนังสืออนุญาตให้ทำประโยชน์ในที่ดิน หรือมีหนังสือสัญญาเช่าที่ดินที่มีเอกสารสิทธิ และกำหนดหลักเกณฑ์การให้สินเชื่อของโครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ปี 2563/2564 ให้สหกรณ์การเกษตร กลุ่มเกษตรกร และกลุ่มวิสาหกิจชุมชนรับซื้อหรือรวบรวมข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เฉพาะรายที่มีเอกสารสิทธิ์ในที่ดิน หรือหนังสืออนุญาตให้ทำประโยชน์ในที่ดิน หรือหนังสือสัญญาเช่าที่ดินที่มีเอกสารสิทธิ์ . – สำนักข่าวไทย