คมนาคมทุกหน่วยงานระดมรับมือพายุเข้า ทำถนน-สะพานขาด

กรุงเทพฯ 2 ส.ค.- คมนาคม สั่งกรมทางหลวง ระดมทุกหน่วยงานในสังกัด รับมือสถานการณ์พายุเข้า เร่งซ่อมแซมสะพาน-ถนนขาดด่วน พร้อมแนะนำทางเลี่ยงกับผู้สัญจร และต้องเกาะติดสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง ด้านทางหลวง เผยฝนตกหนัก น้ำป่าทะลัก “กัดเซาะถนน-คอสะพานขาด” หลายจังหวัด เจ้าหน้าที่เร่งลงหน้างานเข้าแก้ไข


นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีหลายพื้นที่ของประเทศมีฝนตกหนัก น้ำป่าไหลหลาก ส่งผลให้ถนนที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมทางหลวง (ทล.)ในพื้นที่หลายจังหวัดของประเทศได้รับความเสียหาย บางพื้นที่ถนนถูกตัดขาด คอสะพานขาด ทำให้ประชาชนในพื้นที่และ บริเวณใกล้เคียงไม่สามารถสัญจรผ่านไปมาได้นั้น ในเรื่องนี้ได้มีการสั่งการให้กรมทางหลวง และส่วนงานที่เกี่ยวข้อง เข้าพื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย และแก้ไขซ่อม ทอดสะพานเหล็ก แจ้งประชาสัมพันธ์ รวมถึงมีเจ้าหน้าที่ บอกเส้นทางเลี่ยงให้ประชาชนสามารถสัญจรได้ภายใน 24 ชั่วโมง หรือ หากบางพื้นที่จะต้องอพยพประชาชนออกจากพื้นที่เพื่อให้เกิดความปลอดภัยก็ต้องเข้าช่วยเหลืออย่างโดยเร็ว

ด้านนายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยว่า วันนี้ (2 ส.ค. 63) ได้รับรายงานว่า เกิดเหตุฝนตกหนักในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ และในหลายๆพื้นที่ของประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดเชียงราย ได้รับรายงานว่าในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่มี ทางเบี่ยงสะพานขาด 3 จุด ในโครงการก่อสร้าง ทล.118 ตอนดอยสะเก็ด -ป่าเมี่ยง ตอน 2ประกอบไปด้วย บริเวณ กม. 32+260 ,กม.32+942 ,กม. 39+880 และในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ในโครงการก่อสร้าง ทล.118 ตอน บ.ปางน้ำถุ – บ.โป่งป่าตอง ตอน 2 ทางเบี่ยงสะพานขาด 2 จุด ประกอบไปด้วย บริเวณ กม. 58+679 ,กม.61+632โดยขณะนี้ทางแขวงทางหลวงเชียงใหม่ที่ 2 ได้เข้าพื้นที่ เตรียมเครื่องจักรและวัสดุรอคืนสภาพในทุกจุด ทั้งการทอดสะพานเบลี่ย์ (สะพานเหล็กชั่วคราว)ที่สะพานขาด คาดว่าจะเปิดเส้นทางได้ภายในคืนนี้


อย่างไรก็ตาม ทางกรมทางหลวงจะเร่งซ่อมทางเบี่ยงที่ขาดทั้ง 5 จุด ให้คืนสภาพ รวมถึง เพิ่มท่อเหลี่ยม ให้ประชาชนสามารถสัญจรผ่านไปมา ขณะเดียวกันได้สั่งการให้ สำนักงานเขตทางหลวง แขวงทางหลวง ทั่วประเทศ เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากมีพื้นที่ใดประสบปัญหา เจ้าหน้าที่จะเข้าพื้นที่เพื่อช่วยเหลือทันที

นอกจากนี้ กรมทางหลวงยังได้สรุปสถานการณ์อุทกภัยบนทางหลวง พบว่า ทางหลวงได้ถูกน้ำท่วม จำนวน 7 จังหวัด (10 สายทาง จำนวน 17 แห่ง) ได้แก่

จังหวัดเชียงราย (ทล.118) จังหวัดเชียงใหม่ (ทล.118,ทล.121) จังหวัดน่าน (ทล.101,ทล.1091) จังหวัดลำปาง (ทล.120) จังหวัดเลย (ทล.2108,ทล.2249) จังหวัดหนองบัวลำภู (ทล.210) จังหวัดมหาสารคาม (ทล.2322) โดยทางหลวงที่การจราจรไม่สามารถผ่านได้มี 8 เส้นทาง ดังนี้ ทล.118 ที่กม.32+269 ,กม.32+942,กม.39+880 กม.58+679 ,กม.61+632 ทล.121 ที่กม.4 ทล.2018 ที่กม.0+194 และ ทล.2249 ที่ กม.16+250 ผู้ใช้ทางสามารถสอบถามสภาพการจราจรได้ที่สายด่วนกรมทางหลวง 1586 (โทรฟรี 24 ชั่วโมง) .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผ่าไชน่า เรลเวย์ คว้า 3 โครงการรัฐในภูเก็ต

เหตุการณ์ตึก สตง.ถล่ม กลายเป็นปฐมบทในการปูพรมตรวจสอบบริษัท ไชน่า เรลเวย์ หลังพบเป็นผู้ชนะการประมูลโครงการก่อสร้างตึก สตง. และโครงการรัฐหลายแห่งทั่วประเทศ ล่าสุดที่ จ.ภูเก็ต ตรวจพบ 3 โครงการ และหนึ่งในนั้นกำลังมีปัญหาก่อสร้างที่ไม่ได้มาตรฐาน

มหาสงครามโลก

นักวิชาการชี้ “มหาสงครามโลกครั้งที่ 3” เกิดแน่ถ้าโลกยังตึงเครียด

นักวิชาการด้านความมั่นคงและการต่างประเทศระดับแนวหน้าของไทย มีความเห็นตรงกันว่า หากผู้นำชาติมหาอำนาจไม่เร่งลดระดับความตึงเครียดสถานการณ์โลก

กู้ภัยนานาชาติ เครือข่าย USAR ถอนกำลังแล้ว

กู้ภัยนานาชาติ เครือข่าย USAR ถอนกำลังแล้ว หลังอยู่ปฏิบัติภารกิจค้นหา-กู้ชีพ สนับสนุนกู้ภัยไทย เหตุตึก สตง.ถล่ม กว่า 1 สัปดาห์

ธรรมชาติใต้ดินเปลี่ยนไป หลังแผ่นดินไหว 1 สัปดาห์

แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ส่งแรงสั่นสะเทือนในหลายพื้นที่ของภาคเหนือ แม้บนพื้นผิวดินจะไม่ได้สร้างความเสียหายมากนัก แต่พบความเปลี่ยนแปลงสภาพใต้ดินจนเกิดปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทั้งหลุมยุบขนาดใหญ่ น้ำพุร้อนที่เคยพุ่งจากใต้ดินหายไป แต่น้ำตกที่แห้งในหน้าแล้งกลับมีน้ำไหลออกมา ซึ่งนักธรณีวิทยายืนยันเป็นผลพวงจากแผ่นดินไหวครั้งนี้

ข่าวแนะนำ

นายกฯ เยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่กู้ภัยตึก สตง.ถล่ม

นายกรัฐมนตรี เยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่กู้ภัย ค้นหาผู้สูญหายเหตุตึก สตง.ถล่ม พร้อมสอบถามถึงอุปสรรคในการทำงานและความต้องการเพิ่มเติม

ปรับวิธีรายงานยอดผู้เสียชีวิต ให้นิติเวชยืนยันก่อน

รองผู้ว่าฯ กทม. เผยยอดผู้เสียชีวิตเหตุตึกถล่ม ที่ผ่านการพิสูจน์อัตลักษณ์แล้ว อยู่ที่ 16 ราย และอยู่ระหว่างการค้นหาอีก 78 ราย พร้อมแจงปรับวิธีรายงานยอดผู้เสียชีวิต ให้นิติเวชยืนยันก่อน