กรุงเทพฯ 7 ม.ค.-บ้านปูฯ มองตลาดพลังงานเวียดนามสดใส ตั้งเป้าส่งถ่านหินกว่า 2 ล้านตัน ด้านเอ็กโก้ พร้อมถอนตัวถ่านหินอินโดนีเซีย-พลังงามลมออสเตรเลีย หากดีลขายได้กำไรที่ดี
นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าเวียดนาม เป็นประเทศที่ 10 ที่บ้านปูฯ ลงทุนและมองเห็นโอกาสเติบโตทางธุรกิจ เนื่องจาก มีความเติบโตด้านความต้องการใช้ไฟฟ้าสูง โดยแผนพัฒนากำลังไฟฟ้าระยะยาว (พีดีพี )ของเวียดนาม คาดการณ์ว่าในปี 2573 ปริมาณการใช้ไฟฟ้าในประเทศเวียดนามจะสูงขึ้น 2 เท่าตัว เป็น 130 กิกะวัตต์ สอดรับกับแนวโน้ม การเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยถ่านหินยังคงเป็นเชื้อเพลิงหลักที่ใช้ผลิตไฟฟ้า อย่างไรก็ตาม ปริมาณถ่านหินภายในประเทศไม่เพียงพอต่อความต้องการ จึงมีความจำเป็นในการนำเข้าถ่านหินจากต่างประเทศ ในปีที่ผ่านมา บ้านปูฯ ได้ส่งถ่านหินไปยังเวียดนามคิดเป็นจำนวน 1.3 ล้านตัน และในปี 2562 บริษัทเป้าหมายเพิ่มปริมาณส่งมอบถ่านหินเป็นจำนวนกว่า 2 ล้านตัน
นอกจากความแข็งแกร่งด้านการผลิตและจำหน่ายถ่านหินที่มีความโดดเด่น ในปี 2561 บริษัทฯ ได้จัดตั้งสำนักงานที่นครโฮจิมินห์ขึ้น เพื่อบริหารจัดการด้านการขายของธุรกิจถ่านหินครอบคลุมการดำเนินการด้านการตลาดและการให้บริการลูกค้า การวิจัย การทำสัญญาซื้อขาย และระบบโลจิสติกส์ นอกจากนี้ สำนักงานแห่งนี้ยังตอบโจทย์การพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม รวมถึงศึกษาโอกาสในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และโครงการโรงไฟฟ้าจากพลังงานเชื้อเพลิงทั่วไปเพิ่มเติมอีกด้วย
นายจักษ์กริช พิบูลย์ไพโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด(มหาชน)(EGCO) เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทฯได้พิจารณาและพร้อมที่ขายธุรกิจเหมืองถ่านหินที่อินโดนีเซีย หากมีผู้สนใจเสนอซื้อในราคาที่มีผลตอบแทนเป็นที่น่าพอใจหรือได้กำไรดี แม้ว่าขณะนี้ราคาถ่านหินจะปรับตัวสูงขึ้น และมีผลกำไรก็ตาม แม้ว่าถ่านหินจะเป็นธุรกิจเกี่ยวกับธุรกิจหลักคือโรงไฟฟ้า ซึ่ธุรกิจถ่านหินมีกำลังการผลิตต่ำกว่าเป้าหมายเล็กน้อย โดยผลิตอยู่1.2 ล้านตัน/ปี แต่ทำกำไรได้เพิ่มขึ้น เนื่องจากราคาถ่านหินปรับสูงขึ้น
“ที่ผ่านมา มีผู้สนใจซื้อเหมืองถ่านหินมานัมบัง เมาราอีนิมที่เอ็กโก กรุ๊ปถือหุ้นอยู่40% แต่เนื่องจากไม่สามารถตกลงเงื่อนไขราคากันได้ ทำให้ดีลดังกล่าวต้องหยุดไป หากมีนักลงทุนรายใหม่สนใจซื้อบริษัทก็พร้อมเจรจา เช่นเดียวกับโรงไฟฟ้าพลังลมโบโคร็อค วินด์ฟาร์ม(BRWF)ขนาด113 เมกะวัตต์ที่ออสเตรเลีย หากมีผู้สนใจซื้อก็พร้อมที่จะขายโรงไฟฟ้าดังกล่าวออกไป เนื่องจากเห็นว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจออสเตรเลียอยู่ตัว ไม่สูงมาก”นายจักษ์กริช-สำนักข่าวไทย