SCB EIC ชี้หากไทยถูกสหรัฐเก็บภาษีอัตราสูงสุด จีดีพีปี 68 อาจหดตัวเหลือ 0.8%

กรุงเทพฯ 18 มิ.ย. – SCB EIC ประเมินเศรษฐกิจไทยจะโตต่ำไม่ถึง 2% ยาวไปปีหน้า จากสงครามการค้าไม่แน่นอน-แผลเป็นเศรษฐกิจเรื้อรัง ชี้หากถูกเรียกเก็บภาษีจากสหรัฐสูงสุด จีดีพีปีนี้อาจหดตัวเหลือ 0.8% คาดปีนี้ กนง.ลดดอกเบี้ยอีก 2 ครั้ง ระบุงบ 1.57 แสนล้าน ยังไม่พอกระตุ้นเศรษฐกิจ มองขึ้นค่าแรง 400 บาท กลุ่มโรงแรม อาจกระทบรายย่อย แนะเพิ่มทักษะแรงงานเพื่อความยั่งยืน


ดร.ยรรยง ไทยเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานวิจัยเศรษฐกิจและความยั่งยืน, ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) เปิดเผยว่าเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มขยายตัวเพียง 2.3% ในปี 2568 และ 2569 ชะลอลงจาก 2.8% ในปีก่อน จากสงครามการค้าและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่สูงขึ้นมาก มองว่าการเจรจาข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้าอาจยืดเยื้อ ประกอบกับกระบวนการทางกฏหมายภายในของสหรัฐฯ ต่อประเด็นอำนาจของประธานาธิบดีในการใช้นโยบายภาษีนำเข้า โดยผลกระทบด้านการค้าระหว่างประเทศและการลงทุนจะรุนแรงและชัดเจนขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2568

เศรษฐกิจโลกยังเผชิญกับความผันผวนในตลาดการเงินจากความเชื่อมั่นที่ลดลงต่อสินทรัพย์ในรูปดอลลาร์สหรัฐ และความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่สูงขึ้น จากสงครามระหว่างอิสราเอลและอิหร่านที่ปะทุขึ้น แม้ในระยะสั้นอาจส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับสูงขึ้นไม่มากนัก จากอุปทานส่วนเกินที่ยังมีมาก แต่หากความขัดแย้งขยายวงและกระทบต่อแหล่งอุปทานในตะวันออกกลาง ก็จะเป็นปัจจัยเสี่ยงที่เพิ่มความเปราะบางให้กับเศรษฐกิจโลกได้ โดย SCB EIC ประเมินว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะเริ่มลดดอกเบี้ย 1 ครั้ง (25 bps) ในช่วงปลายปีนี้ และลดดอกเบี้ยอีกเพียง 2 ครั้ง (ครั้งละ 25 bps) ในปี 2569 เนื่องจากยังมีความเสี่ยงเงินเฟ้อสูงจากกำแพงภาษีและนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่ธนาคารกลางจีน (PBOC) มีแนวโน้มลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมสู่ระดับ 1%


ด้านธนาคารกลางยุโรป (ECB) ปีนี้ปรับลดดอกเบี้ยไปแล้ว 100 bps และมีแนวโน้มจะลดอีก 25 bps ในช่วงที่เหลือของปีนี้ จากแรงกดดันเงินเฟ้อที่ต่ำลง

สำหรับเศรษฐกิจไทย SCB EIC ยังคงมุมมองประมาณการเศรษฐกิจไทยในปีนี้เติบโตต่ำที่ 1.5% และต่อเนื่องถึงปี 2569 ที่ 1.4% จากสงครามการค้า แผลเป็นเศรษฐกิจในภาคครัวเรือนและ SMEs ที่มีอยู่เดิม และข้อจำกัดด้านนโยบายการคลัง โดยเศรษฐกิจไทยช่วงครึ่งปีหลังนี้จะโตเฉลี่ยต่ำกว่า 1% และมีโอกาสเข้าสู่ Technical recession จากการส่งออกและการลงทุนที่จะแผ่วลง ขณะที่แรงส่งจากภาคการท่องเที่ยวจะน้อยกว่าคาด โดยคาดว่านักท่องเที่ยวต่างชาติปีนี้ลดลงเหลือ 34.2 ล้านคน จากนักท่องเที่ยวจีนหดตัวและนักท่องเที่ยวระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น การลงทุนภาคเอกชนมีแนวโน้มหดตัวต่อเนื่อง จากความไม่แน่นอนของนโยบายการค้า กำลังซื้อทั้งในและต่างประเทศที่อ่อนลง และความเชื่อมั่นภาคธุรกิจที่ลดลง ส่งผลให้ภาคธุรกิจเลือกที่จะชะลอการลงทุน แม้ตัวเลขการอนุมัติการสนับสนุนการลงทุนของ BOI ยังเพิ่มขึ้นก็ตาม ทั้งนี้ ต้องติดตามการเจรจาไทย-สหรัฐ ประเมินว่าหากไทย ถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากสหรัฐ ในอัตราสูงสุด เศรษฐกิจไทยปีนี้ อาจโตต่ำลงไปถึงระดับ 0.8%

อย่างไรก็ตาม ประเมินว่าการบริโภคภาคเอกชนจะชะลอลงมาก ส่วนหนึ่งเป็นผลจากภาคครัวเรือนยังอยู่ในช่วงการปรับลดภาระหนี้ที่สูงขึ้นมากในช่วงก่อนหน้า (Deleveraging) ซึ่งจะส่งผลให้ครัวเรือนระมัดระวังในการใช้จ่าย นอกจากนี้ ยังได้รับแรงกดดันเพิ่มเติมจากความเปราะบางด้านการจ้างงานและรายได้ ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ลดลงมาก และภาวะการเงินที่ยังตึงตัว


ขณะที่แผนการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐวงเงิน 1.57 แสนล้านบาท แทนโครงการดิจิทัลวอลเล็ต แม้จะช่วยเศรษฐกิจได้ตรงจุดมากขึ้น แต่ผลจะเกิดขึ้นช้ากว่าและยังไม่เพียงพอ ทั้งนี้ SCB EIC ประเมินว่าแรงส่งเศรษฐกิจจากการใช้จ่ายงบประมาณในปี 2569 จะแผ่วลง ขณะที่หนี้สาธารณะมีแนวโน้มติดเพดาน 70% ของ GDP ในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า ซึ่งอาจเป็นข้อจำกัดของการเพิ่มงบกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะข้างหน้าหากไม่มีการปฏิรูปด้านการคลังควบคู่ไปด้วย

ด้านเงินเฟ้อทั่วไปยังคงติดลบ สะท้อนราคาพลังงานที่ปรับลดลงต่อเนื่อง และกำลังซื้อในประเทศที่ยังซบเซา โดยประเมินว่าเงินเฟ้อในไตรมาส 2 อาจยังติดลบอยู่ก่อนจะทยอยปรับสูงขึ้นในช่วงสิ้นปี มองเงินเฟ้อมีแนวโน้มต่ำกว่ากรอบเป้าหมายต่อเนื่องในปี 2569 จากปัจจัยอุปสงค์ที่ฟื้นตัวช้า ราคาพลังงาน รวมถึงสินค้าเกษตรขยายตัวต่ำ ทั้งนี้ความเสี่ยงจากสงครามในตะวันออกกลางเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม โดย SCB EIC ประเมิน กนง. มีโอกาสลดดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้เหลือ 1.25% และอาจลดดอกเบี้ยปีหน้าอีก 1 ครั้ง เพื่อช่วยผ่อนคลายภาวะการเงินที่ตึงตัวต่อเนื่อง

ดร.ยรรยง กล่าวเพิ่มเติม ถึงการปรับเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำในอัตราวันละ 400 บาท เพิ่มเติมในพื้นที่ กทม. และจังหวัดอื่น ในกลุ่มกิจการโรงแรมทั่วประเทศ ตั้งแต่ระดับ 2 ดาวขึ้นไป หรือโรงแรม 50 ห้องขึ้นไป และกิจการสถานบริการทั่วประเทศ โดยให้มีผลตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป มองว่าเป็นประโยชน์ แต่จะต้องทำอย่างไรให้แรงงานไทยมีประสิทธิภาพดีขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มรายได้อย่างยั่งยืน ขณะเดียวกันมองว่าผู้ประกอบการรายย่อยอาจได้รับผลกระทบมากกว่าธุรกิจรายใหญ่ ดังนั้นรัฐบาลจึงต้องมีมาตรการติดตามผลกระทบของผู้ประกอบการด้วยเช่นกัน.-516-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ยิงกำนันเล้น

ออกหมายจับ “ไอ้ ด.” มือปืนขาเป๋ ยิงถล่มกำนันเล้น ตร.ไล่ล่ากระชั้นชิด

ตรัง 8 ส.ค. – ออกหมายจับ ไอ้ ด. มือปืนขาเป๋ ยิง M16 ถล่มดับกำนันเล้น จ.ตรัง เผยปมสังหารจากคนเคยช่วยเหลือกลับขัดแย้ง-ขู่ฆ่า ผู้การตรังเผยแกะรอยเบาะแสไล่ล่าเป็นประโยชน์ ติดตามตัวแบบหายใจรดต้นคอ ลั่นต้องจับให้ได้ ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดตรังเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 ว่า จากกรณีคนร้ายชายในชุดดำสวมหมวกกันน็อกปิดบังใบหน้า ใช้อาวุธสงคราม M16 ยิงถล่มนายบัณฑิต รองพล หรือ กำนันเล้น อายุ 57 ปี กำนันตำบลนาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง และประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอห้วยยอด จนเสียชีวิต กระสุนเจาะประตูรถฝั่งคนขับพรุน 15 นัด ปลอกกระสุนขนาด 5.56 ตกกระจายเกลื่อน เหตุเกิดช่วงเวลาประมาณ 01.00 น. วันที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมา บริเวณหน้าบ้านของนายบัณฑิต พื้นที่หมู่ 9 ต.นาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ซึ่งเป็นช่วงระหว่างที่นายบัณฑิตเดินทางกลับจากงานเลี้ยงงานแต่งงาน […]

“บุ๋ม ปนัดดา” พร้อมชน “มาลี”

กรุงเทพฯ 8 ส.ค. – ฮือฮาและเป็นที่พูดถึงอย่างมาก สำหรับการแต่งตั้ง “ดร.บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี” นั่งโฆษก ศบ.ทก.จิตอาสา ด้าน “บุ๋ม” เปิดใจ เป็นคนชัดเจน ตรงไปตรงมา พร้อมชน “มาลี” ลั่นไม่กลัวเฟคนิวส์.-สำนักข่าวไทย

ชาวบ้าน อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี กลับบ้านพร้อมหน้า

อุบลราชธานี 8 ส.ค. – ฝนชะล้างความเศร้า ชาวบ้าน อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี กลับเข้าบ้านเรือนเกือบหมดแล้ว ครอบครัวได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตาอีกครั้งในรอบกว่า 2 สัปดาห์ นับตั้งแต่เกิดเหตุไม่สงบชายแดนไทย-กัมพูชา .-สำนักข่าวไทย

จับผับรังสิต

สั่งเด้งผู้การปทุมธานี ขาดจากตำแหน่งเดิม เซ่นจับผับดังรังสิต

8 ส.ค. – โดนด้วย! สั่งเด้งผู้การปทุมธานี โดยให้ขาดจากตำแหน่งเดิม พร้อมพวกอีก 5 นาย เซ่นจับผับดังรังสิต พบฉี่ม่วงเพียบเฉียด 200 คน พล.ต.ต.ศิลปคมณ์ เอี่ยมวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ลงนามในคำสั่งตำรวจภูธรภาค 1 ที่ 209/2568 เรื่อง ข้าราชการตำรวจช่วยราชการ ใจความว่า ด้วย ตำรวจภูธรภาค 1 มีคำสั่งที่ 208/2568 ลงวันที่ 8 สิงหาคม 2568 แต่งตั้ง คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ในกรณีเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 เวลา 01.00 น. ชุดปฏิบัติการ พิเศษกรมการปกครอง ได้มีการจัดระเบียบสังคม โดยเปิดปฏิบัติการ (Zero Drug) โดยนำกำลังเข้าทำการ ตรวจสอบและจับกุมสถานบริการ ชื่อ ร้าน “Skin […]