กรุงเทพฯ 18 มิ.ย. – เอกชน เผยนักลงทุนยัง wait & see รอผลคดี “เศรษฐา” ย้ำไทยต้องการเสถียรภาพทางการเมือง หวั่นเกิดสุญญากาศ ซ้ำเติมบรรยากาศลงทุน
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ย้ำว่าความไม่แน่นอนทางเมืองเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจไทยมีความเสี่ยง ส่งผลกระทบต่อไปถึงความเชื่อมั่นนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันก็ยังคงอยู่ในโหมด wait & see เพื่อรอความชัดเจน ทำให้ประเทศไทยสูญเสียโอกาสในการดึงดูดการลงทุน อย่างไรก็ตาม สำหรับภาพรวมประเด็นทางการเมือง ซึ่งวันนี้มี 4 คดีสำคัญ โดยคดีคือเรื่องการเลือกสว. ศาลรัฐธรรมนูญให้ไปต่อ ส่วนอีก 3 คดี ประกอบด้วยคดีนายเศรษฐา ทวีสิน กรณีประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องสมาชิกวุฒิสภา 40 คน ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ ความเป็นรัฐมนตรี ยังต้องลุ้นต่อ อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าเรื่องนี้มีผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจและการลงทุนของเมืองไทย เนื่องจากนายเศรษฐา เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นคีย์แมน กำลังขับเคลื่อนนโยบายประเทศ คดีนายทักษิณ ศาลก็ให้ประกันตัว
ส่วนประเด็นของพรรคก้าวไกล ก็ยังคงต้องรอลุ้นกันต่อไป โดยประเด็นนี้ประเทศใหญ่ ๆ ก็จับตาดูมากขึ้น บรรยากาศการลงทุนวันนี้โดยรวมถือว่าไม่ได้แย่ลงมากกว่าเดิม แต่ก็ไม่ได้ดีขึ้น จากที่อึมครึ้มอยู่ก็ยังอึมครึมต่อไป นักลงทุนก็ยังคง Wait & see อย่างไรก็ตาม ภาคเอกชนได้เตรียมแผนรับมือผลการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ในกรณีของนายกรัฐมนตรีเอาไว้แล้ว แต่ทั้งนี้ก็ไม่อยากให้ไปถึงจุดที่เป็น worst case สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ เชื่อว่าทุกคนอยากให้เดินหน้าต่อ ไม่ต้องการให้สะดุดไม่ว่าเรื่องใด หากสะดุดระหว่างทางจะทำให้เสียจังหวะ สิ่งที่ทำมาทั้งหมดในช่วงที่ผ่านมา ทั้งการโรดโชว์ดึงนักลงทุน ดึงนักท่องเที่ยวก็เท่ากับศูนย์ การเกิดสุญญากาศทางการเมือง คือสิ่งที่ไม่มีใครต้องการให้เกิดขึ้น เพราะกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศอย่างมาก ทุกอย่างต้องเริ่มต้นใหม่ภายใต้บรรยากาศที่สับสน ขณะนี้สิ่งที่ประเทศไทยต้องการมากที่สุดก็คือความมีเสถียรภาพทางการเมือง
อย่างไรก็ตาม ช่วงนี้เศรษฐกิจไทยอยู่ในช่วงเปราะบาง การเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐล่าช้า แม้จะอนุมัติแล้วแต่ก็ยังเบิกจ่ายได้ไม่มากเท่าที่ควร ดังนั้นจึงอยากให้หน่วยงานภาครัฐเร่งทำสัญญาเบิกจ่ายงบประมาณ เพื่อเติมเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ อย่าใส่เกียร์ว่าง. -517-สำนักข่าวไทย